CPN กางแผน 5 ปี ทุ่มงบ 1.2 แสนล้านบาท รุก 4 ธุรกิจ ภายใต้ 3 กลยุทธ์หลัก

  • Post author:
You are currently viewing CPN กางแผน 5 ปี ทุ่มงบ 1.2 แสนล้านบาท รุก 4 ธุรกิจ ภายใต้ 3 กลยุทธ์หลัก
เซ็นทรัลพัฒนาฯ ประกาศแผน 5 ปี (2565-2569) อัดงบลงทุน 120,000 ล้านบาท  เดินหน้าสร้าง Better Futures ภายใต้ 3 กลยุทธ์สำคัญ ใน 4 ธุรกิจหลัก  ศูนย์การค้า,ที่พักอาศัย,อาคารสำนักงานและโรงแรม ระบุมากกว่า 50%ของโครงการทั้งหมดจะเป็นรูปแบบมิกซ์ยูสที่มีมากกว่า 1 ธุรกิจ ตั้งเป้ารายได้ 5 ปี โตไม่ต่ำกว่า 10% ส่วนปี65 คาดเติบโตในตัวเลข 2 หลัก
นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN เปิดเผยว่า ได้ประกาศ Brand Commitment for Better Futures เพื่อมุ่งมั่นสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตและอนาคตที่ดีให้กับผู้คน สังคม และโลกของเรา ตอกย้ำการเป็นบริษัทยั่งยืนในระดับโลก พร้อมเผย Brand Identity ใหม่ทั้ง Corporate และศูนย์การค้าทั่วประเทศ สะท้อนอัตลักษณ์ความภูมิใจท้องถิ่น และแตกต่างโมเดิร์นได้แนวคิดจากเอเจนซี่ด้านดีไซน์ระดับโลก ภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่ เซ็นทรัลพัฒนาฯเดินหน้าสร้าง Better Futures ด้วย 3 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่

 

กลยุทธ์ที่ 1: SYNERGY for new solutions ผนึกกำลังทุกฝ่าย สร้างแพลตฟอร์มยกระดับการใช้ชีวิตและธุรกิจอย่างครบวงจร

1.1.Synergy within Retail-Led Mixed-Use Development: ผนึกกำลังทุกองค์ประกอบที่แข็งแกร่งของเซ็นทรัลพัฒนา มอบประสบการณ์ที่ Seamless โดยให้ศูนย์การค้าเป็นธุรกิจหลัก (Retail-Led Mixed-use development) ทั้งศูนย์การค้า, ที่อยู่อาศัย, อาคารสำนักงาน และโรงแรม โดยในอีก 5 ปี (2565-2569) บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 120,000 ล้านบาท  จะมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ อยู่ในมากกว่า 30 จังหวัด ซึ่งจะทำให้จำนวนโครงการทั้งหมด (รวมปัจจุบันและอนาคต) ได้แก่ ศูนย์การค้า 50 แห่ง ทั้งในและต่างประเทศ และคอมมูนิตี้มอลล์ 16 แห่ง (อยู่ระหว่างการศึกษาการขยาย), โครงการที่พักอาศัย 68 แห่ง ,อาคารสำนักงาน 13 แห่ง และโรงแรม 37 แห่ง โดยมากกว่า 50%ของโครงการทั้งหมดจะเป็นรูปแบบมิกซ์ยูสที่มีมากกว่า 1 ธุรกิจ และมีศูนย์การค้าเป็นหัวใจสำคัญ โดยเร่งขยายการเติบโตของทุกๆ ธุรกิจพร้อมกันไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทั้งหมดจะเชื่อมโยงยกระดับการใช้ชีวิตทุกรูปแบบทั้ง shop-work-stay-play-live ด้วยโครงการรีเทลที่เติมเต็มทุกฟอร์แมตและเทรนด์ใหม่ๆ, โครงการที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพและเชื่อมโยงสิทธิประโยชน์ในเครือเพื่อลูกบ้านเซ็นทรัล พร้อมเชื่อมต่อออฟฟิศให้เป็นสถานที่ที่ทำงานที่ดีที่สุดเพราะใกล้ศูนย์การค้าและโรงแรม รวมถึงปั้นโรงแรมแบรนด์น้องใหม่ เพื่อยกระดับทำให้ทุกเมืองเป็นเมืองท่องเที่ยว

“สัดส่วนของเงินลงทุนส่วนใหญ่กว่า 70% จะใช้ไนการลงทุนศูนย์การค้าเป็นหลัก ซึ่งยังคงเป็นธุรกิจหลักของ CPN โดยแหล่งเงินทุนของบริษัทจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัท เงินกู้ยืมสถาบันการเงิน และการออกหุ้นกู้ ซึ่งบริษัทยังคงมีการออกหุ้นกู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการลงทุนใหม่ๆ โดยที่การออกหุ้นกู้วางแผนออกวงเงินเฉลี่ย 5,000-10,000 ล้านบาท/ปี ซึ่งเป็นหุ้นกู้ชุดใหม่และหุ้นกู้ที่ออกมาทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมที่ครบกำหนดอายุ” นางสาววัลยา กล่าว

โดยโครงการที่พักอาศัยนั้นในปีนี้จะมีการเปิดตัวใหม่อีก 5 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวมเกือบ 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ ที่จ.เชียงใหม่ 1 โครงการ ระดับราคา 4-12 ล้านบาท และอีก 4 โครงการจะเป็นคอนโดมิเนียม ระดับราคา 1.6-2 ล้านบาท ที่จ.ตรัง,สุราษฎร์ธานี,ฉะเชิงเทรา และสุพรรณบุรี ซึ่งจะเป็นการพัฒนาในพื้นที่ของห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ภายใต้แบรนด์ “เอสเซ็นท์”

ขณะเดียวกันในปี 2565 บริษัทอยู่ระหว่างการนำศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา อุบลราชธานี และเซ็นทรัล พลาซา สุราษฎร์ธานี เสนอขายเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNREIT) ซึ่งเป็นการนำโครงการทั้ง 2 แห่ง กลับมาพิจารณาขายเข้ากองรีทอีกครั้ง แต่อยู่ระหว่างการประเมินของสถานการณ์ต่างๆให้มีความเหมาะสม หลังจากปัจจุบันสถานการ์ณของการแพร่ระบาดโควิด-19 ยังมีความไม่แน่นอน ทำให้บริษัทต้องมีการประเมินโอกาสในการขายอย่างรอบคอบ และนำ 2 โครงการกลับมาขายต้องมีการนำมาประเมินมูลค่าใหม่อีกครั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับมูลค่าในปัจจุบัน ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

นอกจากนี้ ยังได้ตั้งทีม Business & Digital Transformation ลงทุน 450 ล้านบาทในปี 2565  เพื่อทรานฟอร์มสู่การเป็น Omnichannel Platform ซึ่งมากกว่ากาiเชื่อม offline และ online แต่ยังเชื่อมโยงทุกธุรกิจใน ecosystem เข้าด้วยกัน และเชื่อมโยงธุรกิจที่อยู่กับเราไปยังลูกค้าด้วยเป็น B2B2C สร้างประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้าในอนาคต

1.2 Synergy with business partners: มุ่งมั่นสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับธุรกิจของคู่ค้า พร้อมจัดตั้งทีม Partner Champions ที่จะเป็น Business Consultant ในการเป็น End-to-End Solutions ให้กับคู่ค้าอย่างครบวงจร ได้แก่ การช่วยเหลือการเติบโตและขยายสาขาด้วยโมเดล Co-investment, Funding, และ Franchise การช่วยเหลือด้าน Business Operation ต่างๆ,การใช้ Big Data จาก The 1 และ The 1 Biz, และ Retail Omnichannel เพื่อส่งเสริมและผลักดันธุรกิจของคู่ค้า, รวมไปถึงการจัดการ Transaction และบริการต่างๆ ที่จะช่วยพันธมิตรทุกราย

