ตลาดคอนโดมิเนียมตามแนวเส้นทางนี้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงของคอนโดมิเนียมที่เปิดขายมากขึ้นตั้งแต่ช่วงประมาณปีพ.ศ.2552 – 2554 แต่เห็นได้ชัดในช่วงปีพ.ศ.2558 เป็นต้นมาตั้งแต่การก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวเป็นรูปธรรมมากขึ้น
เมื่อการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงหมอชิต – คูคตเริ่มเป็นรูปเป็นร่างส่งผลให้พื้นที่ตามแนวเส้นทางเป็นอีกทำเลที่น่าสนใจของผู้ประกอบการหลายรายและมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายกันมากมาย แต่อาจจะยังไม่กระจายไปตลอดเส้นทาง ยังคงกระจุกตัวอยู่ในบริเวณที่มีศูนย์การค้า มหาวิทยาลัย หรือชุมชนดั้งเดิม เช่น สี่แยกลาดพร้าว สี่แยกรัชโยธิน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วงเวียนหลักสี่ สะพานใหม่ เป็นต้น
ก่อนหน้านี้อาจจะมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายกันในพื้นที่รอบๆ สี่แยกรัชโยธินกับพื้นที่รอบๆ สถานีหมอชิต แต่เมื่อความชัดเจนของเส้นทางรถไฟฟ้าวสายสีเขียวมีมากขึ้นจึงเริ่มมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่กันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ปีพ.ศ.2558 เป็นต้นมา และมากขึ้นชัดเจนในปีพ.ศ.2560 ที่เริ่มมีโครงการขนาดใหญ่เปิดขายในช่วงไตรมาสที่ 2 และอีกหลายโครงการจากผู้ประกอบการรายใหญ่และรายเล็กที่รอเวลาการเปิดขายในปีนี้อีก ทำให้ในปีพ.ศ.2560 อาจจะมีคอนโดมิเนียมมากว่า 3,000 ยูนิตเปิดขายในพื้นที่ตั้งแต่สี่แยกลาดพร้าวไปจนถึงแยกหลักสี่ ในพื้นที่เลยออกไปอาจจะยังไม่มีโครงการใหม่ในช่วงนี้ เพราะก่อนหน้านี้เปิดขายกันหลายโครงการโดยเฉพาะช่วงสะพานใหม่
คอนโดมิเนียมที่เปิดขายอยู่ในพื้นที่นี้ ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2560 อยู่ที่ประมาณ 10,120 ยูนิตมีคอนโดมิเนียมเหลือไม่มากนักเพราะอัตราการขายอยู่ที่ประมาณ 90% อาจจะเป็นเพราะว่าการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าที่มีความคืบหน้าต่อเนื่องแต่อาจจะเริ่มชะลอลงถ้ามีโครงการเปิดขายใหม่มากขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ ราคาขายคอนโดมิเนียมในทำเลนี้ยังไม่สูงเกินไป โดยราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 80,000 บาทต่อตารางเมตร แต่ถ้าพิจารณาแยกเป็นทำเลก็อาจจะเห็นความแตกต่างพอสมควร เพราะพื้นที่รอบสี่แยกลาดพร้าวอาจจะขายกันที่มากกว่า 150,000 บาทต่อตารางเมตรพื้นที่อื่นๆ ก็ราคาลดหลั่นลงไป
