FPTท้าชนยักษ์มิกซ์ยูส ปักหมุดผุด “สีลมเอจ” ชูจุดขาย“สังคมแซนด์บ็อกซ์” แห่งใหม่ใจกลางเมือง

  • Post author:
You are currently viewing FPTท้าชนยักษ์มิกซ์ยูส ปักหมุดผุด “สีลมเอจ” ชูจุดขาย“สังคมแซนด์บ็อกซ์” แห่งใหม่ใจกลางเมือง
เฟรเซอร์สฯประกาศแผนรุกธุรกิจเพื่อการขายและ Recurring Income ต่อเนื่อง ล่าสุดประกาศเปิดตัวโครงการ Re-development ครั้งแรก รีโนเวทใหม่ภายใต้แบรนด์“สีลมเอจ” (Silom Edge) ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 1,800 ล้านบาท หวังเป็น “สังคมแซนด์บ็อกซ์”ใจกลางเมือง มั่นใจราคาเช่าถูกกว่า 30-40%พร้อมเปิดประสบการณ์ สังคมไร้เงินสด Cashless Society ดันซื้อขายสินค้าด้วยคริปโตเคอร์เรนซี่ คาดพร้อมเปิดให้บริการก.ย.65 และเริ่มรับรู้รายได้ทดแทน Golden Land Building ในไตรมาส 4/65
นายธนพล ศิริธนชัย
นายธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT  เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจของ FPT ในรอบปีบัญชี 2564/2565 (ตุลาคม 2564 – กันยายน 2565) ว่ายังอยู่ระหว่างการจัดทำแผนงาน ซึ่งจะมีการออกมาประกาศแผนงานอีกครั้งในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2564  โดยที่ในส่วนของธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขายจะยังมีการเปิดโครงการใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการแนวราบที่ยังมีการขายได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีผลกระทบจากโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาบ้าง ที่ทำให้กำลังซื้อชะลอตัว แต่มองว่าความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบของคนยังมีอยู่มาก ทำให้บริษัทยังคงมีแผนการพัฒนาโครงการแนวราบอย่างต่อเนื่อง

ส่วนธุรกิจด้านอุตสาหกรรมที่เป็นพื้นที่เช่าคลังสินค้าของ FPT ยังคงได้รับประโยชน์จากการขยายตัวของธุรกิจ E-Commerce ที่ทำให้มีผู้ประกอบการหันมาเช่าพื้นที่คลังสินค้าเพิ่มมากขึ้น และการลงทุนใหม่ๆของผู้ประกอบการต่างๆทำให้ความต้องการใช้คลังสินค้าในประเทศยังคงอยู่ในระดับสูง และมีการเติบโตตามเศรษฐกิจและการลงทุนที่จะเกิดขึ้นอีกมากในอนาคต เช่นเดียวกับอาคารสำนักงานแม้ว่าจะมีการทำงานที่บ้านในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา แต่ผู้ประกอบการและลูกค้าธุรกิจต่างๆยังคงเช่าอาคารสำนักงานของบริษัทอย่างต่อเนื่อง  ทำให้มีอัตราการเช่าเกินกว่า 90%

สำหรับในส่วนของพื้นที่ค้าปลีกเป็นธุรกิจที่ได้รับแรงกดดันมากที่สุดในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา จากมาตรการล็อกดาวน์และความกังวลในการเข้ามาเดินในห้างหรือศูนย์การค้า และการชะลอการจับจ่ายใช้สอย จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และนักท่องเที่ยวที่หายไป แต่มองว่าหลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง รัฐบาลประกาศเปิดประเทศในเดือนพฤศจิกายน 2564 นี้ จะทำให้ผู้บริโภคกลับเข้ามาใช้บริการในห้างและศูนย์การค้ามากขึ้น โดยในช่วงหลังจากการคลายล็อกดาวน์ 1 เดือนที่ผ่านมา มีคนกลับเข้ามาใช้บริการใน “สามย่านมิตรทาวน์”เฉลี่ย 30,000 คน/วัน ซึ่งยังคงน้อยกว่าช่วงปกติที่เฉลี่ย 60,000-70,000 คน/วัน และร้านค้าในโครงการก็เริ่มทยอยกลับมาเปิดให้บริการครบแล้วซึ่งโชคดีที่อัตราการเช่าพื้นที่ของ “สามย่านมิตรทาวน์”ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด ปัจจุบันมีผู้เช่าเกือบ 99% ส่วนจะเปิดพร้อมได้เมื่อไหร่ ต้องดูตามสถานการณ์ และจะสามารถช่วยเหลือลูกค้าได้อย่างไร ก็ต้องดูกันอีกครั้งหนึ่ง

