MJD ประกาศแผน 5 ปี ปรับพอร์ตธุรกิจเสริมแกร่ง จ่อผุด 5 โครงการใหม่ มูลค่า 1.1 หมื่นล้าน

  • Post author:
You are currently viewing MJD ประกาศแผน 5 ปี ปรับพอร์ตธุรกิจเสริมแกร่ง จ่อผุด 5 โครงการใหม่ มูลค่า 1.1 หมื่นล้าน
เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ฯประกาศแผน 5 ปี ปรับโครงสร้างพอร์ตธุรกิจ เพิ่ม 2 ธุรกิจใหม่ ปี64 จ่อผุด 5 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 11,300 ล้านบาท  ทั้งเพิ่มรายได้จากธุรกิจให้เช่า-บริการมากขึ้น และเตรียมเปิดตัว 2 ธุรกิจใหม่ในปลายปี ใช้งบลงทุน 150 ล้านบาท ตั้งเป้าปี68 รายได้รวมแตะ 12,000 ล้านบาท
นางสาวเพชรลดา พูลวรลักษณ์
นางสาวเพชรลดา พูลวรลักษณ์ กรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MJD เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ถือเป็นวิกฤติที่ใหญ่และส่งผลกระทบในวงกว้างที่สุด แต่บริษัทฯก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ดี และก้าวผ่านอุปสรรคได้อย่างมั่นคง จึงเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่า ตลาดลักชูรี่ยังคงแข็งแกร่งเสมอ แม้ในยามวิกฤติ แต่การที่นำวัคซีนเข้ามาแล้ว ก็เพียงช่วยสร้างความมั่นใจได้ระดับหนึ่งเท่านั้น แต่กลุ่มคนส่วนใหญ่ยังไม่กล้าที่จะฉีดวัคซีน ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จึงอยากให้รัฐบาลช่วยกระจายเม็ดเงินให้ทั่วถึงและสามารถใช้ได้จริงในทุกกลุ่ม อีกทั้งยังต้องการให้เพิ่มโควตาการถือครองที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติ จากเดิมสัดส่วนอยู่ที่ 49% เพิ่มเป็น 100% ซึ่งจะช่วยให้ภาคธุรกิจอสังหาฯฟื้นตัวและมีความคล่องตัวมากขึ้น
ดังนั้นเพื่อเป็นการสร้างการเติบโตบริษัทฯจึงยังมองหาโอกาสในการสร้างรากฐานความแข็งแกร่งเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม จึงตั้งเป้าหมายการปรับตัวระยะเวลา 5 ปี (2564-2568)ได้แก่

1.การเพิ่มพอร์ตสินค้าแนวราบ จากเดิมมีเพียงสัดส่วน 5% เป็น 25% และคอนโดมิเนียม จากเดิมมีสัดส่วน 95% เป็น 75% เพื่อให้สินค้ามีความหลากหลายมากขึ้น โดยในปี 2564 นี้จะเปิดตัวใหม่ 5 โครงการ รวมมูลค่า 11,300 ล้านบาท(ลบ.) แบ่งเป็นโครงการแนวราบ สัดส่วน 35% จำนวน 2 โครงการ มูลค่า 4,000 ล้านบาท และคอนโดฯ สัดส่วน 65% จำนวน 3 โครงการ มูลค่า 7,300 ล้านบาท

โดยทั้ง 5 โครงการดังกล่าวจะแบ่งเป็น MID/HIGH สัดส่วน 56% จำนวน 3 โครงการ มูลค่า 6,300 ล้านบาท และ LUXURY & SUPER LUXURY สัดส่วน 44% จำนวน 2 โครงการ มูลค่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 5 โครงการนี้มีที่ดินรองรับแล้วทั้งหมด
ทั้งโครงการแรกที่จะพัฒนานำร่องในปีนี้คือโครงการ Malton Gates กรุงเทพกรีฑา บ้านเดี่ยว ระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ จำนวน 50 ยูนิต ราคา 30 ล้านบาทขึ้นไป มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ภายใต้แนวคิดที่ตอบโจทย์สุขภาพแบบองค์รวม ซึ่งร่วมพัฒนากับสถาบันชั้นนำด้านสุขภาพ (Wellness Institution) ทั้งในรูปแบบของเภสัชกร และนักโภชนาการ จากในประเทศและต่างประเทศ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า  ส่วนคอนโดฯซูเปอร์ลักชัวรี่ จะอยู่ย่านใจกลางเมือง ซึ่งจะมีแบรนด์ใหม่อีก 1 แบรนด์ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
2.กระจายพอร์ตธุรกิจ (Business Diversification) ทยอยกระจายรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Business) จากเดิมมีสัดส่วน 96% จะปรับเป็น 65% ,ธุรกิจโรงแรม-อาคารสำนักงาน จาก 3%  เพิ่มเป็น 8% ,Management & Service (ดำเนินการภายใต้บริษัท เอ็มดีพีซี จำกัด หรือ MDPC)  จาก 1% เพิ่มเป็น 7% และธุรกิจอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ (Non-Real Estate Business) ซึ่งจะเป็น NEW BUSINESS  โดยสัดส่วนดังกล่าวจะเน้นกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวโยงกับภูมิทัศน์การใช้ชีวิต (Lifescape) ของผู้บริโภค ประมาณ 20% เบื้องต้นคาดว่าในช่วงปลายปี 2564 จะเริ่มเห็นการลงทุนใน 2 ธุรกิจใหม่ โดยวางงบลงทุนรวมในปี 2564 ไว้ที่ 150 ล้านบาท ได้แก่

