“ทอสเท็ม” ตั้งเป้าเพิ่มฐานลูกค้ารายย่อยเกาะเทรนด์ Intergeneration

You are currently viewing “ทอสเท็ม” ตั้งเป้าเพิ่มฐานลูกค้ารายย่อยเกาะเทรนด์ Intergeneration

“ทอสเท็ม ประเทศไทย” เจ้าของผลิตภัณฑ์ประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมแบรนด์ “ทอสเท็ม” จากประเทศญี่ปุ่น เดินหน้ารุกตลาดเมืองไทย หันเจาะกลุ่มลูกค้าเจ้าของบ้านที่ต้องการปรับปรุงบ้านใหม่รองรับการทำงานและอยู่อาศัยในบ้านมากขึ้น หลังเกิดการระบาดของดควิด-19 พร้อมตั้งเป้ายอดขายปีนี้โต 40%

นายวิชา วรสายัณห์ ลีดเดอร์ กลุ่มธุรกิจเฮ้าส์ซิ่งเทคโนโลยี บริษัท ลิกซิล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19  รายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทหรือประมาณ 70% มาจากตลาดอสังหาริมทรัพย์แบบโครงการหรืออสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ แต่หลังช่วงเกิดโควิด-19 รายได้จากตลาดลูกค้าที่อยู่อาศัยรายย่อยเริ่มมีมากขึ้น เพราะคนอาศัยอยู่ในบ้านมากขึ้น จึงเลือกหาอุปกรณ์ในบ้านเองเพื่อนำไปปรับปรุงบ้านให้อยู่อาศัยสะดวกสบายมากขึ้น

โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายในปี 2565 เพิ่มขึ้น 40% จากปี 2564 รวมทั้งต้องการเพิ่มยอดขายกลุ่มลูกค้ารายย่อยให้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีสัดส่วนประมาณ 30% ของยอดขายทั้งหมด ล่าสุดในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา สามารถทำยอดขายเติบโต 20% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคในเมืองไทยมีความต้องการผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับบ้านที่มีคุณภาพดี มีฟังก์ชันการทำงานครบครัน และดีไซน์สวยงามมากขึ้นตามไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป เพราะต้องทำงานและอยู่กับบ้านมากขึ้น ทำให้ต้องการพื้นที่โล่งโปร่งสบาย อากาศหมุนเวียนดี สามารถมองเห็นทัศนียภาพภายนอกได้เต็มตา ส่งผลให้ดีไซน์สินค้าแบบญี่ปุ่นซึ่งเน้นความเรียบง่ายแบบมินิมอล ให้ความสำคัญกับเรื่องพื้นที่ (Space) ที่เชื่อมโยงพื้นที่ภายในบ้านและบรรยากาศภายนอกบ้าน สามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยได้ดี

ขณะเดียวกันสังคมไทยมีคนหลายรุ่นอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน (Intergeneration) และกำลังก้าวสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุ ทำให้สนใจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การใช้งานของคนทุกวัย ซึ่งแบรนด์ “ทอสเท็ม” ได้ออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการเหล่านี้ได้อย่างลงตัว เช่น หน้าต่าง ATIS Series พร้อมนวัตกรรมมือจับชนิดก้านหมุน (Operator Handle) ที่เปลี่ยนให้มือจับใช้งานได้ง่ายทั้งสำหรับเด็กและผู้สูงอายุ

ล่าสุดได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ ATIS Series ประตูหน้าต่างอะลูมิเนียม พร้อมนวัตกรรมที่ซ่อนการทำงานของฟังก์ชันต่างๆ ภายใต้กรอบอะลูมิเนียมเพรียวบาง ทำให้ผู้อยู่อาศัยสามารถเชื่อมต่อพื้นที่ภายในบ้านกับธรรมชาติภายนอกได้โดยไม่มีสิ่งกีดขวาง เช่น หน้าต่าง ATIS Tilt &Slide แบบบานเลื่อนและบานยกไว้ด้วยกัน และมี Smart Insect Screen นวัตกรรมเกราะล่องหน ที่ช่วยป้องกันแมลงและมลพิษจากภายนอก อีกทั้งช่วยระบายอากาศได้ดีกว่ามุ้งลวดปกติ 20% และโปร่งแสงเพิ่มขึ้น 40% รวมถึง Grants Series ที่มีกรอบประตูสูงถึง 4.5 เมตร พร้อมพื้นที่ของกระจกมากขึ้นเพื่อเปิดมุมมองสู่ภายนอกแบบพาโนรามา

ทั้งนี้บริษัทจะเน้นทำการตลาดออนไลน์เชิงรุกมากขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า เช่น โชว์รูมแบบ Virtual ทำให้สามารถเลือกดูสินค้าทางออนไลน์ได้ รวมถึงเพจเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมเพื่อประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ด้วย และผนึกกำลังกับพันธมิตรทางธุรกิจขยายโชว์รูมในพื้นที่จริง โดยเน้นหัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยว เพื่อขยายตลาดลูกค้ากลุ่มที่อยู่อาศัย,รีสอร์ท และบริษัทรับสร้างบ้านในพื้นที่ให้เพิ่มขึ้น