ดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ ผู้อำนวยการกองการต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงานกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากการประชุม COP26 ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ภายในปี 2030 เพื่อก้าวเข้าสู่สังคมที่เป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2065 โดยขับเคลื่อนผ่านโมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG Economy ซึ่งการบรรลุเป้าหมายดังกล่าวจะไม่ประสบความสำเร็จหากขาดความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ด้วยความสำคัญนี้ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ในฐานะผู้นำธุรกิจด้านการจัดงานแสดงสินค้าและกิจกรรมสำหรับการเจรจาธุรกิจ ระดับนานาชาติ ได้ผนึกกำลังทั้งภาครัฐ พร้อมด้วยภาคเอกชนอีกหลากหลาย จัดงาน ASEAN Sustainable Energy Week 2022 (ASEW) หรือ มหกรรมอุตสาหกรรมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมครั้งสำคัญของภูมิภาคอาเซียน เพื่อเป็นฟันเฟืองสำคัญในการร่วมกันผลักดันและขานรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืนต่อไป
“กระทรวงพลังงานเราให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ เพื่อลดมูลค่าความเสียหายต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน โดยเราได้ขานรับนโยบายจากรัฐบาลตามแผนพลังงานแห่งชาติ 2022 (NEP2022) ซึ่งประกอบไปด้วย 4 นโยบายสำคัญ ได้แก่ 1.ส่งเสริมการใช้ EV/ZEV ในประเทศไทยด้วยนโยบาย 30@30 2.เพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียนสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ไฟฟ้า 3.ส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงานอย่างน้อย 30% ของการใช้พลังงานทั้งหมดภายในปี 2040 4.ทำให้อุตสาหกรรมพลังงานมีความทันสมัยและก้าวไปข้างหน้าเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานภายในประเทศ” ด้วยยุทธศาสตร์ 4D (Decarbonization, Digitalization, Decentralization และ Deregulation)”ดร.พูลพัฒน์ กล่าว
ดร.พูลพัฒน์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากการส่งเสริมและสนับสนุนดังกล่าว อีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่ทางกระทรวงพลังงานเร่งขับเคลื่อนคือ การขยายผลโมเดล BCG สู่การสร้างแนวทางปฏิบัติทั้งการกำจัดคาร์บอนจากเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นศูนย์, การใช้ข้อมูลดิจิทัล เพื่อง่ายต่อการทำงาน, และ การวางกฎระเบียบ เป็นต้น พร้อมกันนี้ยังทำงานร่วมกับภาคส่วนต่างๆ เพื่อมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียนให้กับไทยในอนาคต ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการร่วมงาน ASEAN Sustainable Energy Week ที่ทาง อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ จัดขึ้นโดยเรามีหมุดหมายที่ตรงกัน คือ การนำพาไทยไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำได้อย่างเท่าทันต่อสถานการณ์โลก”