แสนสิริปรับยอดโอนปี 63 เพิ่มเป็น 43,000 ล้านบาท โตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 100% และคิดเป็น 85% จากเป้าหมายยอดโอนเดิม ส่งผลเป้ารายได้ เพิ่ม เป็น 34,000 ล้านบาท ล่าสุดเปิดโอน “โอกะ เฮาส์” ลูกค้าตอบทันทีหลังโครงการเสร็จ พร้อมตุนพรีเซลแบ็คล็อกในมืออีกกว่า 41,400 ล้านบาท รองรับความแกร่งในทุกสภาวการณ์
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า บริษัทฯได้พิจารณาปรับเป้าหมายยอดโอนปี 2563 จากเดิมที่ตั้งไว้ 42,000 ล้านบาท(ลบ.) เพิ่มขึ้นเป็น 43,000 ล้านบาท โตขึ้น 37% จากปีก่อนที่มียอดโอนทั้งปีรวม 31,300 ล้านบาท หลังบริษัททำผลงานโอนในรอบ 10 เดือนของปีนี้ พุ่งไปแล้วถึง 36,000 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นยอดโอนที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของแสนสิริ และเติบโตขึ้นถึง 100% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยยอดโอนดังกล่าวยังคิดเป็น 86% จากเป้าหมายยอดโอนเดิมที่ตั้งไว้ 42,000 ล้านบาท จึงต้องมีการปรับเพิ่มประมาณการณ์เป้าหมายการโอนในปีนี้ใหม่
นอกจากนี้บริษัทยังได้ปรับประมาณการเป้าหมายรายได้รวมทั้งปีเพิ่มขึ้นจาก 32,000 ล้านบาท เป็น 34,000 ล้านบาท จากการมองเห็นแนวโน้มรายได้และกำไรที่คาดว่าจะสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งความสำเร็จของยอดโอนมาจากการตอบรับจากลูกค้าในความเชื่อมั่นในการเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน ด้วยมาตรฐานการออกแบบ คุณภาพโครงการ ตลอดจนบริการหลังการขายหรือ Sansiri Service ที่สามารถครองใจผู้บริโภค จากการเป็นผู้นำด้านการบริการในที่อยู่อาศัย และความมั่นใจสูงสุดด้านความปลอดภัยจาก LIV-24ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญอันดับหนึ่งที่ทำให้กลุ่มลูกค้าเลือกแสนสิริ
“ความสำเร็จจากผลงานการโอนในช่วง 10 เดือน แบ่งเป็นยอดโอนจากโครงการแนวราบ 14,900 ล้านบาท เติบโตขึ้น 43% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่โครงการคอนโดมิเนียมมียอดโอนล่าสุดสูงถึง 21,100 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 164% ผลงานมาจากการโอนคอนโดมิเนียม อาทิ โครงการ เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ, คาวะ เฮาส์, เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101, เดอะ ไลน์ พหลฯ – ประดิพัทธ์ และ เดอะ ไลน์ วงศ์สว่าง เป็นต้น” นายอุทัย กล่าว
นอกจากนี้ล่าสุดบริษัทยังได้เปิดโอนส่งมอบคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่ อาทิ อาทิ XT เอกมัย, โอกะ เฮาส์, ดีคอนโด ธาร จรัญฯ, ลา ฮาบานา หัวหิน เป็นต้น โดยเฉพาะโครงการ “โอกะ เฮาส์” (oka HAUS) คอนโดมิเนียมแบบ high rise ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 5 ไร่ ประกอบด้วยห้องขนาด 1 – 3 ห้องนอน พื้นที่ตั้งแต่ 26.50 – 86.50 ตารางเมตร(ตร.ม.) ราคาเริ่มต้นเพียง 3.9 ล้านบาท จำนวนทั้งสิ้น 1,178 ยูนิต มูลค่าโครงการ 6,500 ล้านบาท โดยเพิ่งเปิดโอนรับมอบโครงการในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา ปรากฎว่าลูกค้าให้การตอบรับการโอนเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้มียอดโอนไปแล้วถึง 1,700 ล้านบาท
ทั้งนี้ในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปี 2563 นี้ แสนสิริมีเป้าหมายในการโอนส่งมอบที่อยู่อาศัยที่ต้องทำให้ได้ตามเป้าหมายใหม่ที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 43,000 ล้านบาท อีกเพียง 7,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งจะผลักดันสู่รายได้และกำไรในปีนี้ต่อไป นอกจากนี้ในระยะยาว บริษัทยังมียอดขายรอโอน (Backlog) (รวมโครงการร่วมทุนในคอนโดมิเนียม) มูลค่ารวมประมาณ 41,400 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายรอโอนจากโครงการภายใต้การพัฒนาของแสนสิริ 33,000 ล้านบาท และยอดขายรอโอนจากโครงการภายใต้การร่วมทุนอีก 8,400 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2566 ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้แสนสิริเป็นอย่างดี และเสริมความแข็งแกร่งในทุกสภาวะเศรษฐกิจ