แต่ในอนาตคาดว่าราคาขายเฉลี่ยจะสูงขึ้นต่อเนื่องตามความคืบหน้าของการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวโดยอาจจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% ต่อปีหรือมากกว่านั้นในบางทำเล แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับรูปแบบโครงการและทำเลที่ตั้งด้วย บางโครงการที่อาจจะเปิดขายทีหลังแต่มมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกหรือว่ารูปแบบโครงการที่เด่นกว่าโครงการอื่นๆ ในทำเลเดียวกันก็อาจจะมีราคาขายที่กว่าโครงการอื่นๆ แบบชัดเจน ทำเลที่น่าสนใจคือ ช่วงตั้งแต่สี่แยกรัชโยธินขึ้นไปถึงวงเวียนหลักสี่เพราะเป็นทำเลที่มีโครงการเปิดขายต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาและอีกหลายโครงการที่พร้อมจะเปิดขายในช่วงที่เหลือของปีนี้ แต่ทำเลรอบๆ วงเวียนหลักสี่ขึ้นไปถึงสะพานใหม่ก็น่าสนใจเช่นกันมีผู้ประกอบการรอเปิดขายโครงการใหม่อยู่หลายโครงการเช่นกัน
ปัจจัยที่มีผลต่อราคาขายโครงการคอนโดมิเนียมคือราคาที่ดินที่ปรับขึ้นต่อเนื่องมาตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยราคาขายของที่ดินเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% จากเมื่อ 2 – 3 ปีก่อนหน้านี้โดยเฉพาะในพื้นที่รอบๆ สี่แยกลาดพร้าวที่ปรับขึ้นมามากกว่า 5 – 6 แสนบาทต่อตารางวา ถ้าเป็นทำเลที่ไกลออกไปก็อาจจะต่ำกว่า 3 แสนบาทต่อตารางวาและการปรับขึ้นของราคาก็ไม่ได้มากมายเมื่อเทียบกับพื้นที่ตั้งแต่สี่แยกลาดพร้าวถึงวงเวียนหลักสี่
” สาเหตุที่ราคาที่ดินช่วงสี่แยกรัชโยธินถึงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ปรับขึ้นค่อนข้างมาก นอกจากจะเป็นเรื่องของรถไฟฟ้าที่มีการก่อสร้างเป็นรูปธรรมชัดเจนแล้ว ปัจจัยอีกอย่างหนึ่งคือ ความเป็นชุมชนที่มีความพร้อมในเกือบทุกด้านมาตั้งแต่ในอดีตก่อนหน้านี้เป็น 10 ปี และที่ดินในทำเลนี้มีการพัฒนาจนเต็มพื้นที่แล้วเหลือที่ดินว่างเปล่าไม่มาก ดังนั้น ราคาที่ดินจึงปรับขึ้นค่อนข้างมากและคาดว่าจะปรับขึ้นต่อเนื่องต่อไปอีก ซึ่งมีผลต่อราคาขายคอนโดมิเนียมในอนาคตแน่นอน “
ทำเลที่น่าสนใจในเส้นทางนี้ยังเป็นพื้นที่รอบๆ สถานีที่อาจจะเป็นสถานีร่วมของเส้นทางรถไฟฟ้า 2 เส้นทาง เช่น สถานีรัชโยธินที่อาจจะเป็นสถานีร่วมกับเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่ขยายขึ้นมา สถานีอนุสาวรีย์หลักสี่ที่สามารถเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีชมพูหรือสถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่อาจจะเป็นจุดเชื่อมต่อกับเสนทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ซึ่งพื้นที่รอบๆ 3 สถานีนี้มีความเป็นไปได้ที่จะมีการใช้ประโยชน์บนที่ดินสูงขึ้นในอนาคตตามการเปลี่ยนแปลงของผังเมืองที่ต้องเพิ่มศักยภาพของพื้นที่รอบๆ สถานีที่เป็นจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้า 2 เส้นทาง
และเร็วๆนี้ Origin Property ก็เตรียมเปิด Knightsbridge Prime Ratchayothin ซึ่งเป็น 1 ใน4 โครงการภายใต้ Brand KNIGHTSBRIDGE ที่ได้รับการร่วมทุนและร่วมมือในการพัฒนา Project กับทาง NOMURA REAL ESTATE HOLDING บริษัทอสังหาฯยักษ์ใหญ่ 1ใน3 ของญี่ปุ่น
