กระแสมาแรงที่สุดในช่วงนี้ ถ้าไม่พูดถึงต้องเรียกว่า OUT!! คงหนีไม่พ้น กระแส “หอชมเมืองกรุงเทพฯ” ที่ครม. เพิ่งอนุมัติงบมูลค่ากว่า 4.6 พันล้านบาท เป็น Land mark แห่งใหม่ของบ้านเรา ซึ่งเพื่อนๆหลายๆคน คงเห็นรูปโปรโมทผ่านสื่อ ในหลายๆช่องทางกันแล้ว คลิกอ่านข่าว
ที่มาของรูป คลิก
รู้หรือไม่?? หอชมเมืองกรุงเทพแห่งนี้ เป็นหอชมเมืองแห่งที่ 10 ของประเทศไทยเรานะคะ บทความนี้ P2M พามารู้จัก หอชมเมืองในปัจจุบันของประเทศไทย ทั้งหมด 9 แห่ง มีอยู่ที่ไหนบ้าง? ทั้งแล้วเสร็จและกำลังก่อสร้างอยู่ มาเริ่มกับเลย!
1. หอคอยบรรหาร-แจ่มใส จ.สุพรรณบุรี ความสูง 123.25 เมตร จำนวน 4 ชั้น ใช้งบ 250 ล้านบาท มาจากเงินบริจาคของชาว จ.สุพรรณบุรี ทั้งหมด ไม่ได้ใช้งบประมาณของทางราชการเลยค่ะ สร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2537 สำหรับใครที่ต้องการชมวิวเมืองสุพรรณบุรี หอคอยบรรหาร – แจ่มใส มีชั้นสำหรับชมวิวที่ระดับ 78.75 เมตร ส่วนตัวฐานหอคอยกว้าง 30 เมตร ตั้งอยู่บริเวณสวนเฉลิมภัทรราชินี ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี ปัจจุบันจัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดสุพรรณบุรีเลยค่ะ เพราะนอกจากไว้ชมวิวแล้ว ด้านในตัวอาคารยังจัดนิทรรศการด้านประวัติศาสตร์ของสุพรรณบุรีไว้อีกด้วย |
ที่มาภาพ : เรารักสุพรรณ คลิก |
ที่มาภาพ : Mukphotoclub.com คลิก |
2. หอแก้วมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร ความสูงอยู่ที่ 65.50 เมตร และใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งหมด 50 ล้านบาท แล้วเสร็จเมื่อปี 2539 ในพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ถัดจากหอคอยบรรหารแจ่มใสมา 2 ปีเท่านั้นค่ะ ตัวฐานหอแก้วมุกดาหาร มีลักษณะเป็นอาคาร 2 ชั้น ทรง 9 เหลี่ยม เส้นผ่าศูนย์กลาง 40 เมตร มีทางขึ้นตัวหอคอยทั้งหมด 3 ทางด้วยกัน ตัวแกนของหอแก้วมุกดาหาร ตั้งแต่ชั้น 3-5 จะสูง 39.6 เมตร เวลาที่จะขึ้นไปชมทัศนียภาพวิวเมือง จะมีช่องลิฟต์และบันไดเวียนสำหรับอำนวยความสะดวกแก่บุคคลทั่วไป โดยจัดทำชานพักเป็นช่วงๆสำหรับเส้นผ่าศูนย์กลางตัวแกนหอคอยอยู่ที่ 6 เมตร แน่นอนว่าหอแก้วมุกดาหาร เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของจังหวัดมุกดาหาร |
3. หอคอยสุรนภา ในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จ.นครราชสีมา ความสูง 82 เมตร จำนวน 25 ชั้น แล้วเสร็จเมื่อปี 2539 เป็นอาคารสัญลักษณ์งานแสดงเกษตรและอุตสาหกรรมโลก หอคอยสุรนภาเปรียบเสมือน Land Mark ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี นักศึกษาของมหาวิทยาลัยนี้ จะมีชื่อที่เรียกกันว่า “หอแห้ว” ในช่วงงานนิทรรศการใหญ่ๆ จะถูกเปิดให้คนภายนอกขึ้นไปชมทัศนียภาพรอบๆมหาวิทยาลัย และเมืองโคราชได้ |
ที่มาภาพ : korat51@hotmail.com คลิก |
ที่มาภาพ : m.donmueangairportthai.com คลิก |
4. หอชมเมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ มีความสูง 32 เมตร ทั้งหมด 10 ชั้น ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 35 ล้านบาท และแล้วเสร็จเมื่อปี 2551 หอชมเมืองนครสวรรค์ อยู่ในเขตเทศบาลนครนครสวรรค์ สร้างขึ้น ณ ยอดเขาวัดคีรีวงศ์ อำเภอเมืองนครสวรรค์ โดยเทศบาลนคร นครสวรรค์ ได้จัดสร้าง “หอชมเมือง” ขึ้นเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจังหวัดนครสวรรค์ ทำให้เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัด เริ่มเปิดให้ใช้เมื่อเดือน ตุลาคม 2551 สำหรับภายในอาคารทั้ง 10 ชั้น ถูกจัดเตรียมกิจกรรมต่างๆไว้เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ทั้งร้านอาหาร ขนม คาเฟ่ รวมทั้งร้านผลิตภัณฑ์ OTOP ด้วย นอกจากจะสามารถชมวิวเมืองนครสวรรค์ได้ไกลกว่า 10 เมตรในตอนกลางวันแล้ว หอชมเมืองแห่งนี้ยังติดตั้งกล้องดูดาวสำหรับผู้ที่สนใจเรื่องดาราศาสตร์ไว้อีกด้วย |
5. หอคอยเฉลิมพระเกียรติ จ.ศรีษะเกษ ความสูง 84 เมตร มีทั้งหมด 16 ชั้น ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 65 ล้านบาท แล้วเสร็จเมื่อปี 2559 ปีที่แล้วนี้เองค่ะ ด้านในอาคารเป็นศูนย์เรียนรู้ประวัติศาสตรและแหล่งท่องเที่ยวผสมผสานวัฒนธรรมแห่งใหม่ของจังหวัด โดยบริเวณชั้น 1 ของหอคอยสร้างเป็นศูนย์การเรียนรู้ของชนสี่เผ่าไท บอกเล่าประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชนเผ่าชาวศรีสะเกษทั้ง 4 เผ่า ให้คนรุ่นหลังได้รู้ถึงต้นกำเนิดของชนเผ่าชาวศรีสะเกษ ส่วนบริเวณชั้นที่ 2 จะเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ทันสมัย มีทั้งโรงภาพยนตร์ ศูนย์คอมพิวเตอร์ และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศต่างๆ เพื่อให้บริการแก่บุคคลทั่วไป และในส่วนของชั้นบนสุดของหอคอย มีความกว้างที่สามารถบรรจุคนได้ถึง 300 คน เพื่อชมทิวทัศน์และความสวยงามของเมืองศรีสะเกษได้อย่างชัดเจนรอบด้าน |
ที่มาภาพ : pixsknet team คลิก |
ที่มาภาพ :booking.com คลิก |
6. หอคอยโรงแรมพัทยาปาร์ค ทาวเวอร์ มีความสูง 240 เมตร จำนวน 55 ชั้น ตั้งอยู่บนถนนทัพพระยา ใกล้กับช่วงต้นของหาดจอมเทียน ด้านบนของหอคอยเป็นร้านอาหารสุดหรู ให้คุณดื่มด่ำทั้งอาหาร และแสงสีของเมืองพัทยา ได้ทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน ความพิเศษของหอคอยนี้คือจะหมุนรอบตัวเองไปเรื่อยๆ ระหว่างที่คุณกำลังรับประทานอาหาร ทำให้สามารถมองวิวทิวทัศน์ของเมืองพัทยา หาดจอมเทียน และเกาะล้านได้อย่างชัดเจนโดยรอบแบบ 360 องศา |
7. หอคอยสกายเดค ห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 โคราช มีความสูง 110 เมตร สร้างเสร็จเมื่อปี 2559 เป็นแลนด์มาร์กใหม่ใจกลางเมืองโคราชตั้งอยู่บริเวณใกล้กับสามแยกขอนแก่น ตัวอาคารชั้น 1 -8 จะเป็นส่วนของห้างสรรพสินค้า ที่มีรูปลักษณ์โดดเด่น ด้วยนวัตกรรมการก่อสร้างของสถาปัตยกรรมงานดีไซน์ที่งามสง่า ส่วนพื้นที่ของจุดชมวิว หอคอยสกายเดคมีทั้งหมด 2 ชั้น ที่ความสูง 110 เมตรจะทำให้คุณมีทัศนวิสัยมองเห็นได้กว้างไกล สามารถมองเห็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของโคราช รวมทั้งภาพภายในอาคารยังมีแสดงภาพตึกระฟ้าที่สูงที่สุดทั่วโลก อาทิ บุรจญ์เคาะลีฟะฮ์, เซี่ยงไฮ้ ทาวเวอร์, ไทเป 101, โตเกียว สกายทรี ฯลฯ พร้อมทั้งภาพจำลองวิวโคราช 360 องศา |
