เอพีฯเผยตลาดรวมอสังหาฯไตรมาส2/64 ยังอยู่ชะลอตัว ซัพพลายใหม่เกิดจากการเปิดตัวของรายใหญ่บางค่ายเท่านั้น ปลื้มยอดขายรวมไตรมาสแรกแตะ 7,966 ล้านบาท จาก 113 โครงการทั่วประเทศ ระบุแนวราบยังเป็นเรือธง กวาดถึง 7,293 ล้านบาท เดือนมิ.ย.64จ่อเปิดขายแนวราบจำนวน 5 โครงการ มูลค่ารวม 2,660 ล้านบาท
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์)จำกัด(มหาชน)หรือ AP เปิดเผยถึง ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไตรมาส 2/2564 ว่ายังคงอยู่ในสภาวะที่รอการฟื้นตัว ทั้งในภาพของดีมานด์ที่ยังคงเป็นไปตามภาพรวมเศรษฐกิจ ด้านซัพพลายการเปิดตัวสินค้าใหม่ยังคงเกิดจากผู้เล่นรายใหญ่ไม่กี่ราย ในตลาดดังที่ผ่านมา สินค้าคอนโดมิเนียมคาดว่า Sentiment น่าจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง แต่คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะฟื้นตัวกลับไปเหมือนก่อนเผชิญสถานการณ์โควิด-19 ด้านสินค้าแนวราบยังคงเป็นซูเปอร์สตาร์ต่อเนื่องไปอีกปี โดยในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายได้มากถึง 7,966 ล้านบาท จากอสังหาริมทรัพย์เครือเอพีที่กระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 113 โครงการ (Exiting Projects) เพิ่มขึ้น 32% หากเทียบกับยอดขายไตรมาส 1 ของปี 2563 ที่ 6,045 ล้านบาท โดยเป็นยอดขายที่มาจากสินค้าแนวราบมากถึง 7,293 ล้านบาท สะท้อนภาพความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีต่อสินค้าบ้านเดี่ยว และทาวน์โฮมเครือเอพี ที่กระจายครอบคลุมในพื้นที่เขต กทม. หรือการขยายตลาดใหม่ไปใน 5 จังหวัด อย่างขอนแก่น ระยอง นครศรีธรรมราช อยุธยา และเชียงราย จนสามารถสร้างการเติบโตด้านยอดขายได้อย่างโดดเด่นที่สุดท่ามกลางสภาวะตลาดผันผวนเช่นนี้
ทั้งนี้ โอกาสรอดของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ท่ามกลางการต้องเผชิญกับสภาวะ Ripple Effect หรือปรากฎการณ์ระลอกคลื่น ความเสียหายที่เกิดจากโควิด-19 นั้น นอกจากแผนการบริหารจัดการภายในองค์กร เพื่อสร้างความแข็งแกร่งแล้วนั้น การบริหารจัดการพอร์ตสินค้าให้มีสินค้าพร้อมขาย และกระจายไปในหลายทำเล เพื่อสร้างโอกาสและความได้เปรียบในการแข่งขันที่มากขึ้น ถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่นำมาซึ่งความสำเร็จในวันนี้ ควบคู่ไปกับการมี EMPOWER LIVING เป็นเป้าหมายสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรไปสู่การส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีที่ลูกค้าสามารถเลือกได้
สำหรับแผนการเปิดตัวโครงการในช่วงไตรมาส 2 บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวสินค้าแนวราบจำนวน 5 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 2,660 ล้านบาท โดยทั้งหมดมีแผนจะเปิดขายในช่วงเดือนมิถุนายน แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 2 โครงการ มูลค่ารวม 1,650 ล้านบาท ได้แก่
1.CENTRO พหล-วิภาวดี 2 จำนวน 249 ยูนิต มูลค่า 1,250 ล้านบาท
2.CENTRO ราชพฤกษ์-สวนผัก 3 จำนวน 43 ยูนิต มูลค่า 400 ล้านบาท
ทาวน์โฮม 3 โครงการ มูลค่ารวม 1,010 ล้านบาท ได้แก่
1.Pleno บางนา-อ่อนนุช 2 จำนวน 233 ยูนิต มูลค่า 570 ล้านบาท
2.Pleno ปิ่นเกล้า-จรัญ 2 จำนวน 86 ยูนิต มูลค่า 330 ล้านบาท
3.District รามอินทรา-จตุโชติ พัฒนาในรูปแบบโฮมออฟฟิศ จำนวน 20 ยูนิต มูลค่า 110 ล้านบาท