ล่าสุดได้ประกาศลงทุนธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income)ในย่านพระราม4 อย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการเป็นย่านนวัตกรรมในอนาคต ด้วยการเปิดตัวโครงการ “สีลมเอจ” (Silom Edge) ซึ่งเป็นการเช่าที่ดินจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ระยะเวลา 30 ปี ตั้งอยู่บนพื้นที่ 2 ไร่เศษ เป็นจุดตัดระหว่างถนนสีลม-พระราม 4  พัฒนาในรูปแบบของมิกซ์ยูส สูง 24 ชั้น พื้นที่โครงการ 50,000 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่ให้เช่า 22,000 ตารางเมตร  ซี่งประกอบด้วยอาคารสำนักงาน 12,000 ตารางเมตร ชั้น 10-21 และพื้นที่ค้าปลีก 10,000 ตารางเมตร ชั้น B1 และชั้น 4-9  มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท ปัจจุบันได้เริ่มดำเนินการพัฒนาไปแล้วกว่า 65% คาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการในเดือนกันยายน 2565 โดยเวลาที่เปิดให้บริการคือ 11.00-24.00 น.

โดยในส่วนของผู้เช่าที่สนใจเช่าพื้นที่อาคารสำนักงานของ โครงการ “สีลมเอจ” ส่วนหนึ่งจะเป็นผู้เช่าที่เป็นผู้ประกอบการบริหารพื้นที่ Co-Working Space ซึ่งอยุ่ระหว่างการเจรจา 3 ราย หรือจะใช้พื้นที่ประมาณ 30% ของพื้นที่ทั้งหมด รวมถึงบริษัทจะเปิดโอกาสให้ผู้เช่าเดิมจากโครงการ Golden Land Building ซอยมหาดเล็กหลวง 1ซึ่งจะหมดสัญญาเช่าในปี 2565  ที่สนใจย้ายมาเช่าที่โครงการ “สีลมเอจ” สามารถจองเช่าพื้นที่ได้ก่อน และจะทำให้ สีลม เอจ เป็นโครงการที่เข้ามาทดแทนรายได้ค่าเช่าในส่วนของโครงการ Golden Land Building ซอยมหาดเล็กหลวง 1 โดยที่บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ค่าเช่าที่มาจากโครงการ “สีลมเอจ” เข้ามาเต็มไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท/ปี ซึ่งในส่วนของการลงทุนโครงการดังกล่าวบริษัทคาดว่าจะใช้ระยะเวลาในคืนทุนประมาณ 9-10 ปี โดยที่การลงทุนในโครงการดังกล่าวจะให้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนเฉลี่ย 10% ต่อปี

สำหรับอัตราค่าเช่าพื้นที่อาคารสำนักงาน ในเบื้องต้นคาดว่าจะมีอัตราที่ถูกกว่าค่าเช่าพื้นที่สำนักงานในอาคารที่แพงที่สุดในกรุงเทพฯประมาณ 30-40% หรือมีอัตราค่าเช่าพื้นที่อาคารสำนักงานเฉลี่ยอยู่ที่ 750-800 บาท/ตารางเมตร ซึ่งการเช่าพื้นที่สำนักงานเปล่า นั้นบริษัทมองว่าความต้องการเช่าพื้นที่อาคารสำนักงานในกรุงเทพฯยังมีอยู่สูง แม้ว่าจะมีเรื่องของการ Work From Home (WFH)เข้ามาในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา แต่มองว่าการกลับมาทำงานในสำนักงานยังมีความจำเป็นสำหรับผู้ประกอบการต่างๆในความสะดวกเรื่องการทำงานและประสานงานต่างๆ

