กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ได้จัดประชุมเชิงปฎิบัติการครั้งที่ 1 โครงการวางผังภาคกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่อเป็นผังแม่บทในการชี้นำการพัฒนากรุงเทพมหานครและปริมณฑล รองรับการพัฒนาพื้นที่ให้เชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ ลดปัญหาความขัดแย้งด้านการใช้ประโยชน์ที่ดิน จัดระบบคมนาคมขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานให้สอดคล้องและเหมาะสมกับศักยภาพของพื้นที่ พร้อมตั้งเป้าก้าวเข้าสู่บทบาทการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ รวมทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “มหานครแห่งเอเชีย” (The Greater Region of Asia) ในปี 2580
นางอัธยา เทพมงคล รองอธิบดี กรมโยธาธิการและผังเมือง ระบุว่า กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เป็นมหานครที่มีความเติบโตทางกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคม เป็นพื้นที่เชื่อมต่อกันเป็นมหานครขนาดใหญ่ ทำให้เกิดปัญหาการพัฒนาพื้นที่และการใช้ประโยชน์ที่ดินโดยเฉพาะบริเวณพื้นที่รอยต่อที่ไม่เป็นระเบียบและขัดแย้งกัน มีการพัฒนาเป็นแหล่งธุรกิจการค้า อุตสาหกรรม ที่อยู่อาศัยหนาแน่น อีกทั้งยังมีการขยายตัวของเมืองรุกล้ำพื้นที่เกษตรกรรม กรมฯจึงได้ดำเนินโครงการวางผังภาคฯดังกล่าวขึ้น เพื่อเป็นกรอบชี้นำในการพัฒนาพื้นที่ในด้านต่างๆ โดยกำหนดให้กทม.และปริมณฑลมีบทบาทสำคัญ 5 ด้านดังนี้
1.ศูนย์กลางด้านการคมนาคมขนส่ง
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะเป็นศูนย์กลางด้านการคมนาคมขนส่ง เนื่องจากมีศักยภาพของที่ตั้งในปัจจุบันถูกกำหนดให้เป็นศูนย์กลางของเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำโขง (GMS Economic Corridors) ทั้งในระดับอาเซียนและทวีปเอเชีย จึงเกิดยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ.2558-2565 และแผนปฎิบัติการด้านคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2558 (Action Plan) ซึ่งมีการพัฒนาทั้งทางถนน ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ
2.ศูนย์กลางด้านการค้าและบริการ
ด้วยศักยภาพของพื้นที่ศูนย์กลางเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ บริเวณย่านอโศก, สีลม, สาทร และพระราม 3 ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจด้านการเงินและการธนาคาร โดยสัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมของกรุงเทพฯเมื่อเทียบกับ GDP ของไทยทั้งประเทศ ในปี 2557 มีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 50 และสัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมรายสาขาในภาคการค้าและบริการของกรุงเทพฯสูงถึงร้อยละ 51 และมีผลิตภัณฑ์มวลรวมของเมืองมหานคร(กรุงเทพฯ) เป็นอันดับ 3 ของเมืองมหานครในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และภูมิภาคอาเซียนในปี 2557
3.ศูนย์กลางอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูง
จากนโยบายประเทศไทย 4.0 ของภาครัฐ ที่ต้องการเปลี่ยนจากอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงาน เป็นอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ใช้ต้นทุนต่ำลง ลดแรงงานไร้ฝีมือ แต่สนับสนุนแรงงานที่มีทักษะสูงเพิ่มมากขึ้น และ จากความต้องการกระจายภาคอุตสาหกรรมในกรุงเทพฯออกไปยังจังหวัดต่างๆในปริมณฑล (เช่น อุตสาหกรรมอาหาร, สิ่งทอ,ยานยนต์) โดยให้กรุงเทพฯเป็นเมืองที่มีบทบาทในการบริหารปกครองและเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้น พื้นที่ที่มีศักยภาพในการลงทุนด้านอุตสาหกรรม จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเชื่อมโยงเขตส่งเสริมการลงทุนกับพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจ รวมทั้งเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมไปสู่ภูมิภาคและในระดับประเทศด้วย
4.ศูนย์กลางด้านการสาธารณสุขและการแพทย์ระดับโลก
เนื่องจากประเทศไทยมีการให้บริการสาธารณสุขดีที่สุดเป็นอันดับ10ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน โดยมีนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์เดินทางมาใช้บริการสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของโลก จำนวน 1.4 ล้านคนในปี 2558 และจากการส่งเสริมและสนับสนุนในการเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 ที่กำหนดให้เป็นศูนย์กลางการให้บริการสุขภาพของภูมิภาค (Medical Hub)
5.ศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
กรุงเทพมหานคร เป็นเมืองที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก ถึง 21.47 ล้านคนในปี 2559 และเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 18 ล้านคน นอกจากนี้กรุงเทพฯยังเป็นเมืองที่มีความหลากหลายของบทบาททั้งในเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว จึงทำให้กรุงเทพมหาครกลายเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก
ทั้งนี้ ข้อคิดเห็น ความต้องการ และข้อเสนอแนะต่อการพัฒนากรุงเทพมหานครและปริมณฑลจากทุกภาคส่วนในครั้งนี้ จะนำไปเป็นข้อมูลสำคัญในการดำเนินโครงการวางผังภาคกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (อันประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร, ปทุมธานี, นนทบุรี,สมุทรปราการ และสมุทรสาคร ) โดยหลังจากนี้