KUN จ่อเปิดตัว“คุณาลัย นาวาร่า” มูลค่า 3.5 พันล้านบาท ส่งซิก 5 เดือน โกยยอดขาย 640 ล้านบาท โต 16 %

  • Post author:
You are currently viewing KUN จ่อเปิดตัว“คุณาลัย นาวาร่า” มูลค่า 3.5 พันล้านบาท ส่งซิก 5 เดือน โกยยอดขาย 640 ล้านบาท โต 16 %
วิลล่า คุณาลัยฯเผยภาพรวมตลาดอสังหาฯครึ่งปีหลัง 65 ฟื้นตัว ช่วยดันผลประกอบการโต 10-15% พร้อมจ่อเปิดตัวคุณาลัย นาวาร่ามูลค่าโครงการประมาณ 3,500 ล้านบาท เชื่อการแข่งขันกลับมาดุเดือด แต่ผู้บริโภคได้รับอานิสงส์เพิ่มทางเลือกสินค้าผ่านแคมเปญแรง และมาตรการรัฐช่วยเร่งการตัดสินใจซื้อเร็วขึ้น ระบุ 5 เดือนแรกกวาดยอดขาย 640 ล้านบาท โต16% (YOY) คิดเป็นกว่า 38 % ของเป้าหมายทั้งปีที่ 1,700 ล้านบาท
 
นางประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) หรือKUN เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 ว่า  แนวโน้มของตลาดอสังหาริมทรัพย์จะฟื้นตัวดีขึ้น ด้วยสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของโควิค-19 คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ประกอบกับการเปิดประเทศรวมถึงการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ที่เริ่มกลับมาเกือบสู่ภาวะปกติ จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้มั่นใจว่า ทิศทางในเชิงบวกจะสามารถทำผลักดันให้ยอดขายและรายได้ของ KUN เป็นไปตามเป้าหมายการเติบโตที่บริษัทฯตั้งไว้ ที่คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 10 -15 % จากปีก่อนที่มีรายได้รวมระดับ 1,000 ล้านบาท โดยในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯจะมีการเปิดตัวโครงการคุณาลัย นาวาร่า มูลค่าโครงการประมาณ 3,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่ตั้งในโซนทิศใต้ บริเวณถนนพระราม 2 มีรูปแบบโครงการเป็นบ้านเดี่ยว
การเปิดประเทศในช่วงครึ่งปีหลัง จะทำให้ภาคการท่องเที่ยวได้รับประโยชน์ ทั้งธุรกิจโรงแรม, ธุรกิจสายการบิน, ธุรกิจโรงพยาบาลที่รักษาชาวต่างชาติ, ธุรกิจร้านอาหาร ตลอดจนธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะทำให้แรงงานที่อยู่ในภาคการท่องเที่ยวมีรายได้มากขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นตามด้วย และจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวจะทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แนวสูง ประเภทอาคารชุดจะค่อยๆ กลับมาฟื้นตัว รวมถึงอสังหาริมทรัพย์แนวราบก็จะได้รับอานิสงค์จากการจ้างงานจากภาคการท่องเที่ยวที่มากขึ้น ทำให้ลูกค้าที่เป็นดีมานด์ที่แท้จริงจะกลับมาซื้อบ้านเพิ่มขึ้นนางประวีรัตน์ กล่าว
สำหรับภาพรวมของกำลังซื้อในปี 2565 คาดว่า จะเพิ่มขึ้น ทั้งจากสภาพเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ทั้งจากความกังวลในราคาบ้านที่อาจจะปรับเพิ่มขึ้นและจากการกระตุ้นในมาตรการต่างๆ ของภาครัฐที่สิ้นสุดในธันวาคม 2565 นี้ จะเป็นการเร่งการตัดสินใจของลูกค้าในการซื้อบ้านในปีนี้ ทั้งนี้ปัจจุบันกำลังซื้อของผู้บริโภคยังอยู่ในระดับที่ดีต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา

ส่วนภาพรวมการแข่งขันในขณะนี้เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยจะเห็นได้จากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เริ่มเปิดตัวโครงการใหม่ ทั้งแนวราบ และแนวสูง เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ครึ่งปีหลังจะเห็นการแข่งขันที่กลับมาดุเดือด ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลดีต่อผู้บริโภคที่มีโอกาสการเลือกที่อยู่อาศัยมากขึ้น จากแคมเปญต่างๆ ของผู้ประกอบการที่จะดึงดูดความน่าสนใจให้เข้ามาซื้อโครงการ
อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกันสิ่งที่ผู้ประกอบการอสังหาฯ จะต้องเจอ คือต้นทุนที่ดิน ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้น โครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบที่จะพัฒนาใหม่ จะมีราคาขายบ้านในโครงการที่สูงขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากต้นทุนที่ดินและต้นทุนค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น สำหรับการแข่งขันในอสังหาริมทรัพย์แนวราบ จะอยู่ที่การกำหนดรูปแบบโครงการ ราคาขาย ที่จะตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้า
ซึ่งจากปัจจัยที่กล่าวในข้างต้น ยอมรับว่า KUN มีข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่นในโซนเดียวกัน เนื่องจากบริษัทฯมีที่ดินในต้นทุนเดิม ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯมีพื้นที่อยู่ระหว่างรอการพัฒนา โซนบางบัวทอง 90 ไร่ ซึ่งสามารถพัฒนาได้นานถึง 3-5 ปี จึงทำให้บริษัทฯได้เปรียบรายอื่นๆ ในด้านต้นทุนการพัฒนาในแต่ละโครงการของ KUN โดยเฉพาะในโซนบางบัวทอง ที่บริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบโซนบางบัวทอง พร้อมทั้งจะมุ่งมั่นที่จะใช้โมเดลธุรกิจตามแนวความคิดการสร้างเมือง ไปยังอีก 3 ทิศรอบกรุงเทพมหานครฯให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายของบริษัทฯที่วางไว้   
ทั้งนี้ในช่วง 5 เดือนแรก (มกราคมพฤษภาคม) ของปี 2565 ที่ผ่านมา ได้ส่งผลทำให้บริษัทมียอดขาย (Presale) สะสมรวมแล้วที่ระดับ 640 ล้านบาท เติบโตประมาณ 16% เมื่อเทียบกับยอดขายสะสมในช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 550 ล้านบาท(YoY) และคิดเป็น 37.6% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้ง 2565 ที่ 1,700 ล้านบาท

โดยมีสาเหตุหลักมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิค-19 ได้เปลี่ยนแปลงแนวความคิดในการเลือกซื้อบ้านและพฤติกรรมการใช้ชีวิตไปมาก ทำให้เกิดวิถีชีวิตแบบใหม่ในการใช้สอยพื้นที่ภายในบ้านที่แตกต่างไปจากเดิม เช่น ทำงานจากที่บ้าน, การค้าขายออนไลน์ ที่มีมากขึ้นทำให้ลูกค้ามองหาที่อยู่อาศัยแนวราบอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมจากภาครัฐได้แก่ การขยายระยะเวลามาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เหลือร้อยละ 0.01 รวมถึง ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ได้ออกมาตรการผ่อนคลายหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan to Value : LTV) โดยกำหนดให้เพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV ratio) เป็นร้อยละ 100 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 จึงทำให้ลูกค้ามีโอกาสในการขอสินเชื่อได้มากขึ้นกว่าเดิม

อีกทั้ง จากสถานการณ์เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ราคาบ้านมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ทำให้ลูกค้าที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยรีบตัดสินใจซื้อบ้านก่อนที่ราคาบ้านจะปรับขึ้น

ทั้งนี้ ในช่วงต้นปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิด Grand Opening โครงการคุณาลัย พาร์โก้บ้านเดี่ยว 96 ยูนิต ในระดับราคาเริ่มต้นที่ 4.89 ล้านบาท ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวสไตล์ โมเดิร์นอิตาเลียน แห่งแรกในโซนบางบัวทอง ภายใต้คอนเซ็ปต์หลักของโครงการ คือครอบครัวที่อยู่ร่วมกันหลากหลายเจนเนอเรชั่นในบ้านหลังเดียว ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 15% และเชื่อว่าโครงการดังกล่าวจะเป็นหนึ่งในโครงการที่จะผลักดันยอดขายให้เพิ่มขึ้นในอนาคต เนื่องจากเป็นโครงการที่ตอบโจทย์ของผู้อยู่อาศัยได้ครบทุกมิติ  

toppercool

CEO,Prop2morrow Blogger อสังหาฯ , นักการตลาดดิจิตัล สาย Content marketing