            -สินค้าหรือบริการที่เกี่ยวกับสุขภาพ (Healthsape) ในปีนี้คาดใช้งบลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท และใน 5 ปีจะใช้งบลงทุนรวมประมาณ 500 ล้านบาท

            -เทคโนโลยี (Techsape) ในปีนี้คาดใช้งบลงทุนประมาณ 50 ล้านบาท และใน 5 ปีจะใช้งบลงทุนรวมไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดเผยรายละเอียดของธุรกิจอย่างชัดเจนได้ในช่วงไตรมาส 4/2564

สำหรับวิสัยทัศน์ Lifescape Developer จะขับเคลื่อนด้านธุรกิจที่อยู่อาศัยด้วยความเชื่อมั่นภายใต้แนวคิด “Crafting Lifescape to Excellence” ทั้ง 5 แกนหลัก ได้แก่

1.Attention to Details ทุกรายละเอียดมีความหมาย ด้วยการใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อสะท้อนความเป็นลักซูรีในทุกเซ็กเมนต์

2.Understanding Lifestyle เข้าใจการใช้ชีวิตที่แตกต่าง ด้วยการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในทุกบริบท

3.Top-Notch Quality เรื่องคุณภาพสำคัญเป็นที่หนึ่ง ด้วยการจัดการด้านคุณภาพแบบครบวงจรตั้งแต่ก่อนการก่อสร้าง ไปจนกระทั่งหลังการส่งมอบโครงการ

4.Best Caring Service บริการด้วยหัวใจ เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่เหนือระดับให้กับลูกบ้าน

5.Enduring Purpose คิดทุกมิติ เพื่อคุณค่าที่ยั่งยืน

นอกจากนั้น ยังยกระดับความเป็นผู้นำด้านคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้ (Pet-Friendly Residences) ให้ตอบโจทย์คนรักสัตว์มากยิ่งขึ้น ด้วย “Major Petscape” ที่ครอบคลุมทั้ง 4 มิติ ได้แก่

1.ข้อปฏิบัติเพื่อการอยู่อาศัยร่วมกัน (Petscape Guide)

2.การออกแบบและเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง (Petscape Design)

3.สิทธิพิเศษสำหรับสัตว์เลี้ยง (Petscape Privilege)

4.การสร้างชุมชนคนรักสัตว์ (Petscape Community)

โดยจะเป็นการร่วมกับพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญ เช่น โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ, บ้านและสวน Pets และทิพยประกันภัย รวมถึงการพัฒนาช่องทางการให้บริการเพื่อสร้างประสบการณ์เหนือระดับให้กับลูกค้า ผ่าน Major Contact Center, Major Exclusive Club และ Lifescape  Application ทั้งนี้ ยังเสริมความแข็งแกร่ง ด้วยทีมบริหารงานนิติบุคคลแบบครบวงจรผ่านบริษัท เอ็มดีพีซี จำกัด หรือ MDPC อีกด้วย

ทั้งนี้บริษัทฯได้ตั้งเป้าหมายระยะยาวในปี 2568 จะมีรายได้รวมที่ 12,000 ล้านบาท สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2564 จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน โดยบริษัทได้วางเป้าหมายรายได้รวมในปีนี้ไว้ที่ 8000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 7,598.12 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากการทยอยส่งมอบโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายตามแผน ประมาณ 7,000 ล้านบาท และการรับรู้รายได้อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (สำนักงาน, โรงแรม, บริการ) ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดย ณ สิ้นปี 2563 บริษัทมียอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) ทั้งหมด 6,400 ล้านบาท จะทยอยรับรู้อย่างต่อเนื่อง  ด้านยอดขาย (Presale)ตั้งเป้าไว้ที่ 7,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดขาย 5,857 ล้านบาท

 

toppercool

CEO,Prop2morrow Blogger อสังหาฯ , นักการตลาดดิจิตัล สาย Content marketing