ไร้ท์ทันเน็ลลิ่งฯ โชว์ผลประกอบการปี 63 ทำสถิติสูงสุด รายได้ 2,864 ล้านบาท กำไรสุทธิ 238 ล้านบาท เติบโต 81.67% บอร์ดอนุมัติควักเงิน 93.50 ล้านบาท ปันผล 0.085 บาท กำหนดจ่าย 21 พ.ค. 64 ชูกลยุทธ์เน้นรับงานมาร์จิ้นสูงและงานโครงสร้างพื้นฐานทุกรูปแบบ หนุน Backlog 7,000 ล้านบาท รับรู้ปี 64-66 ตั้งเป้ารายได้ปีนี้นิวไฮต่อเนื่อง โตไม่ต่ำกว่า 20% แตะ 3,500 ล้านบาท
นายชวลิต ถนอมถิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RT ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านวิศวกรรมโยธาและธรณีเทคนิค เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 2563 ถือเป็นการเติบโตทำสถิติสูงสุด(New High) บริษัทมีรายได้รวม 2,864 ล้านบาท(ลบ.) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 2,366 ล้านบาท จำนวน 498 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 21.05% และมีกำไรสุทธิ 238 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 131 ล้านบาท จำนวน 107 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 81.67% ทั้งนี้รายได้และกำไรของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นมากจากปีก่อน เนื่องจากบริษัทรับรู้รายได้จากโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ซึ่งเป็นงานที่กำไรขั้นต้นค่อนข้างสูง และเป็นงานที่บริษัทมีประสบการณ์การทำงานสูงจากการก่อสร้างอุโมงค์ อีกทั้งการบริหารการใช้เครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้บริษัทสามารถดำเนินงานได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติเสนอจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.085 บาท สำหรับรอบปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563 คิดเป็นจำนวนเงิน 93.50 ล้านบาท หรือคิดเป็น 41.16% ของกำไรสุทธิ โดยการจ่ายเงินปันผลจะจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีและเพื่อสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ณ วันที่ 10 มีนาคม 2564 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 21 พฤษภาคม 2564 โดยเตรียมขออนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2563 ในวันที่ 23 เมษายน 2564
สำหรับทิศทางการดำเนินงานไตรมาส 1/2564 บริษัทคาดว่าจะสามารถเติบโตต่อเนื่อง หลังเตรียมรับรู้รายได้จากโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระส่วนที่เหลือ 492 ล้านบาท, งานก่อสร้างประตูระบายน้ำศรีสองรัก จ.เลย ซึ่งมีมูลค่างานคงเหลือ 1,165 ล้านบาท, งานก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำแม่แตง-แม่งัด จ.เชียงใหม่ สัญญาที่ 1 มูลค่างานคงเหลือ 409 ล้านบาท, งาน Pipe Jacking รถไฟฟ้าสายสีเหลือง 671 ล้านบาท รวมทั้งงานที่เหลืออื่น ๆ มูลค่ากว่า 815 ล้านบาท
ขณะที่งานต่างประเทศ โครงการก่อสร้างอุโมงค์ผันน้ำ เขื่อนเดือนตรี ประเทศกัมพูชา (Diversion Tunnel, Duantri Dam, Cambodia ) มูลค่า 196 ล้านบาท มีความคืบหน้าก่อสร้างแล้ว 32% คาดว่าจะส่งมอบงานได้เดือนตุลาคม ปี 2564 เพื่อรับรู้รายได้ส่วนที่เหลือ 128 ล้านบาท ขณะเดียวกัน หากสถานการณ์โควิด -19 คลี่คลาย สามารถเดินทางได้ บริษัทก็พร้อมเพิ่มโอกาสหางานใหม่ ๆ เพิ่มเติมในต่างประเทศ
ทั้งนี้บริษัทมองว่าปีนี้ธุรกิจมีโอกาสเติบโตสูง ด้วยปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากการลงทุนของภาครัฐตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจงานโครงสร้างพื้นฐานในหลายโครงการ อาทิ ระบบขนส่งทางราง งานถนน ระบบบริหารจัดการน้ำในประเทศ ซึ่งงานก่อสร้างเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานมีมูลค่างานสูงและเป็นงานที่มีการก่อสร้างต่อเนื่อง ต้องอาศัยความรู้ความสามารถจากบริษัทที่มีประสบการณ์และความชำนาญพิเศษ ซึ่งมีผู้รับเหมาจำนวนน้อยรายที่ดำเนินธุรกิจได้แบบ RT โดยปี 2564 บริษัทตั้งเป้ารายได้ทำนิวไฮต่อเนื่อง เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% หรืออยู่ที่ 3,500 ล้านบาท
สำหรับมูลค่างานในมือ (Backlog) ณ สิ้นปี 2563 อยู่ที่ 3,552 ล้านบาท ซึ่งบริษัทสามารถทยอยรับรู้รายได้ในช่วงปี 2564-2566 พร้อมเดินหน้าเข้าประมูลงานของทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะมีโอกาสรับงานใหม่อีก เพื่อเพิ่ม Backlog ให้สูงขึ้น ซึ่งทั้งปี 2564 บริษัทคาดว่าจะมี Backlog เพิ่ม 7,000 ล้านบาท
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้แบ่งตามประเภทงาน ประกอบด้วย งานสร้างอุโมงค์ 60% งานสร้างเขื่อนและระบบชลประทาน 12% งานสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ 2% งานท่อร้อยสายไฟใต้ดิน 8% และงานอื่นๆ 18% อาทิ งานเจาะสำรวจ งานวางรางรถไฟ งาน Slope Protection งานถนน เป็นต้น และแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้ในประเทศ 95% และต่างประเทศ 5%