เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮมกางแผนเปิด 25 โปรเจ็กต์ใหม่กว่า 2.95 หมื่นล้าน

You are currently viewing เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮมกางแผนเปิด 25 โปรเจ็กต์ใหม่กว่า 2.95 หมื่นล้าน

เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้  โฮม (ประเทศไทย) เดินเกมรุกตลาดแนวราบ เปิดโครงการใหม่ 25 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 29,500 ล้านบาท พร้อมปรับพอร์ตใหม่ลุยตลาดบ้านเดี่ยวเต็มสูบ ส่งแบรนด์“แกรนดิโอ” ลุยตลาดกรุงเทพ-ปริมณฑล และต่างจังหวัด ปี 2566 เตรียมขยายพอร์ตเจาะตลาดคอนโดฯโลว์ไรส์ตารางเมตรละ 1 แสนรองรับกลุ่มลูกค้า Gen X และGen Y ที่มีรายได้ประจำเฉลี่ย 4 หมื่นบาทต่อเดือน

นายแสนผิน สุขี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงแผนธุรกิจในปี 2565ว่า  บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 25,000 ล้านบาท และรายได้ 13,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากปี 2564 ที่มีรายได้ 11,500 ล้านบาท โดยมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย 62 โครงการ มูลค่า 67,000 ล้านบาท และโครงการเปิดใหม่ 25 โครงการ มูลค่า 29,500 ล้านบาท ประกอบด้วยทาวน์โฮม 10 โครงการ,บ้านแฝดจำนวน 2โครงการ,บ้านเดี่ยว 10 โครงการ และโครงการต่างจังหวัด 3 โครงการ ในจำนวนนี้เป็นโครงการใหม่ที่เลื่อนเปิดตัวมาจากปี 2564 มากถึง 10 โครงการ

ทั้งนี้บริษัทได้วาง 4 กลยุทธ์หลักเพื่อให้เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮมเดินหน้าไปตามเป้าหมายที่วางไว้และเติบโตแบบยั่งยืน ประกอบด้วย Land Bank Development ที่มีความได้เปรียบในเรื่องการนำที่ดินเดิมที่ซื้อไว้แล้วมาพัฒนา เพื่อลดความเสี่ยงในเรื่องของมูลค่าของที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี โดยโครงการใหม่ทั้ง 25 โครงการที่เปิดตัวในปีนี้เป็นการพัฒนาบนที่ดินแปลงเดิมถึง 80% ส่วนอีก 20% เป็นการซื้อที่ดินแปลงใหม่มาพัฒนา

การกระจายพอร์ตสินค้า Portfolio Diversification ด้วยการเพิ่มแบรนด์สินค้าให้หลากหลาย และปรับสัดส่วนของผลิตภัณฑ์เพื่อกระจายรายได้ โดยเฉพาะพอร์ตบ้านเดี่ยวและ City Home จะมีการพัฒนาแบบบ้านเดี่ยวรุ่นใหม่ให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ามากขึ้น ทั้งแบรนด์แกรนดิโอและแบรนด์เดอะ แกรนด์ ส่วนปีนี้จะเพิ่มสินค้าระดับ Super Luxury อย่างแบรนด์ The Royal Residence เข้ามาเพิ่มด้วย

โดยปีนี้จะเปิดตัวบ้านเดี่ยวทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด 13 โครงการ แบ่งเป็นบ้านเดี่ยวแบรนด์แกรนดิโอ (Grandio) ระดับราคาเฉลี่ย 8-20 ล้านบาทประมาณ 11 โครงการ ส่วนบ้านเดี่ยวในเมืองหรือ City Home มี  1 โครงการ คือ โครงการเดอะ แกรนด์ วิภาวดี 60 ระดับราคา 18-35 ล้านบาท และบ้านเดี่ยวระดับ Super Luxury ราคา 60-120 ล้านบาท แบรนด์ The Royal Residence อีก 1 โครงการตั้งงอยู่ในย่านเกษตร-นวมินทร์

ส่วนการเปิดตัวโครงการใหม่ในต่างจังหวัดปีนี้จะมี 3 โครงการมีทั้งการบุกตลาดใหม่ในจังหวัดที่มีศักยภาพ และรักษากลุ่มลูกค้าฐานจังหวัดเดิม โดยเปิดโครงการใหม่เพื่อทดแทนโครงการเดิมที่ใกล้จะหมด ประกอบด้วยจังหวัดอุดรธานี ขอนแก่น และระยอง สินค้าหลักจะเป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด

และในอนาคตบริษัทวางแผนจะเปิดตัวสินค้าคอนโดมิเนียมเข้ามาเสริมพอร์ตด้วย โดยเน้นคอนโดฯโลว์ไรส์ที่ตั้งอยู่ในซอย แต่อยู่ในแนวเส้นทางรถไฟฟ้า อาทิ ย่านรัชดาภิเษก พหลโยธิน เพื่อรองรับกลุ่มเรียลดีมานด์วัยทำงานที่มีรายได้เฉลี่ย 4 หมื่นบาทต่อเดือน เบื้องต้นวางแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ 1 โครงการในช่วงปี 2566 เนื่องจากต้องผ่านการอนุมัติรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมก่อนถึงจะเปิดขาย ขนาดฟังก์ชั่นห้องเริ่มต้นประมาณ 24-25 ตารางเมตร ราคาขายตารางเมตรละ 1 แสนกว่าบาท

 “บริษัทวางแผนจะเพิ่มสินค้าคอนโดฯเข้ามาในพอร์ตลงทุนประมาณ 20%ในช่วงปี 2568 โดยปีนี้วางแผนจะซื้อที่ดินแปลงใหม่ 1 แปลงสำหรับเปิดตัวโครงการแรกในปี 2568 และปีหน้าจะซื้อเพิ่มอีก 2 แปลง ปี 2566 จำนวน 5 แปลง และปี 2568 อีก 7 แปลง”  

 นอกจากนี้บริษัทยังให้ความสำคัญกับ Quality ทั้งการพัฒนาและรักษามาตรฐานการก่อสร้างในทุกโครงการทั้งตัวบ้านและสาธารณูปโภค โดยมีทีมงาน Quality Development ของบริษัทเป็นผู้ดูแล รวมทั้งการนำเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาใช้ โดยเฉพาะการพัฒนาแอปพลิเคชั่น HOME+ (โฮมพลัส) ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเรื่องดูแลบ้านตลอด 24 ชั่วโมง

รวมทั้งมีการจัดเตรียมระบบ EV Charger สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าให้ในทุกหลัง ติดตั้งระบบ FRASERS Clean and Cool Air ซึ่งเป็นเทคโนโลยีอากาศสะอาด และประหยัดไฟจากประเทศญี่ปุ่น ประกอบด้วย Filter กรองจับสิ่งแปลกปลอมและฝุ่นละอองขนาดเล็ก,PM2.5 และอากาศเสียภายในบ้าน ระบบกันขโมยแบบเดินสายที่ควบคุมผ่าน Application ติดตั้สระว่ายน้ำส่วนตัวในบ้านเดี่ยวระดับราคา 8-10 ล้านบาที่มาพร้อมกับระบบคลื่นว่ายน้ำทวนกระแส