ที่มาภาพ : โลกวันนี้ คลิก |
ที่มาภาพ : hoteltimeline.com คลิก |
8. หอชมเมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ มีความสูง 179.5 เมตร เป็นการร่วมมือกันของ 2 หน่วยงานในจังหวัด โดยใช้งบประมาณจากองค์กรบริหารประจำจังหวัดสมุทรปราการ 593 ล้านบาท และเทศบาลนครสมุทรปราการ 54 ล้านบาท แล้วเสร็จปี 2560 ปัจจุบันเปิดให้ใช้งานแล้ว ด้านในอาคารเป็นอุทยานประวัติศาตร์ของชาวสมุทรปราการ ทั้งยังเป็นแหล่งให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ มีทั้งพิพิธภัณฑ์เด็ก และห้องสมุด สำหรับชั้นบนสุดของหอชมเมือง สามารถมองเห็นลำน้ำเจ้าพระยาถึงกรุงเทพมหานคร อีกด้านมองได้ไกลถึงเกาะสีชัง ทะเลปากอ่าว ป้อมพระจุลจอมเกล้า ป้อมผีเสื้อสมุทร และพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ สำหรับหอชมเมืองแห่งนี้ได้กลายเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวใหม่ของจังหวัดสมุทรปราการไปแล้ว |
9. หอชมเมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด เป็นหอชมเมืองที่ออกแบบให้เป็นรูปทรงโหวด (เครื่องดนตรีชนิดหนึ่งทางภาคอีสาน) มีความสูงทั้งหมด 101 เมตร สร้างตามชื่อจังหวัดเลยค่ะ 🙂 ฐานล่างกว้าง 30 เมตร ยอดโหวดกว้าง 20 เมตร ใช้งบประมาณจังหวัดในการก่อสร้างประมาณ 200 ล้านบาท ด้วยลักษณะทางภูมิศาสตร์ของจังหวัดร้อยเอ็ด พื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวจะตั้งอยู่ใจกลางเมืองในเขตเทศบาล มีลักษณะเป็นเกาะใหญ่ มีน้ำล้อมรอบ มีสะพานเชื่อมสู่เกาะ 3 ด้าน เมื่อมองจากมุมสูงจะเห็นภูมิประเทศของเมืองร้อยเอ็ดอย่างสวยงาม ทำให้เทศบาลนครเมืองร้อยเอ็ดจัดสรรงบประมาณเพื่อทำหอคอยแห่งนี้ขึ้น |
ที่มาภาพ : roiettv คลิก |
สำหรับหอชมเมืองแห่งที่ 10 ที่กำลังจะเกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร มูลค่ากว่า 4.6 พันล้านบาทนั้น ตั้งอยู่บนที่ดินราชพัสดุหมายเลข กท.3257 เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เดิมเป็นที่ราชพัสดุของตำรวจน้ำ แต่ปัจจุบันไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้ว และจะดำเนินการก่อสร้างโดย “มูลนิธิหอชมเมืองกทม.” เป็นการรวมตัวของเอกชนรายใหญ่ที่กำลังสร้างโครงการ “ไอคอนสยาม” (Icon Siam) ซึ่งมีที่ดินอยู่ใกล้เคียงกัน โดยบนจุดชมวิวของหอชมเมืองกรุงเทพฯแห่งนี้ จะสามารถเห็นทัศนียภาพโดยรอบโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาเเบบ 360 องศา มองได้ไกลไปถึงตึกสูงอื่นๆ อีกมากมายในบ้านเรา เนื่องจากตั้งอยู่ในย่านเศรษฐกิจ สำหรับความคืบหน้าของโครงการหอชมเมืองกรุงเทพฯนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป ทีมข่าว P2M เตรียมพร้อมอยู่แล้วค่ะ ต้องติดตามกันต่อไป… |