ทายาท “เจียรวนนท์”ประกาศแผนปี’65 ควงตระกูล “อรรถกระวีสุนทร”ลุยต่อคอนโดฯลักชัวรี่ ย่านCBD สนองดีมานด์กระเป๋าตุง

  • Post author:
You are currently viewing ทายาท “เจียรวนนท์”ประกาศแผนปี’65 ควงตระกูล “อรรถกระวีสุนทร”ลุยต่อคอนโดฯลักชัวรี่ ย่านCBD สนองดีมานด์กระเป๋าตุง
หลานเจ้าสัว “ธนินทร์ เจียรวนนท์”ประกาศแผนกลางปี 65 ควงตระกูล “อรรถกระวีสุนทร“รุกผุดคอนโดฯหรูระดับลักชัวรี่ต่อเนื่อง บนที่ดิน Freehold ย่านซีบีดี อีก 1 โครงการ ด้าน“เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ” การก่อสร้างแล้วเสร็จเรียบร้อย ยอดขายคืบแล้ว 60% ปลื้มลูกค้าต่างชาติยอมบินโอนด้วยตนเอง ระบุไม่มีนโยบายปรับลดราคาขาย เหตุมั่นใจศักยภาพทำเลที่ตั้ง คาดปิดการขายได้ในปี 66
นางสาวธัญทิพ เจียรวนนท์ ประธานบริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่ 4 ของตระกูล “เจียรวนนท์”หลานปู่ “นายธนินท์ เจียรวนนท์”  ประธานอาวุโส  เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2565 ว่า ในช่วงที่ผ่านมาได้ซื้อที่ดินแบบ Freehold ไว้ 1 แปลง  เตรียมที่จะเปิดคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ในย่านใจกลางเมืองกรุงเทพฯ(CBD)อีก 1 โครงการ ซึ่งมองว่าตลาดระดับลักชัวรี่นั้นดีมานด์ยังมีกำลังซื้ออีกมากพอสมควร โดยคาดว่าจะสามารถเปิดตัวได้ประมาณกลางปี 2565 ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับนายชวิน อรรถกระวีสุนทร เช่นเดิม แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดต่างๆได้ในขณะนี้
ด้านนายชวิน อรรถกระวีสุนทร กรรมการบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าววถึง ความคืบหน้าโครงการ“เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ – THE STRAND THONGLOR” ว่า ปัจจุบันดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ 100% และมียอดขายอยู่ที่ 60% จากทั้งหมด 188 ยูนิต และยอดโอนอยู่ที่ 25% รับรู้รายได้ประมาณ 1,200 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนไทย โดยสัดส่วน 70%เป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง และสัดส่วน 30% เป็นการซื้อเพื่อลงทุน ซึ่งมีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ โดยคาดว่าในปี 2565 โครงการดังกล่าวจะสามารถทำยอดขายได้เพิ่มอีกประมาณ 20% และจะปิดการขายได้ในปี 2566

“ในช่วงวิกฤติโควิด-19 โครงการของเรายังสามารถทำยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง โดยห้องขนาดใหญ่ ตั้งแต่ 2 ห้องนอนเป็นต้นไป จะขายดีที่สุด และที่สำคัญลูกค้าชาวต่างชาติ เมื่อโครงการแล้วเสร็จก็ยอมที่จะบินมาโอนกรรมสิทธิ์ด้วยตนเอง โดยที่ผ่านมาลูกค้าต่างชาติคิดเป็นสัดส่วน 25% ซึ่งหากปล่อยเช่าสามารถได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 1,000-1,300 บาท/ตารางเมตร/เดือน หรือ 3-5%ต่อปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของห้อง ขณะที่ราคาที่ดินโซนทองหล่อ มีการปรับขึ้นเฉลี่ย 7% ต่อปี”นายชวิน กล่าว

นางสาวธัญทิพ กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการดังกล่าวเปิดขายครั้งแรกราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 350,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการปรับราคาขึ้นมาแล้วหลายรอบ จนปัจจุบันราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 400,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งถือว่าเป็นโครงการที่ใหม่ที่สุดในย่านทองหล่อ และราคาขายก็ไม่ห่างจากคู่แข่งในย่านเดียวกันมากนัก ซึ่งทุกโครงการในระดับเดียวกันย่านทองหล่อที่ใกล้ปิดการขายจะมีราคาขายเฉลี่ยที่ประมาณ 400,000 บาท/ตารางเมตร เช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมาโครงการของบริษัทฯไม่มีนโยบายปรับลดราคาขายแต่อย่างใด เพราะมั่นใจในทำเลที่ตั้งโครงการ และทุกสิ่งที่มอบให้ลูกค้านั้นมีความคุ้มค่ามากกว่า เมื่อเทียบกับคู่แข่งในย่านเดียวกัน

“ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา นักลงทุนชาวต่างชาตินั้นได้รับผลกระทบจากวิกฤติดังกล่าวเช่นกัน แต่เมื่อโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ ลูกค้าหลายรายก็บินมาดูเพื่อซื้อโครงการ และบางส่วนก็บินมาโอนกรรมสิทธิ์ด้วยตนเอง ส่วนใหญ่จะเป็นชาวสวิตเซอร์แลนด์,ฝรั่งเศส,สหรัฐอเมริกา ขณะที่ลูกค้าชาวจีน และฮ่องกง จะมีเป็นส่วนน้อยในด้านการขายยังจับเทรนด์การตลาดรูปแบบใหม่ๆ โดยร่วมมือกับ Zipmex เข้ามาบริหารการลงทุนซื้อ-ขายอสังหาฯ ผ่านการใช้สกุลเงินคริปโตฯ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สังคมไร้เงินสดของคนรุ่นใหม่”นางสาวธัญทิพ กล่าวในที่สุด

 

 

โครงการ“เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ – THE STRAND THONGLOR” เป็นความร่วมมือระหว่างบริษัท 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด และบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ในปี 2561 เพื่อดำเนินการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับอัลตร้าลักชัวรี่ ตั้งอยู่บนปากซอยทองหล่อ (สุขุมวิท 55) บนพื้นที่ 1.2 ไร่ เป็นอาคารสูง 30 ชั้น ขนาดตั้งแต่ 50-200 กว่าตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้นที่ 17-100 กว่าล้านบาท จำนวน 188 ยูนิต มูลค่ามากกว่า 4,800 ล้านบาท

 

 

toppercool

CEO,Prop2morrow Blogger อสังหาฯ , นักการตลาดดิจิตัล สาย Content marketing