จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า (COVID-19) ที่ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ และภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงภาวะหนี้ครัวเรือนของประชาชนที่มีการปรับตัวสูงขึ้น ทำให้สถาบันการเงินทั้งของรัฐและเอกชน ที่ให้บริการด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่น ๆ ได้ออกมาตรการช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและผลกระทบดังกล่าวอย่างต่อเนื่องในปี 2564 และปี 2565
นายพงษ์ศักดิ์ คำนวนศิริ รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มงานสินเชื่อ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ธอส. ได้ขยายระยะเวลาความช่วยเหลือให้กับลูกค้าเดิมที่อยู่ระหว่างการใช้มาตรการที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 มาตั้งแต่ปี 2563 ภายใต้โครงการ “ธอส.รวมไทย สร้างชาติ” ต่อไปถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ผ่าน 5 มาตรการครอบคลุมกลุ่มลูกค้าที่มีสถานะบัญชีปกติ สถานะ NPL และลูกหนี้สถานะ NPL ที่อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ ประกอบด้วย มาตรการที่ 9, 10 และ11 แบ่งจ่ายเงินงวดผ่อนชำระ (ตัดเงินต้น ตัดดอกเบี้ย) เหลือ 25%,50% หรือ 75% ของเงินงวดผ่อนชำระในปัจจุบัน มาตรการที่ 13 พักชำระเงินต้น และจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยรายเดือน สำหรับลูกค้าที่มีสถานะบัญชีปกติ (ไม่เป็น NPL ไม่อยู่ขั้นตอนของกฎหมาย และไม่อยู่ระหว่างทำข้อตกลงประนอมหนี้) และต้องเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการประกอบอาชีพหรือทำธุรกิจ,การค้าเนื่องจาก COVID-19
และมาตรการที่ 14 : พักชำระเงินต้น และจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยรายเดือน พร้อมลดดอกเบี้ยลงเหลือ 3.90%ต่อปี สำหรับลูกหนี้ที่มีสถานะ NPL และลูกหนี้ NPL ที่อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้
นายอิสระ วงศ์รุ่ง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กลุ่มลูกค้าบุคคล กล่าวว่า ธนาคารได้อนุวัติวงเงินช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19ไปแล้วจำนวน 142,000 ล้านบาท โดยเฉพาะกลุ่มลูกหนี้ที่ค้างชำระไม่เกิน 90 วัน โดยให้ลูกค้าพักชำระเงินต้นและจ่ายเฉพาะดอกเบี้ย 25%-100% หรือพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยจนถึงธันวาคมนี้
รวมทั้งมาตรการรวมหนี้ตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ให้ลูกหนี้สามารถรวมหนี้ระหว่างสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่นมาอยู่ในบัญชีเดียวกัน เช่น สินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล สินเชื่อพัฒนากลุ่มอาชีพ สินเชื่อฐานราก เป็นต้น เพื่อช่วยลดภาระดอกเบี้ย และแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนให้กับลูกหนี้
นอกจากนี้ยังได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าและประชาชนทั่วไปที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองผ่านแคมเปญ “สินเชื่อบ้านกู้ปีนี้ ผ่อนปีหน้า” คิดดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือนและไม่ต้องผ่อนเงินงวดคืนให้กับธนาคารในช่วง 6 เดือนนี้ โดยลูกค้าจะต้องได้รับการอนุมัติและจัดทำนิติกรรมสัญญาให้แล้วเสร็จภายในวันนี้ 30 ธันวาคมนี้
นายชัยยศ ตันพิสุทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อที่ประสบปัญหาจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 จำนวน 3 ทางเลือก คือ ผ่อนชำระเฉพาะดอกเบี้ยและลดอัตราดอกเบี้ย 0.10% เป็นระยะเวลา 3 เดือน ลดยอดผ่อนชำระต่องวด 50% เป็นเวลา 3 เดือน และ เลื่อนการชำระค่างวด (เงินต้นและดอกเบี้ย) เป็นเวลา 3 เดือน
ทั้งนี้ลูกค้าสามารถชำระหนี้มากกว่าเงื่อนไขที่เข้าร่วมมาตรการได้ เพื่อลดยอดหนี้หรือดอกเบี้ยผ่าน K Plus โดยไม่ต้องแจ้งธนาคาร และสามารถสมัครเข้าร่วมมาตรการได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคมนี้
นายอภิรัฐ เหล่าสินชัย VP ผู้จัดการศูนย์สินเชื่ออุปโภคบริโภค ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในส่วนของแบงก์กรุงเทพมีมาตรการลดภาระการชำระหนี้ให้กับลูกค้าผ่านสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออเนกประสงค์ที่ใช้ที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน 4 มาตรการคือ การปรับลดค่างวด พักชำระเฉพาะเงินต้น และพิจารณาให้ชำระดอกเบี้ยเพียงบางส่วน พักชำระเฉพาะเงินต้น และพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย พักชำระค่างวด เพื่อให้ลูกค้าสามารถวางแผนทางการเงินของตัวเองได้
นางสาวพัชรินทร์ สุงสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ผู้บริหารสายงาน Retail Lending Product Management ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารได้มีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อที่อยู่อาศัยมาโดยตลอดตั้งแต่ระยะที่ 1 จนถึงปัจจุบัน ตามความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าแต่ละราย เช่น การปรับลดค่างวดและหรือขยายระยะเวลาการผ่อนชำระ การพักเงินต้นและจ่ายดอกเบี้ยบางส่วน โดยลูกค้าสามารถขอเข้ารับมาตรการช่วยเหลือได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคมนี้ที่ SCB Call Center หรือ SCB Easy App