นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร คาดปัจจัยลบจากภายนอกส่งผลภาพรวมตลาดอสังหาฯทั้งปี62 ติดลบ10ระบุแบงก์เข้มงวดปล่อยสินเชื่อธุรกิจพาณิชยกรรมเริ่มได้รับผลกระทบทยอยเลิกจ้างพนักงาน เผยรับทราบภาครัฐเตรียมเรียก 3 สมาคมฯร่วมหารือแก้วิกฤต แนะปรับปรุงกฎระเบียบ มาตรฐาน-ความชัดเจนในการขอEIA และวอนผู้ประกอบการร่วมเห็นร่างกฎหมายภาษีที่ดินฯก่อนประกาศใช้
นายอธิป พีชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯในปี 2562 ว่าจะอยู่ในระดับ0-ติดลบ10 จากปัจจุบันที่ติดลบที่ 5% อันเนื่องมาจากสภาวะเศรษฐกิจโลก และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ส่งผลต่อกำลังซื้อที่ชะลอตัวตามไปด้วย ซึ่งจะเห็นว่าปัจจุบันการขายโครงการต่างๆมีการขายที่ช้าขึ้นและยอดขายไม่เป็นไปตามที่ผู้ประกอบการคาดการณ์ไว้ ส่งผลมาถึงการตัดสินใจของผู้ประกอบการหลายรายเลื่อนการเปิดโครงการใหม่ในปี 2562 ไปเป็นปี 2563 แทน
“ยอดโอนที่มีการชะลอตัวขึ้นในช่วงนี้มองว่าเกิดจากความไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจโอนในช่วงนี้ ประกอบกับธนาคารพาณิชย์มีความเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อที่เข้มงวดมากกว่าปกติ และมีการปฏิเสธสินเชื่อที่สูงขึ้น ซึ่งปัจจุบันอัตราการปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้นสูงแตะ 40% ซึ่งเป็นระดับที่สูงมาก และผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รวมถึงผู้ที่ทำอาชีพอิสระ จะเป็นกลุ่มแรกที่ธนาคารพาณิชย์จะปฏิเสธการให้สินเชื่อทันทีและมีการพิจารณาที่เข้มงวดมาก ซึ่งส่งผลต่อการโอนที่ชะลอตัว” นายอธิป กล่าว
อย่างไรก็ตามมองว่าความเข้มงวดในการให้สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ที่มากขึ้นมากนั้น อาจจะมาจากความไม่มั่นใจในการให้สินเชื่อแก่ลูกค้าที่ยื่นของสินเชื่อเข้ามาในภาวะปัจจุบันที่เผชิญกับความเสี่ยงจากปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกเข้ามากระทบค่อนข้างมาก อีกทั้งปัจจุบันเริ่มเห็นการเลิกจ้างงานของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพาณิชยกรรมเพิ่มขึ้นมากในช่วงนี้ ทำให้ธนาคารพาณิชย์เองต้องมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงและควบคุมคุณภาพหนี้ของธนาคารพาณิชย์เองด้วย
“จากการที่รัฐบาลออกวงเงินกู้สินเชื่อ 50,000 ล้านบาทผ่านธนาคารอาคารสงเคราะห์ฯ (ธอส.) มองว่าไม่เป็นประโยชน์ เพราะส่วนใหญ่การกู้ไม่ผ่าน เพราะเขาไม่ปลดล็อก KPI ของแบงก์รัฐ ทำให้แบงก์รัฐไม่กล้าปล่อยสินเชื่อมากนัก จริงๆแล้วควรเอาแบงก์รัฐมาถ่วงดุลเพื่อปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำมาแข่งกับแบงก์เอกชน และทำให้แบงก์รัฐปล่อยกู้ได้ง่ายขึ้น ทำให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อบ้านในมากขึ้นด้วย แต่คาดว่าหากปัจจัยภายนอกดีขึ้น ค่าเงินบาทอ่อนลง รัฐบาลมีมาตรการไม่ให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นไปอีก ภาคธุรกิจส่งออกและท่องเที่ยวฟื้นตัว เชื่อว่าในไตรมาส4/2562 ภาพรวมเศรษฐกิจและอสังหาฯจะดีขึ้นมาบ้าง”นายอธิป กล่าว
นายอธิป กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการที่ภาครัฐจะเชิญตัวแทนจาก 3 สมาคมอสังหาฯริมทรัพย์ไปร่วมปรึกษาหารือเพื่อเรียกความเชื่อมั่น และกระตุ้นตลาดอสังหาฯให้ฟื้นตัวว่า รัฐบาลอาจจะเชิญผู้ประกอกบการไปหารือเรื่องต่างๆ โดยเรื่องที่อยากให้มีการพิจารณานั้นได้แก่
1. การปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ ที่รัฐบาลกำลังให้ความสำคัญมาก ซึ่งทางสมาคมฯก็เห็นด้วย เพราะที่ผ่านมาถึงปัจจุบันการขออนุญาตต่างๆ เพื่อก่อสร้างโครงการจากหน่วยงานภาครัฐ จะประสบปัญหามาโดยตลอด ซึ่งอยากให้ภาครัฐลดขั้นตอนการดำเนินงาน และลดจำนวนเอกสารลง รวมไปถึงลดระยะเวลาการพิจารณาให้เร็วขึ้น ไม่ใช่เอาเอกสารไปเก็บไว้นานเกินไป เมื่อนำมาตรวจสอบ ก็ทำให้เสียเวลาต้องไปดำเนินการใหม่
2.การขออนุญาตจัดทำรายการการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) จาก สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการบางบริษัทไม่ได้มีการจัดทำ EIA จริง ก็ถือว่าบริษัทที่ปรึกษานั้นๆไม่มีคุณภาพ ซึ่งบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการเป็นที่ปรึกษาEIA ด้านที่พักอาศัยมีเพียง 10 กว่าราย ส่งผลให้เกิดปัญหาอย่างที่ผ่านมา ซึ่งที่ผ่านมาเคยเสนอแนะให้แยก License ไปแล้ว จากเดิมเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาเคยจ้างจัดทำในราคา 200,000-300,000 บาท/เล่ม/โครงการ ปัจจุบันพุ่งไปถึง 3 ล้านบาท/เล่ม/โครงการ อีกเรื่องคือเรื่อง แนวทางการปฏิบัติของกรรมการ ที่ผ่านมาไม่ค่อยมีมาตรฐานเท่าที่ควร จึงอยากให้มีมาตรฐานที่ชัดเจนกว่านี้
3.กฎหมายลูกภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ… ควรให้องค์กรที่มีส่วนได้ส่วนเสียได้เห็นร่างดังกล่าวก่อนที่ประกาศใช้ด้วย ซึ่งไม่อยากให้กลัวผู้ประกอบการ เพราะการที่ให้ผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจในภาคสนามได้เห็นร่างกฎหมายจะดีกว่าผู้ร่างกฎหมายที่ไม่มีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจอสังหาฯ