กลุ่มมหากิจศิริ เผยหลังร่วมทุนกับ 2 พันธมิตรยักษ์ใหญ่อสังหาฯจากญี่ปุ่น นำที่ดินติดสถานทูตสิงคโปร์กว่า 3 ไร่ ผุดโครงการ “125 สาทร” มูลค่าโครงการ 8,000 ล้านบาท สร้างความมั่นใจลูกค้ากลุ่มลักชัวรี่ EIA ผ่านฉลุย พร้อมเปิดให้ชมห้องตัวอย่าง 17 พ.ค.65 นี้

นายภัทร์กร วงศ์สวรรค์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด(มหาชน) หรือ TTA เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ได้ร่วมทุน โดย TTA ถือหุ้นสัดส่วน 60% กับ บริษัท คันเดน เรียลตี้ แอนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (KRD)ถือหุ้นสัดส่วน 30% และบริษัท โทเร คอนสตรัคชั่น จำกัด (TCC) ถือหุ้นสัดส่วน 10% ซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้างและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่จากเมืองโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในระยะยาว ด้วยการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน บริษัท พีเอ็มที พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(PMT) โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะลงทุนร่วมกันในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรีในประเทศไทย ด้วยการเริ่มจากโครงการ “125 สาทร”
โดยโครงการดังกล่าว ตั้งอยู่ติดสถานทูตสิงคโปร์ บนพื้นที่ทั้งหมด 3.1 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินที่เหลือจากการที่กลุ่ม Pepple Bay จากประเทศสิงคโปร์ ที่ประสบความสำเร็จจากการพัฒนาโครงการ “เดอะ เม็ท” (The Met) และได้ปล่อยที่ดินแปลงดังกล่าวให้รกร้างไว้ จนเมื่อประมาณ 5-6 ปีที่ผ่านมา กลุ่ม “นายประยุทธ มหากิจศิริ” ได้เข้ามาซื้อที่ดินแปลงดังกล่าว เพื่อพัฒนาโครงการดังกล่าวข้างต้น
และในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้พลิกวิกฤติเป็นโอกาส ที่ผู้ประกอบการคอนโดฯต่างชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ และหันเน้นการระบายสต๊อกเก่ามากกว่า บริษัทจึงได้จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) ยื่นต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ปรากฏว่าสามารถผ่านภายในระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งก็คือเมื่อปลายปี 2564
โครงการ “125 สาทร” พัฒนาในรูปแบบของคอนโดฯ สูง 36 ชั้น จำนวน 2 อาคาร ขนาดตั้งแต่ 28.5-330 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 5.9 ล้านบาทขึ้นไป โดยห้องเพ้นท์เฮาส์ยังไม่สามารถเปิดเผยราคาได้ คาดว่าจะสรุปได้ประมาณไตรมาส 3/2565 มีจำนวนทั้งหมด 755 ยูนิต มูลค่าโครงการ 8,000 ล้านบาท โดยพร้อมจะเปิดให้ชมห้องตัวอย่างในวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 นี้
โดยกลุ่มเป้าหมายจะเน้นคนไทยระดับลักชัวรีเป็นหลัก ส่วนลูกค้าต่างชาติจะให้เอเยนต์เป็นหลัก ซึ่งจะเน้นกลุ่มประเทศแถบยุโรป จีน ฮ่องกง สิงคโปร และญี่ปุ่น ซึ่งพันธมิตรทั้ง 2 รายที่ร่วมทุนก็จะช่วยการในทำตลาดด้วย
“ปัจจุบันทำเลย่านสาทรมีโครงการคอนโดฯทั้งหมด 20 โครงการ รวมประมาณ 6,073 ยูนิต แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ จำนวน 15 โครงการ จำนวน 4,365 ยูนิต ส่วนที่กำลังจะแล้วเสร็จอีก 5 โครงการ จำนวน 1,708 ยูนิต และที่ตั้งอยู่บนถนนหลักสาทร จำนวน 8 โครงการ จำนวน 3,485 ยูนิต ซึ่งรวมไปถึงโครงการ 125 สาทร ด้วย โดยราคาขายจะอยู่ที่ประมาณ 250,000 บาท/ตารางเมตร และมี Capital Gain ที่ 4-5% ขณะที่สามารถปล่อยเช่าได้ในราคา 800-1,100 บาท/ตารางเมตร/เดือน การันตีผลตอบแทนจากการลงทุน 4-5%” นายภัทร์กร กล่าว
นายภัทร์กร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับราคาที่ดินโดยเฉลี่ย 9 ทำเลหลัก ได้แก่ ย่านวิทยุ ราคาเฉลี่ย 3 ล้านบาท/ตารางวา, ย่านสยาม ราคาเฉลี่ย 2.9 ล้านบาท/ตารางวา,ย่านชิดลม ราคาเฉลี่ย ราคาเฉลี่ย 2.8 ล้านบาท/ตารางวา,ย่านสุขุมวิท-ทองหล่อ ราคาเฉลี่ย 2.6 ล้านบาท/ตารางวา,ย่านสุขุมวิท-อโศก ราคาเฉลี่ย 2.55 ล้านบาท/ตารางวา,ย่านสาทร ราคาเฉลี่ย 2.5 ล้านบาท/ตารางวา,ย่านสีลม ราคาเฉลี่ย 2 ล้านบาท/ตารางวา,ย่านสุขุมวิท ราคาเฉลี่ย 1.8 ล้านบาท/ตารางวา และย่านเยาวราช ราคาเฉลี่ย 1.7 ล้านบาท/ตารางวา