ซีอีโอคนใหม่ พฤกษาโฮลดิ้งฯ โชว์วิสัยทัศน์สร้างความแข็งแกร่ง–ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดอสังหาฯปี 65 ด้วย 4 กลยุทธ์หลัก พร้อมทุ่มงบ 3,500 ล้านบาท จับเทรนด์อนาคต หนุนการลงทุนสตาร์ทอัพในต่างประเทศ คาดเริ่มเดินหน้ามี.ค.นี้ รับธุรกิจแวร์เฮาส์–โลจิสติกส์ อยู่ในกลุ่มห่วงโซ่บริษัทฯไม่ปิดกั้นโอกาส แต่ยังไม่รีบดำเนินการ เปิดแผนผุด 31 โครงการใหม่ มูลค่าประมาณ 16,300 ล้านบาท เน้นตลาดแนวราบเจาะเรียลดีมานด์ กระจายทุกเซกเมนต์ ปิดการขายภายใน 2-3 ปี ตั้งเป้ากวาดยอดขายปีนี้ที่ 3,100 ล้านบาท และยอดโอน 33,000 ล้านบาท
นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง (มหาชน) หรือ PSH เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่เข้ามาดำรงตำแหน่งดังกล่าวเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2565 ตนก็พร้อมที่จะรุกแผนธุรกิจของกลุ่มพฤกษาฯอย่างต่อเนื่อง โดยแผนการดำเนินงานของ PSH ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้น จะเน้นการพัฒนาด้านกลยุทธ์การขายและการพัฒนาโครงการต่างๆที่เน้นการสร้างความแตกต่าง หรือการใช้กลยุทธ์ Unique Selling Point ที่จะสร้างความโดดเด่นและมีความได้เปรียบทางการแข่งขัน ซึ่งทำให้บริษัทสามารถแข่งขันกับผู้เล่นรายอื่นๆในตลาดได้ และทำให้สามารถรักษาความเป็นผู้นำในตลาดอสังหาฯได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทีมงานต้องรีบคิดและปรับเปลี่ยนให้ทันกับเทรนด์การตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปซึ่งประกอบไปด้วย 4 กลยุทธ์ หลัก คือ
1.ปรับ Portfolio มุ่งลดสินค้าคงค้าง และเพิ่มสัดส่วนกลุ่มลูกค้าเรียลดีมานด์บ้านระดับพรีเมียม ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และเป็นกลุ่มบ้านที่มีมาร์จิ้นที่ดี ทำให้บริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 30% ได้ต่อเนื่อง
2.เสริมแกร่งธุรกิจหลัก ด้วยการจัดสรรที่ดินในมือ 157 แปลง (มูลค่า 1,540 ล้านบาท) ซึ่งทยอยนำมาพัฒนาเป็นโครงการใหม่เพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจที่กลับมา รวมทั้งบริหารโครงการที่อยู่อาศัยระหว่างการพัฒนา 145 โครงการ และมียูนิตพร้อมอยู่ที่พร้อมแปลงเป็นรายได้ 2,300 ยูนิต
3.ความร่วมมือ (Synergy) ทั้งกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และโรงพยาบาลวิมุตในเครือเองที่จะเปิดให้บริการศูนย์ดูแลผู้ป่วยและผู้สูงวัยในโครงการ เพื่อเป็นการเสริมงานด้านบริการให้กับลูกค้า ซึ่งถือเป็นบริการใหม่ที่พฤกษาฯพัฒนาขึ้นมา เพื่อทำให้ลูกบ้านมีความสะดวกในเรื่องการดูแลสุขภาพควบคู่ไปด้วย และเป็นการสร้างโอกาสในการสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้กับบริษัทได้เพิ่มเติม
4.การสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านการนำนวัตกรรมมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล ตามหลัก ESG
และการลงทุนใน Corporate Venture Fund โดยวางงบประมาณในช่วง 3 ปีนี้ไว้ที่ประมาณ 3,500 ล้านบาท มองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ที่นอกเหนือจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตามเทรนด์โลกอนาคต ในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งการลงทุน การร่วมเป็นพันธมิตร (Partnership) และการทำ Outside-in Innovation โดยมุ่งเน้นใน 2 ด้านที่จะมาสนับสนุนธุรกิจหลัก ได้แก่
1.PropTech เช่น โซลูชั่นที่มุ่งส่งเสริมการสร้างประสบการณ์ที่ดีของลูกค้า การขายและการตลาดดิจิทัล Smart Home IOT Senior Living / Nursing Home เป็นต้น
2.Health Tech มุ่งเน้นแพลตฟอร์ม เกี่ยวกับบริการทางการแพทย์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานธุรกิจสุขภาพ (Healthcare Supply Chain) อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ เป็นต้น
ซึ่งทั้งหมดต้องคำนึงถึงการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (Sustainability) โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ได้ลงทุนในบริษัทชั้นนำด้านธุรกิจ Clinical Laboratories, Digital Heath และ Genomic Labs ที่สิงคโปร์ อีกทั้งยังมีการจัด Bootcamp เพื่อคัดเลือกทีม External Venture Building จากทีมที่สมัครเข้ามามากกว่า 100 ทีม และขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้เกี่ยวกับการลงทุนสตาร์ทอัพในต่างประเทศ คาดว่าจะเริ่มลงทุนในเดือนมีนาคม 2565 นี้ และทั้งหมดนี้จะเป็นการต่อห่วงโซ่ธุรกิจของพฤกษา โฮลดิ้งฯ ให้แข็งแกร่งขึ้นจากความร่วมมือกันระหว่างองค์กรและ Innovation Technology ของบริษัท Startup ได้เป็นอย่างดี