 

ส่วนพื้นที่ค้าปลีกยังอยู่ระหว่างการพัฒนารูปแบบพื้นที่ โดยที่บริษัทจะมีการเปิดให้ผู้สนใจเช่าพื้นที่ค้าปลีกในช่วงปี 2565 โดยค่าเช่าจะใช้รูปแบบใหม่คิดราคาเป็นต่อบล็อก เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการการสามารถคำนวณต้นทุนได้อย่างชัดเจน  พร้อมกับบริษัทจะมีการปรับปรุงทางเชื่อมในส่วนของ Sky walk และทางเชื่อมสะพานลอยข้ามแยกสีลมไปโรงพยาบาลจุฬาฯ เพื่ออำนวยความสะดวกกับผู้เช่าโครงการและประชาชนที่เดินทางในพื้นที่ย่านสีลมให้มีความสะดวกในการเชื่อมต่อการเดินทาง

“สีลมเป็นหนึ่งในถนน 3 เส้นแรกในสมัยรัชกาลที่ 4 ซึ่งเป็นสมัยแรกๆที่มีชาวต่างชาติเข้ามาค้าขายในประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นจุดเชื่อมโยงโครงข่ายการคมนาคมทั่วกทม.ปัจจุบันสีลม มีอาคารสำนักงานเป็นจำนวนมากถึง 43 แห่ง และมีคอนโดฯทุกระดับ รวมไปถึงคอนโดเทล โรงเรียน 23 แห่ง รีเทล 3 แห่ง และโรงพยาบาล 3 แห่ง ดังนั้นกำลังซื้อในย่านนี้จึงมีอย่างมหาศาล โดยเป็นผู้พักอาศัยในย่านนี้ประมาณ 220,000 คน และคนทำงานในพื้นที่ 350,000 คน และโครงการนี้ถือว่ามีความท้าทายเริ่มตั้งแต่การเข้ามาดูว่าจะเปลี่ยนภาพพจน์และโครงสร้างที่มีอยู่แล้ว ให้สามารถเปลี่ยนคอนเซ็ปต์และตอบสนองด้านสเปซ และเทคโนโลยี ถือว่าเป็นความท้าทายตลอด 1 ปีนี้”นายธนพล กล่าว

โครงการ“สีลมเอจ”เป็นต้นแบบโครงการ Re-development ที่นำอาคารเก่ามาแปลงเป็นมิกซ์ยูสพันธุ์ใหม่ ที่แม้ว่าจะไม่ใช่โครงการใหญ่ แต่บริษัทฯจะพัฒนาให้ดีที่สุด ภายใต้คอนเซ็ปต์แหวกแนว “The new sandbox community in CBD” ที่ปฎิวัติรูปแบบการพัฒนาอาคารแบบเดิมๆ ด้วยการคิดนอกกรอบ เปิดตัวพื้นที่แซนด์บ็อกซ์บนสุดยอดทำเล ตอบโจทย์ความต้องการของคน Gen ใหม่ในยุคดิจิทัล เจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก ผู้ประกอบการธุรกิจ Start-Up และแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่มีการเติบโตทางธุรกิจอย่างก้าวกระโดดในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากเหตุการณ์โควิด-19 เป็นปัจจัยเร่งให้พฤติกรรมของคนเปลี่ยนไปจากเดิม การซื้อสินค้าและบริการออนไลน์กลายเป็น New Normal  อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการบนโลกออนไลน์เริ่มเห็นความจำเป็นในการขยายช่องทางการเข้าถึงลูกค้าบนโลกออฟไลน์ ดังนั้น การมีออฟฟิศหรือร้านค้าบนทำเลใจกลางกรุงเทพฯที่เดินทางสะดวก จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่จะช่วยสร้างแต้มต่อในการแข่งขันธุรกิจ และโครงการนี้จะเป็นโครงการแรกของ FPT ที่เปิดรับชำระเงินดิจิทัลด้วยเงิน Cryptocurrency และการทำธุรกรรมการเงินผ่านช่องทางออนไลน์