1.3 Synergy with communities: ทุกโครงการของเซ็นทรัลพัฒนามีส่วนสะท้อนอัตลักษณ์ Local Essence ของชุมชน ทั้งได้ด้าน Art & Culture รวมไปถึง Local Wealth การสร้างและกระจายรายได้ให้กับชุมชน นอกจากนี้ยังเป็นแพลตฟอร์มยกระดับ SMEs และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในแบบ Cross-Region ให้ผู้ประกอบการ, เกษตรกร และอาชีพต่างๆ ได้เข้าถึงพื้นที่การขายและลูกค้า โดยรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 40,000 ตารางเมตรหรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 300 ล้านบาทต่อปี

กลยุทธ์ที่ 2: PIONEER for better lives สร้างมาตรฐานใหม่ของพื้นที่แห่งการใช้ชีวิตที่ดีในอนาคต ต่อไปนี้ภายในทุกโครงการใหม่ของเซ็นทรัลพัฒนาจะมีการบริหารจัดการที่ใส่ใจหัวใจสำคัญ 2 ด้านเพื่อการใช้ชีวิตของทุกคนอย่างยั่งยืน ได้แก่

Green & Energy ด้วย Green Building Standard มาตรฐานอาคารเขียวระดับสากล, ติดตั้งเซลล์ผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ในทุกโครงการ, พัฒนาอาคารอัจฉริยะหรือ Building Automation, การเพิ่มจุด EV Charging และ Recycle Station สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดและแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน เป็นต้น

-Health & Wellness พื้นที่ที่มีส่วนช่วยยกระดับการใช้ชีวิตของผู้คน ด้วยการตอกย้ำแผนแม่บทและมาตรการด้านความสะอาดและความปลอดภัย, การเพิ่มพื้นที่สีเขียวทั้ง indoor-outdoor, การออกแบบที่ตอบสนองคนทุกกลุ่ม (Inclusive Design) ให้เป็นพื้นที่ที่ทุกคนมาใช้ได้จริง รวมถึงพื้นที่เพื่อชุมชน เช่น ลานออกกำลังกาย, สนามเด็กเล่น,ศูนย์การเรียนรู้, ศูนย์ฉีดวัคซีน, พื้นที่รับบริจาคโลหิต, พื้นที่เพื่อ well-being สำหรับชุมชน เป็นต้น

กลยุทธ์ที่ 3: OPPORTUNITIES with Purpose ขับเคลื่อนสังคมและธุรกิจ เปิดโอกาสให้ทุกคน เป็นองค์กรแห่งการสร้าง “โอกาส” พัฒนาคน พัฒนาเมือง พัฒนาประเทศ และยกระดับวงการอสังหาฯ และรีเทลของไทย เทียบเท่าระดับโลก เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่าร่วมกัน 

-ให้คนได้มาเรียนรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ จับคู่ทางธุรกิจ และขยายไปทั้งในและต่างประเทศ ผ่านโครงการ Central Pattana Lead และ Retail Academy

-สร้าง Local Wealth ให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่ ขยายความเจริญจากส่วนกลางสู่ท้องถิ่น และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในจังหวัด

-ให้คนรุ่นใหม่ได้เข้ามาร่วมงานกับเซ็นทรัลพัฒนา ผ่านโปรแกรมให้ได้ทดลองไอเดียใหม่ๆ เช่น Retail Hackathon ซึ่งนำไปต่อยอดจริง

-ให้โอกาสอย่างทั่วถึงกับกลุ่มคนที่หลากหลาย LGBTQ+ ข้อจำกัดทางร่างกาย บุคคลพิเศษ และมีความเป็น Global Citizen ให้ความสำคัญกับ Global Values อาทิ Human Rights, Equality, Diversity เป็นต้น

ทั้งนี้ภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่ บริษัทฯจึงมุ่งมั่นที่จะทำตาม Brand Commitment สำคัญคือการเดินหน้าสร้าง Sustainable Ecosystem ที่แข็งแกร่งและยั่งยืน เพื่อผู้คนและโลก ยืนหยัด สร้างพื้นที่ที่มีคุณภาพ ส่งเสริมการใช้ชีวิตในทุกมิติ สร้างสรรค์สิ่งที่ที่ดีเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนสำหรับคนไทยและประเทศไทย โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจน ได้แก่

ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนและชุมชนทั่วประเทศ: โดยปัจจุบัน เซ็นทรัลพัฒนามีส่วนช่วยสร้างเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจเทียบเท่าประมาณ 1% ของ GDP ของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง และในอีก 5 ปีข้างหน้า จะยังคงเติบโตเช่นนี้ และทำให้เกิดการจ้างงานไม่ต่ำกว่า 150,000 ตำแหน่ง ที่อยู่ใน sustainable ecosystem ของเซ็นทรัลพัฒนา

ตั้งเป้าเป็นองค์กร Mixed-use Developer รายแรกสู่ Net Zero ภายในปี 2050(พ.ศ.2593) ด้วยแผนระยะยาวตั้งเป็น Net Zero Carbon Emission ให้ได้ผ่านการลดการใช้พลังงานให้ได้ 50% ลดการใช้ CFC และสารที่ทำลายชั้นบรรยากาศ และส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดหรือ Clean Energy ให้ได้อีก 50% นอกจากนี้ยังตั้งเป้าปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวทั้งภายในและภายนอกโครงการให้ได้ถึง 1 ล้านต้นโดยเร็วอีกด้วย

“บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้เฉลี่ยในช่วง 5 ปี (ปี 2565-2569) เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ต่อปี โดยที่การเติบโตของรายได้มาจากการที่บริษัทมีการเปิดให้บริการศูนย์การค้าต่างๆตามแผนของบริษัทที่วางแผนไว้ โดยที่จะมีการเพิ่มศูนย์การค้าใหม่ในช่วง 5 ปีนี้ อีก 14 แห่ง ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้ CPN มีศูนย์การค้าในเครือในสิ้นปี 2569 เป็น 50 แห่ง จากปัจจุบันมีอยู่ 36 แห่ง โดยที่ธุรกิจศูนย์การค้ายังคงเป็นแกนหลักให้กับภาพรวมผลกานดำเนินงานของ CPN แม้ว่าสัดส่วนรายได้อาจจะมีการปรับลดลงมาจาก 80% มาอยู่ที่ 70% ก็ตาม จากการที่ธุรกิจอื่นๆมีการขยายการลงทุนต่อเนื่อง”นางสาววัลภา กล่าว

สำหรับแนวโน้มรายได้ในปี 2565 บริษัทคาดว่าจะเห็นการเติบโตขึ้นในระดับตัวเลข 2 หลัก ซึ่งคาดว่าจะเห็นการเติบโตอย่างโดดเด่นในปีนี้ จากที่ปีก่อนมีฐานรายได้ที่ค่อนข้างต่ำ แม้ว่าจะยังมีการแพร่ระบาดโควิด-19 ต่อเนื่อง แต่ในช่วงตั้งแต่ต้นปี 2565 ที่ผ่านมาเริ่มมีสัญญาณที่ดีจากการที่ผู้บริโภคกลับเข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้าเพิ่มขึ้น และบริษัทได้มีการทยอยเปิดพื้นที่เช่าในโซนอิเซตันเดิม ของเซ็นทรัลเวิลด์ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทำให้สามารถมีการใช้พี้นที่ในเซ็นทรัลเวิลด์มากขึ้น และมีรายได้เข้ามาเสริม

ขณะที่ในช่วงปลายเดือนมกราคม 2565 ที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดให้บริการเซ็นทรัลวิลเลจ เฟส 2 ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นเข้ามา อีกทั้งในช่วงเดือนพฤษภาคม 2565 จะมีการเปิดศูนย์การค้าเซ็นทรัล จันบุรี ซึ่งจะทำให้บริษัทมีพี้นที่เช่าในศูนย์การค้าเพิ่มขึ้นเข้ามาสนับสนุนการเติบโตของรายได้ในปีนี้

 

toppercool

CEO,Prop2morrow Blogger อสังหาฯ , นักการตลาดดิจิตัล สาย Content marketing