“โจทย์ที่ยากคือ การปรับองค์กร ทีมงานต้องรีบคิดและปรับเปลี่ยนให้ทันกับเทรนด์การตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป ,กลยุทธ์ที่เน้นเรื่องเฮลท์แคร์ประกอบกับการขายโครงการ ขณะเดียวกันก็ยังต่อสู้กับปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ เช่น การปรับขึ้นของค่าแรง ราคาวัสดุก่อสร้าง และอัตราดอกเบี้ย ซึ่งบริษัทฯพยายามบริหารจัดการให้มีความแม่นยำ และลดความฟุ่มเฟือยในกระบวนการทั้งหมด สำหรับธุรกิจแวร์เฮาส์ และโลจิสติกส์ นั้นถือเป็นห่วงโซ่ในการดำเนินธุรกิจของพฤกษาฯด้วย ซึ่งก็ไม่ปิดโอกาส แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะสามารถดำเนินการหรือไม่ ส่วนการลงทุนในต่างประเทศนั้น ขณะนี้ยังไม่มีนโยบายแต่อย่างใด คงเน้นการลงทุนในประเทศเป็นหลัก เพื่อนสนับสนุนสตาร์ทอัพไทยมากกว่า ” นายอุเทน กล่าว
ทั้งนี้พฤกษา โฮลดิ้งฯมีความแข็งแกร่งในด้านการเงิน ปัจจุบันมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานกว่า 1,190 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุน ( Net Gearing) อยู่ที่ 0.36x ได้รับอันดับเครดิตองค์กร หรือ ทริสเรทติ้งที่ระดับ A ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต Stable หรือ คงที่ และด้วยผลประกอบการในปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ มีมติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.96 บาท โดยจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.31 บาท จึงคงเหลือจ่ายเงินปันผลในรอบนี้ในอัตราหุ้นละ 0.65 บาท โดยจะนำเสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในเดือนเมษายน 2565

ด้านนายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS กล่าวถึงแผนการเปิดโครงการใหม่ปี 2565 พฤกษาฯยังเน้นตลาดแนวราบเป็นหลัก โดยใช้ Business Model ใหม่ที่เน้นตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าและเลือกเปิดโครงการที่มีศักยภาพสูง โดยรุกกลุ่มเรียลดีมานด์เซกเมนต์รายได้ระดับกลางถึงสูงมากขึ้น ซึ่งวางแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น 31 โครงการ มูลค่าประมาณ 16,300 ล้านบาท ประกอบด้วย ทาวน์เฮาส์ 22 โครงการ บ้านเดี่ยว 6 โครงการ และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ ซึ่งมูลค่าโครงการที่พัฒนาในปีนี้จะมีมูลค่าที่ลดลง เนื่องจากมีการกระจายไปในทุกเซกเมนต์ โดยเฉพาะโครงการแนวราบ จะใช้พื้นที่ในการพัฒนาที่น้อยละ ประมาณ 20-30 ไร่ สามารถปิดการขายภายในระยะเวลา 2-3 ปี
โดยการเปิดโครงการแนวราบในปีนี้จะเน้นไปที่กลุ่มระดับบนมากขึ้น โดยที่ทาวน์เฮาส์ที่จะมาเปิดแบรนด์ PATIO ระดับราคา 4-5 ล้านบาทขึ้นไป มากขึ้น ซึ่งจะเข้ามาตอบโจทย์ของกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ที่เริ่มมีรายได้ในระดับที่สูง ซึ่งมีความต้องการทาวน์เฮาส์ที่เดินทางสะดวกและสามารถนำมาทำเป็นโฮมออฟฟิศได้ และบ้านเดี่ยวจะเปิดแบรนด์ The Palm ระดับราคา 10 ล้านบาท มากขึ้น ซึ่งตลาดบ้านเดี่ยวระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ถือว่ายังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงยังมีการซื้อบ้านเดี่ยวต่อเนื่อง ส่วนคอนโดมิเนียมในปีนี้ 3 โครงการ จะอยู่ในระดับราคา 2-4 ล้านบาท ที่ลูกค้าเข้าถึงได้ง่าย และเป็นการพัฒนาโครงการที่เป็นการขยายเฟสต่อเนื่องโครงการเดิมที่ขายใกล้หมดแล้วจำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ Plum รามอินทรา เฟส 2 ,โครงการ Privacy เตาปูน-อินเตอร์เชนจ์ เฟส 2 และอีก 1 โครงการ บนทำเลที่บริษัทมีที่ดินอยู่แล้วและเลื่อนการเปิดมาในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา คือ โครงการ Plum บางพลัด
