ภาคเอกชนเผยเศรษฐกิจ–การเมือง ยังเป็นปัจจัยฉุดการเติบโตอสังหาฯปี’64 มั่นใจ 4 ข้อเสนอใหญ่ที่เข้าถกภาครัฐ ผู้มีอำนาจในมือสามารถกำหนดเดินหน้าได้ ทั้งเรื่องผ่อนปรนค่าโอนส่วนไม่เกิน 3 ล้านบาท –ขยายเวลามาตรการLTV-ให้แบงก์ปล่อยกู้ผู้ซื้อ–ขยายสิทธิ์ถือวีซ่าให้ต่างชาติซื้ออสังหาฯ
นายอธิป พีชานนท์ ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และนายกกิตติมศักดิ์ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยถึงภาพรวมเศรษฐกิจและเรื่องการเมืองในปัจจุบันว่า ยังเป็นปัจจัยที่จะมีผลต่อการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ ในปี 2564 ซึ่งหากเศรษฐกิจดี ธุรกิจเดินหน้าได้ มีการจ้างงาน รายได้ของประชาชนทุกระดับปรับตัวดีขึ้น ปัญหาของการเมืองก็จะไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
“ตอนนี้โจทย์มันยาก ประเทศไทยไม่ได้อยู่เพียงลำพัง ดังนั้นเศรษฐกิจของไทยต้องอาศัยประเทศอื่นด้วย เราจะไปดีคนเดียวคงไม่ได้ ผมไม่ได้เชียร์รัฐบาล ต่อให้เปลี่ยนรัฐบาล โจทย์ก็ยังเหมือนเดิม ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวรัฐบาล ปัจจัยภายนอกเป็นตัวแปรสำคัญ คนที่มาทำหน้าที่แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ต่อให้ไปลากคนที่ดีที่สุดเข้ามา เมื่อโจทย์เป็นเช่นนี้ ความสามารถในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ก็ไม่ต่างกันมาก สุดท้ายต้องรอภาพใหญ่ และรัฐบาลก็มีส่วน จะทำอะไร ต้องตัดสินใจในหลักการที่มีเหตุผลและต้องเร็วด้วย ยิ่งในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ต้องปืนไว ต้องยิงให้แม่นด้วย” นายอธิป กล่าว
นายอธิป กล่าวต่อถึงความคืบหน้าจากการหารือกับรัฐบาลเมื่อช่วงเดือนกันยายน 2563 ที่ผ่านมาว่า เป็นเรื่องที่ผู้มีอำนาจสามารถดำเนินการได้ทันที ได้แก่
1.เรื่องเกี่ยวโยงกับทางกระทรวงมหาดไทย กรมที่ดิน ในส่วนที่เกี่ยวกับมาตราการผ่อนปรนขยายเวลาลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และจดจำนองเหลือรายการ 0.01% มูลค่าไม่เกิน3 ล้านบาทแรกออกไป 1 ปีส่วนที่เกินให้จัดเก็บในอัตราเดิม
2.เรื่องมาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan to Value : LTV) ในภาวะที่การเก็งกำไรลดลงนั้น และส่วนใหญ่เป็นตลาดเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พิจารณาปลดเกณฑ์มาตราการออกไป 1 ปี