“ชิค รีพับบลิค”ปิดจองซื้อหุ้นไอพีโอ 360 ล้านหุ้น ราคา 0.90 บาท เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 27 กรกฎาคมนี้ พร้อมนำเม็ดเงินลงทุนขยายสาขาใหม่ในจังหวัดอุดรธานี รีโนเวทสาขาบางนาและสาขาราชพฤกษ์ใหม่ เพิ่มพื้นที่ร้านค้าเช่า
นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทชิค รีพับบลิค จำกัด (มหาชน) หรือ “CHIC” กล่าวว่า ในช่วงวันที่ 18-21 กรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัทประสบความสำเร็จในการปิดการขายหุ้นไอพีโอจำนวน 360 ล้านหุ้นให้กับกลุ่มนักลงทุนได้หมด หลังจากได้มีกระจายหุ้นผ่านบริษัทหลักทรัพย์ 5 แห่ง คือ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน),บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด,บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน),บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ส่งผลให้บริษัทสามารถนำเงินที่ได้รับจากการระดมทุนครั้งนี้ไปใช้ในการขยายธุรกิจ สร้างความน่าเชื่อถือ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และสร้างการเติบโตให้กับบริษัทได้ตามแผนและกรอบเวลาที่บริษัทได้วางไว้
ทำให้บริษัทมั่นใจว่าการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 27 ก.ค. นี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากมีความมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่มีโอกาสเติบโตทั้งด้านฐานะการเงิน ความสามารถการทำกำไร และศักยภาพการเติบโต
ทั้งนี้หลังจากการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai แล้ว บริษัทจะนำเม็ดเงินที่ได้มาลงทุนขยายสาขาแห่งใหม่ในจังหวัดอุดรธานี ซึ่งมีการเติบโตและการลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจะนำเงินไปใช้เป็นฐานการจำหน่ายและการกระจายสินค้าสู่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ประเทศลาว คาดการณ์เริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี 2566
นอกจากนี้มีแผนจะปรับปรุงและจัดสรรพื้นที่ภายในสาขาบางนาและสาขาราชพฤกษ์ใหม่ เพื่อเพิ่มพื้นที่ร้านค้าเช่าสร้างแหล่งที่มาของรายได้ประจำ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ขายแล้วเสร็จและพร้อมเปิดใช้งานในช่วงไตรมาส 4 นี้
นายธีร์ จารุศร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนบริษัทชิค รีพับบลิค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หุ้น CHIC ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นหุ้นพื้นฐานดีมีโอกาสเติบโตระยะยาว ตามแผนการลงทุนขยายธุรกิจ เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายอย่างต่อเนื่อง รวมถึงรองรับการเติบโตจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทั้งแนวราบ-แนวสูง