“ในช่วงโควิด-19  เรามีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงาน การจับจ่ายใช้สอย และอยู่อาศัยมาใช้เทคโนโลยีมากขึ้น จึงเป็นที่มาของการพัฒนามิกซ์ยูสพันธุ์ใหม่ขึ้นมา เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ดังนั้นรูปแบบการเช่าอาคารสำนักงานจึงเปลี่ยนไป โดยจะพัฒนาเป็น “สังคมแซนด์บ็อกซ์” (SANDBOX COMMUNITY) แห่งใหม่ใจกลางเมือง   เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพของที่ตั้งโครงการที่อยู่หัวมุมถนนสีลม ซึ่งเป็นสุดยอดทำเลใจกลาง CBD เชื่อมต่อกับทั้งรถไฟฟ้า BTS และ MRT นอกจากนี้ ยังเคยเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของกรุงเทพฯและเป็นที่ตั้งของบริษัทชั้นนำหลายแห่งในประเทศไทย ทำให้ถนนสีลมกลายเป็นหนึ่งในถนนเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ และเกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปัจจุบันไม่มีแลนด์แบงก์มากพอเพื่อการพัฒนาโครงการใหม่ บริษัทฯจึงตัดสินใจเข้าลงทุนในทรัพย์สินนี้เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เพื่อพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูส สอดคล้องกับกลยุทธ์การสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนให้แก่องค์กร โดย ‘สีลมเอจ’ นับเป็นโครงการ Re-development แห่งแรกของ FPT ที่จะมาเสริมความแข็งแกร่งและกระจายความเสี่ยง พร้อมเพิ่มสัดส่วนของรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้แก่พอร์ตฯคอมเมอร์เชียล โดยบริษัทฯคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการนี้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีหน้า” นายธนพล กล่าว

นายธนพล กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่มีโครงการขนาดใหญ่เกิดขึ้นมาบนถนนสีลม-พระราม 4  จะเพิ่มศักยภาพและดึงดูดกำลังซื้อกลับมาอย่างมหาศาล และคิดว่า “สีลมเอจ”จะเป็นทางเลือกที่แตกต่างให้กับลูกค้า จึงเชื่อว่าจะเป็นจุดเด่นบนถนนสีลมได้ และสามารถรองรับการแข่งขันกับโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ได้ ปัจจุบันเครือ FPT ได้มีการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสแทบจะครบทุกหัวมุมถนนพระราม 4 แล้ว ซึ่งอนาคตกำหนดให้เป็นถนนเส้นแห่งนวัตกรรม ซึ่งมั่นใจว่าพระรามสี่ยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีศักยภาพในการพัฒนาโครงการต่อไปได้

อนึ่ง อีกมุมของถนนสีลมพระราม4 เป็นที่ตั้งของโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” (Dusit Central Park) โครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ เป็นการทำสัญญาเช่าที่ดินกับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ระยะเวลา 30 ปี และได้สิทธิเช่าที่ดินต่อเนื่องอีก 30 ปี รวมเป็น 60 ปี บนที่ดินกว่า 23 ไร่ พื้นที่รวม 440,000 ตารางเมตร มูลค่าโครงการ 46,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนระหว่างกลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด(มหาชน)หรือ DTC และกลุ่มบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน)หรือ CPN  ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท วิมานสุริยา จำกัด มีกำหนดเปิดเฟสแรกในปลายปี 2566 เริ่มจาก “โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ”ต่อด้วย “ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพาร์ค” และอาคารสำนักงาน “เซ็นทรัล พาร์ค ออฟฟิศเซส” ในปี 2567 ส่วนอาคารที่พักอาศัย “ดุสิต เรสซิเดนเซส” และ “ดุสิต พาร์คไซด์” จะก่อสร้างแล้วเสร็จในกลางปี 2568 

 

 

toppercool

CEO,Prop2morrow Blogger อสังหาฯ , นักการตลาดดิจิตัล สาย Content marketing