Knightsbridge Prime Ratchayothin อยู่บนถนนพหลโยธิน บริเวณแยกรัชโยธิน ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีพหลโยธิน 24 เพียง 50 เมตร และก็ยังเรียกว่าใกล้รถไฟฟ้าอีก 3 สายคือสายสีน้ำเงินและสีเหลือง ถ้านึกตำแหน่งที่ตั้งไม่ออก ถ้าบอกว่าอยู่ด้านหลัง SCB Park หรือ ตรงข้ามตึกช้างก็จะร้องอ๋อ กันเลยทีเดียว
โครงการอยู่บนที่ดินประมาณ 2 ไร่ เป็นอาคารสูง 35 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 333 ยูนิต และให้ที่จอดรถมากถึง 70% แม้ว่าจะติดรถไฟฟ้าใกล้ขนาดนี้ แต่กลุ่มลูกค้าที่ซื้อโครงการระดับ Knightsbridge ส่วนทางน่าจะต้องเป็นกลุุ่มผู้ที่ขับรถและมีรถซะเป็นส่วนมากและอาจจะมีมากกว่า 1 คันก็อาจจะเป็นได้ ก็ถือว่าค่อนข้างสมเหตุสมผล นอกจากนี้ Concept พื้นที่ส่วนกลางที่จัดเตรียมไว้ ก็ค่อนข้างเหมาะกับกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักธุรกิจ ผู้บริหารบริษัทระดับกลาง-สูง ที่ชอบในความเป็นส่วนตัวและความเป็น Exclusive อยู่สูงไปด้วย อาทิ Lobby ที่เป็น Grand Lobby สำหรับต้อนรับแขกที่มาเยี่ยม กับ Exclusive Relax Lobby ที่เป็นเอกสิทธิ์ เฉพาะลูกบ้านเท่านั้นที่สามารถมาใช้ได้ นอกจากนี้ก็ยังมีห้องพักคนขับรถที่คอยมารับ-ส่ง เจ้านายก็มีห้องพักให้เป็นสัดส่วน รวมๆแล้วชั้นส่วนกลางทั้งหมด กว่า 3 ชั้นเลยทีเดียว
การมาของ KNIGHTSBRIDGE PRIME RATCHAYOTHIN วันนี้จะเรียกว่าถูกที่ ถูกเวลาก็อาจจะไม่ผิด เพราะจากตัวเลขการสำรวจที่นำเสนอเห็นแล้วว่าปริมาณความต้องการที่อยู่อาศัยในแบบคอนโดมิเนียม ของบริเวณนี้ ยังคงมีอยู่สูงมากเนื่องด้วย สินค้าที่มีอยู่ปริมาณการเปิดตัวยังไม่สูงมากเมื่อเทียบกับสัดส่วนที่ของ Stock เดิมที่มีอยู่ในตลาดที่ขายไปได้แล้ว ก็ยังเชื่อว่าโครงการที่เปิดตัวใหม่ในช่วงนี้ ยังคงมีความน่าสนใจและต้องการของตลาดย่านนี้อย่างแน่นอน อีกทั้งปัจจัยหนุนเรื่องแผนการพัฒนาที่ดินจากการร่วมทุนของ Gland กับ BTS ที่ไม่ไกลจากทำเลรัชโยธินเอง ก็เป็นอีกปัจจัยที่จะช่วยสนับสนุนการ Growth ของราคาที่ดีและอสังหาฯในย่านนี้ที่จะเปิดตัวต่อๆไปในอนาคตอย่างแน่นอน
[su_carousel source=”media: 11115,11114,11193,11194″ link=”lightbox” title=”no”]
โครงการไนท์บริดจ์ ไพร์ม รัชโยธิน เตรียมเปิดรอบ พิเศษ Exclusive Zone ก่อน Presaleในวันอาทิตย์ที่ 10 กันยายน 2560 นี้ ที่
สำนักงานขายโครงการ โทร 065 520 0080 หรือ Add LINE@ >>> คลิกที่นี่ เพื่อรับข้อมูลโครงการได้ครับ
ลงทะเบียนร่วมงานได้ที่ https://goo.gl/uHmgxj แล้วพบกับงาน Presale ที่ สยาม พารากอน ฮอลล์ ในงาน My Life My Origin วันที่ 16-17 กันยายน นี้