“แมกโนเลียฯ”จับมือ “เมืองไทยประกันชีวิต” มอบแพ็กเกจสุขภาพ “อีลิท เฮลท์” ลูกค้าที่ซื้อโครงการ ”ดิ แอสเพน ทรี”ระยะยาว 30 ปี เน้นกลุ่มอายุ 50 ปีขึ้นไป คุ้มครองสูงสุด 20 ล้านบาทต่อปี ตั้งแต่หลังเซ็นสัญญา ในช่วงระหว่างการก่อสร้างโครงการฯ และจะเพิ่มความคุ้มครองเป็น 40 ล้านบาทต่อปี เมื่อโครงการฯ แล้วเสร็จ–โอนสิทธิการเช่าสำเร็จ ยาวนานถึงอายุ 99 ปี ตอบโจทย์สังคมแห่งการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพสำหรับผู้สูงวัยครบวงจรแห่งแรกของประเทศไทย พร้อมเปิดตัว 4 โปรเจกต์หรูใน “เดอะ ฟอเรสเทียส์” พ.ค.64 นี้
นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) เปิดเผยว่า จากข้อมูลจากกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (UNFPA) พบว่า ปัจจุบันประชากรไทยที่มีอายุมากกว่า 60 ปี คิดเป็น 13% ของประชากรทั้งประเทศ ซึ่งอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยเรียบร้อยแล้ว MQDC จึงให้ความสำคัญ ศึกษาถึงความต้องการรวมถึงปัญหาของผู้สูงวัย จึงต่อยอดจนพัฒนาเป็นโครงการ”ดิ แอสเพน ทรี “(The Aspen Tree) เพื่อให้ผู้สูงวัยมีความสุขและมีสุขภาพดี เป็น 1 ใน 4 โครงการ ที่ตั้งอยู่ในโครงการ “เดอะ ฟอเรสเทียส์” (The Forestias) โครงการเมืองในป่า บนพื้นที่ทั้งหมด 398 ไร่ โดยอีก 3 โครงการประกอบด้วย“วิสซ์ ดอม” (Whizdom), มัลเบอร์รี่ โกรฟ (Mulberry Grove), ซิกเซนส์แบงค็อกและ ซิกเซนส์เรสสิเด้นส์ แบงค็อก (Six Senses Bangkok & Six Senses Residences Bangkok) ซึ่งทั้งหมดจะเปิดตัวพร้อมกันในเดือนพฤษภาคม2564 นี้
สำหรับโครงการ”ดิ แอสเพน ทรี “เป็น 1 ใน 4 โครงการ ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ทั้งหมด 23 ไร่ เป็นคอนโดมิเนียม 2 โซน ขนาด 83-200 ตารางเมตร ราคาเร่ิมต้นที่ 35-70 ล้านบาท คือ “แอคทีฟ ลิฟวิ่ง” สูง 13-22 ชั้น 3 อาคาร จำนวน 250 ยูนิต และ “สกายวิลล่า เรสซิเดนซ์”สูง 5 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 40 ยูนิต ซึ่งเป็นโครงการในรูปแบบของการเช่าซื้อระยะยาว 30 ปี มูลค่าโครงการประมาณ 10,000 ล้านบาท
ล่าสุดได้ร่วมมือกับบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)ในการจัดทำโครงการความคุ้มครองสุขภาพ “อีลิท เฮลท์” ให้กับลูกค้าที่ซื้อห้องชุดในโครงการ”ดิ แอสเพน ทรี “ โดยมีเงื่อนไขลูกค้าที่ซื้อห้องชุดในโครงการต้องมีอายุ 50 ปีขึ้นไป สูงสุดได้ ขจนถึง 80 ปี จะสามารถได้รับแพ็กเกจดังกล่าวทันที ซึ่งคุ้มครองลูกค้าจนอายุถึง 99 ปี ซึ่งมุ่งเน้นด้านการดูแลตลอดชีวิต เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ไร้ความกังวล เพียบพร้อมทั้งที่พักอาศัย สิ่งอำนวยความสะดวก การบริการอย่างครบครัน เป็นสังคมแห่งการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพสำหรับผู้สูงวัยที่แรกของประเทศไทย และครบวงจรที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่หากเกิดกรณีลูกค้าเสียชีวิตก่อนครบกำหนดสัญญา ทางบริษัทจะมีเงิน Refund ตามจำนวนที่เหลืออยู่ให้กับทายาทเป็นผู้รับ หลังจากนั้นจะนำห้องชุดดังกล่าวมารีเซลให้กับลูกค้ารายอื่นต่อไป
โครงการดิ แอสเพน ทรี เน้นบริการและการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน (Preventive Care) ผสานโปรแกรม Health & Wellness โดยผ่านกิจกรรมระหว่างวันและสันทนาการต่างๆ ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ผู้สูงวัย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมสุขภาพกาย จิตใจและสมอง นอกจากนั้นยังมีบริการ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันอีกด้วยที่สำคัญ โครงการดิ แอสเพน ทรี ยังถือเป็นโครงการแห่งแรกที่มุ่งเน้นด้านการดูแลตลอดชีวิต (Holistic Lifetime Care) ใส่ใจด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ เพื่อให้ท่านได้อยู่อาศัยอย่างไร้ความกังวล โดยได้ร่วมทำงานกับ เบย์เครสต์ โกลบอลโซลูชั่น (Baycrest Global Solutions) องค์กรจากประเทศแคนาดาที่มีประสบการณ์มากกว่า 100 ปี และเป็นผู้นำระดับโลกทางด้านการพัฒนาที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงวัยตลอดจนเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลในโครงการ ที่ผ่านหลักสูตรฝึกอบรมการดูแลผู้สูงวัย เพื่อสร้างมาตรฐานการดูแลผู้สูงวัยและมอบบริการที่ดีที่สุดให้ผู้อยู่อาศัยอย่างมีคุณภาพ
อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของโครงการดิ แอสเพน ทรี คือ การคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยเป็นสำคัญ มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานและทันสมัยครอบคลุมทุกพื้นที่ของโครงการฯ เพื่อสร้างความไว้วางใจให้กับผู้อยู่อาศัย พร้อมการออกแบบให้เป็น Car-Free Community โดยรังสรรค์พื้นที่ร่วม 60% ให้เป็นพื้นที่สีเขียวที่สวยงาม เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้ใช้ประโยชน์พื้นที่สวนส่วนกลางได้อย่างปลอดภัย ลดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ภายในพื้นที่โครงการฯ มอบอิสระสูงสุดในการใช้ชีวิต รวมทั้งยังดำเนินการภายใต้แนวคิด “Ageing-In-Place” มุ่งเน้นให้ผู้อยู่อาศัยสามารถใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมและที่พักอาศัย ได้ตลอดไปอย่างอิสระและปลอดภัย โดยจะเชื่อมต่อกับสังคมและธรรมชาติโดยรอบได้อย่างสมดุล รวมทั้งเชื่อมโยงการดูแลสุขภาพอย่างครบวงจรให้กับผู้อยู่อาศัย
ขณะนี้มีลูกค้าทั้งชาวไทยในต่างชาติให้ความสนใจโครงการดังกล่าวมากพอสมควร โดยกลุ่มชาวต่างชาติที่ให้ความสนใจนั้นมีหลากหลายประเทศ อาทิ ญี่ปุ่นจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และยุโรปเหนือ เป็นต้น โดยโครงการดังกล่าวได้เร่ิมดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส3/2566
ด้านนายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการมอบประสบการณ์สุดพิเศษ สำหรับลูกค้าโครงการ “ดิ แอสเพน ทรี”ด้วยความคุ้มครองสุขภาพ “อีลิท เฮลท์” ที่โดดเด่นด้วยความคุ้มครองแบบเหนือระดับ การันตรีด้วยรางวัล Product of The Year ปี 2020 พร้อมให้ผลประโยชน์ครอบคลุมกรณีเจ็บป่วยจากโรคร้ายแรง โรคทั่วไป และโรคระบาด รวมทั้งอุบัติเหตุ พร้อมให้ความคุ้มครองการรักษามะเร็งแบบตรงจุด (Targeted Therapy) การวินิจฉัยโรคแบบ MRI หรือ CT Scan แบบผู้ป่วยนอก (OPD) คุ้มครองการพักรักษาตัวห้องผู้ป่วยวิกฤต (ICU) นาน 365 วัน แบบจ่ายตามจริง พื้นที่ความคุ้มครองเฉพาะในประเทศไทย โดยให้ความคุ้มครองสูงสุด 20 ล้านบาทต่อปีกรมธรรม์ ในช่วงระหว่างการก่อสร้างโครงการฯ และจะเพิ่มความคุ้มครองสูงสุดเป็น 40 ล้านบาทต่อปีกรมธรรม์ เมื่อโครงการฯ แล้วเสร็จและโอนสิทธิการเช่าสำเร็จ ซึ่งถือเป็นสิทธิพิเศษที่ทางโครงการดิ แอสเพน ทรี และเมืองไทยประกันชีวิต คัดสรรให้แก่ลูกค้าโครงการฯ พร้อมดูแลระยะยาวด้วยความคุ้มครองจนถึงอายุ 99 ปี (การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ)
นอกจากนี้ ลูกค้าโครงการ ดิ แอสเพน ทรี ที่ได้รับความคุ้มครองสุขภาพ “อีลิทเฮลท์” ยังได้รับที่สุดของการบริการ “MTL Smile Service ให้คุณคุ้มค่ามากกว่าแค่คุ้มครอง” ที่สามารถตอบโจทย์ด้านการบริการในทุกไลฟ์สไตล์ ผ่านนวัตกรรมการบริการและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็น แอปพลิเคชัน MTL Click บริการMTL Health Buddy และยังสามารถสมัครสมาชิก เมืองไทย สไมล์ คลับ เพื่อรับสิทธิพิเศษและร่วมกิจกรรมสุด Exclusive อีกมากมายได้อีกด้วย
“ความร่วมมือระหว่างเมืองไทยประกันชีวิต และ ดิ แอสเพน ทรี ในครั้งนี้ ถือเป็นปรากฎการณ์ครั้งสำคัญของการตอบรับการก้าวเข้าสู่ยุคของสังคมผู้สูงวัย (Aging Society) พร้อมเติมเต็มประสบการณ์ใหม่แก่ลูกค้าผู้ที่วางแผนการใช้ชีวิตในระยะยาว ผ่านความคุ้มครองเหนือระดับ ซึ่งสอดคล้องความมุ่งมั่นของเราที่ให้ความสำคัญกับการเข้าสู่ยุคของสังคมผู้สูงวัยมาโดยตลอด พร้อมได้มีการพัฒนาออกแบบ ผลิตภัณฑ์และบริการ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มดังกล่าวได้อย่างตรงจุด เพื่อสร้างมาตรฐานการดูแลผู้สูงวัยและมอบบริการที่ดีที่สุดให้ผู้อยู่อาศัยอย่างมีคุณภาพ” นายสาระ กล่าวในที่สุด