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯในปี 2564 สามารถสร้างยอดขายอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นในทุกประเภทที่อยู่อาศัยทั้ง ทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว และคอนโดมิเนียม จากการปรับบิซิเนสโมเดลใหม่ ใช้กลยุทธ์ยึดความต้องการลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยสามารถทำยอดขายได้ 2,540 ล้านบาท เติบโต 16% ซึ่งกลุ่มบ้านเดี่ยวเติบโตสูงถึง 23% เมื่อเทียบกับปี 2563 และทำรายได้ 2,800 ล้านบาท เปิดโครงการใหม่ตามแผนทั้งสิ้นรวม 31 โครงการ มูลค่า 2,110 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามในปี 2565 นี้ บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 3,100 ล้านบาท (เติบโต 23%) และยอดโอน 33,000 ล้านบาท (เติบโต 18%) โดยจะมีคอนโดมิเนียมอีก 7 โครงการ ที่จะส่งมอบในปีนี้มูลค่า 2,900 ล้านบาท เพื่อรองรับเป็นรายได้ในปีนี้ และในช่วง 8 ไตรมาสที่ผ่านมา ด้วยกลยุทธ์ราคาและโปรโมชั่น ทำให้สามารถลดสินค้าคงค้างไปได้ จาก 2,330 ล้านบาท เหลือเพียง 7,500 ล้านบาท ส่วนมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ของบริษัทในปัจจุบันมีอยู่ 20,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยโอนเข้ามาในปีนี้ 14,000 ล้านบาท แบ่งเป็น Backlog จากโครงการแนวราบ 3,000 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 11,000 ล้านบาท และงบซื้อที่ดินของบริษัทในปีนี้ตั้งไว้ที่ 3,000-5,000 ล้านบาท
โดยในไตรมาสแรกของปีนี้นี้ บริษัทฯยังคงจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่อเนื่องด้วย แคมเปญ “มั่งมีศรีสุข” มอบอั่งเปาและข้อเสนอพิเศษ อาทิ อยู่ฟรี สูงสุดนาน 24 เดือน สิทธิส่วนกลางฟรี สูงสุดนาน 36 เดือน หรือ ฟรีทุกค่าใช้จ่ายวันโอน รวมมูลค่าสูงสุด 4 ล้านบาท สำหรับแคมเปญนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันนี้ – 31 มีนาคม 2565
นายแพทย์กฤตวิทย์ เลิศอุตสาหกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลวิมุต โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่โรงพยาบาลวิมุต เปิดให้บริการตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2564 มีความพร้อมในการให้บริการในทุกศูนย์สุขภาพ มีทีมแพทย์เฉพาะทางที่ชำนาญการ เปิดบริการเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางระดับตติยภูมิ นอกจากนี้ ยังเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ในปีนี้วิมุตมุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรม ด้าน Digital Healthtech เช่น Application, Telemedicine และการบริการที่ตอบรับการดูแลผู้ป่วยกลุ่ม NCDs เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และเทรนด์การใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ ล่าสุดได้ออกโปรแกรม Total Senior Solution เพื่อดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นบริการดูแลผู้สูงอายุถึงบ้าน โดยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว การร่วมกับพฤกษาปรับฟังก์ชั่นบ้านให้เหมาะกับผู้สูงวัย การออกแบบให้มีทางลาดสำหรับรถเข็น การติดตั้งราวจับภายในบ้าน ที่นั่งอาบน้ำ พื้นกันกระแทก โดยเริ่มทำแล้วในโครงการของพฤกษาฯ สำหรับความคืบหน้าโครงการ ViMUT Health Center ซึ่งเป็นโรงพยาบาลขนาด 50 เตียง ได้เริ่มดำเนินการแห่งแรกแล้ว ที่โครงการพฤกษา อเวนิว บางนา-วงแหวน จะเปิดให้บริการในเดือนสิงหาคม 2565 นอกจากนี้ ยังมีแผนที่พัฒนาศูนย์ดูแลผู้สูงอายุในโครงการคอนโดมิเนียมของพฤกษาทำเลในเมืองที่มีศักยภาพในอนาคตอีกด้วย
“รายได้ของธุรกิจเฮลท์แคร์ของบริษัทในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 700 ล้านบาท โดยรายได้ยังคงมาจากการให้บริการของโรงพยาบาลวิมุตที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่เดือนพ.ค. 64 โดยที่รายได้จากการให้บริการของโรงพยาบาลวิมุติยอมมรับว่ายังมีผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 อยู่บ้างในช่วงต้นปีที่ผ่านมา จากการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ยังมีต่อเนื่อง โดยที่ทางโรงพยาบาลวิมุติได้เป็นศูนย์ฉีดวัคซีนที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ซึ่งสามารถสร้างรายได้เข้ามาให้กับโรงพยาบาลได้ในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19” นายแพทย์กฤตวิทย์ กล่าวในที่สุด