ธนาคารอาคารสงเคราะห์ฯเผยเงินเฟ้อกระทบต้นทุนดอกเบี้ยแน่ ส่วนดอกเบี้ยนโยบายเชื่อผู้กู้ยังสามารถบริหารจัดการในเรื่องของการผ่อนชำระได้ แนะผู้บริโภครีบตัดสินใจซื้อบ้านช่วงนี้ ระบุครึ่งปีแรก 65 ปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยไปแล้ว 1.54 แสนล้านบาท คาดจะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2.64 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2.26 แสนล้านบาท มั่นใจภาคอสังหาฯยังได้ไปต่อ คนที่อยู่รอดคือผู้ประกอบการที่ต้องปรับตัว
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส. เปิดเผยในงานสัมมนาภายใต้หัวข้อ “อสังหาฯไทย” จะไปทางไหน? ว่า ในช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดวิกฤติโควิดและสงคราม ในฐานะผู้ปล่อยสินเชื่อ ก็จะผูกกับธุรกิจอสังหาฯ หากเป็นกลุ่มไฮเอนด์ ก็จะซื้อด้วยเงินสด และระดับกลาง-ล่างก็กู้สินเชื่อ แต่ช่วงระบาดของโควิด-19 ภาครัฐก็ออกมาตรการต่างๆมาช่วยเหลือตลอด แต่ปัจจุบันเป็นในเรื่องของต้นทุนก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น จากผลกระทบของสงคราม ทุกคนมีความกังวลในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่จะปรับตัวสูงขึ้น โดยทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันไม่สามารถหลีกเลี่ยงดอกเบี้ยขาขึ้นได้ ท่ามกลางภาวะที่อัตราดอกเบี้ยในต่างประเทศที่ต่างปรับขึ้นตามกัน หลังอัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น โดยปัจจัยดังกล่าวส่งผลกระทบต่อต้นทุนดอกเบี้ยของผู้กู้อย่างแน่นอน แต่ถือว่าหากมีการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นมาจากปัจจุบันที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 0.50% ต่อปี ขึ้นมาต่อเนื่อง หรือปรับขึ้นมาใกล้เคียงกับในอดีตที่ 1.25-1.50% ต่อปี ผู้กู้ยังสามารถบริหารจัดการในเรื่องของการผ่อนชำระได้ แม้ต้นทุนดอกเบี้ยจะมีการปรับเพิ่มขึ้นมาค่อนข้างมากอย่างมีนัยสำคัญก็ตาม
“ดอกเบี้ยยังไงก็ต้องขึ้น การบอกไม่ขึ้นมันฝืนหลายๆอย่าง ตอนนั้นดอกเบี้ยต่ำมาก และต่ำทั้งโลก แต่ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว โดยเป็นการขึ้นในวิสัยที่รับได้ ดอกเบี้ยนโยบายเราอยู่กันอย่างไร ถ้าถอยหลังไปที่ปี 2558 ดอกเบี้ยตอนนั้นอยู่ที่ 1.50% การที่อยู่ระดับ 1.25-1.50% เราเคยอยู่ระดับนั้นมาแล้ว ก็คิดว่าจะไม่ส่งผลกระทบมาก” นายฉัตรชัย กล่าว
ขณะที่ตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยในอนาคตอันใกล้ จะไม่มีโปรโมชั่นสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยคงที่ 2-3 ปีแรกอีกต่อไป เช่น คงที่ 2% คงที่ 3% แต่โปรโมชั่นสินเชื่ออาจเป็นแบบกึ่งลอยตัว โดยอ้างอิงกับดอกเบี้ย MRR ในตลาดซึ่งในช่วงนี้ถือเป็นโค้งสุดท้ายที่คนไทยยังจะมีโอกาสที่เข้ามากู้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำและคงที่ได้อยู่ ซึ่งใครอยากจะมีบ้านต้องรีบตัดสินใจไม่เช่นนั้นดอกเบี้ยจะขึ้นแน่นอน
สำหรับในส่วนของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากยังจำเป็นต้องมีการปรับเพิ่มขึ้นตามทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น เพื่อทำให้เกิดความสมดุลของพอร์ต เพราะหากธนาคารไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก จะส่งผลให้เงินฝากไหลไปสู่ธนาคารอื่นที่ให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า และส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของธนาคาร ดังนั้นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารอาคารสงเคราะห์จะต้องมีการปรับขึ้นทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากควบคู่กัน
นอกจากนี้ในส่วนของการทำหน้าที่ธนาคารรัฐนั้น ยังคงจำเป็นที่สร้างโอกาสในการทำให้ผู้ที่มีรายได้น้อยและปานกลาง สามารถมีบ้านเพื่ออยู่อาศัยได้เป็นของตัวเอง แต่ยังคงดำเนินการพิจารณาสินเชื่อภายใต้ความเสี่ยงของผู้กู้แต่ละราย ในการประเมินเกี่ยวกับความสามารถในการผ่อนชำระ เพื่อทำให้กลุ่มลูกค้าที่มีรายได้น้อยและปานกลาง สามารถมีบ้านเป็นของตัวเอง และสร้างสรรค์สังคมที่มีความเท่าเทียม
ขณะที่ทิศทางของการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในครึ่งปีแรก 2565 ที่ผ่านมายังเห็นการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งยังเห็นความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยของคนในประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรก 2565 ที่ผ่านมาสามารถปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยไปแล้ว 1.54 แสนล้านบาท และคาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2.64 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2.26 แสนล้านบาท
“ในบทบาทของความเป็นแบงก์ มองว่าอสังหาฯยังไปได้ และไม่เหมือนปี 2539 ที่ Factorมาจากอสังหาฯโดยตรง ที่สาหัสมาก เกินครึ่งล้มหายตายจาก แต่ปัจจุบันธุรกิจอสังหาฯสามารถปรับตัวได้เป็นอย่างดี ผู้ที่อยู่รอดคือผู้ที่ต้องปรับตัว ทั้งผู้ประกอบการและธนาคาร โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วย ”นายฉัตรชัย กล่าวในที่สุด