“WHIZDOM COEX” คอนโดฯสำหรับคนเจนใหม่ประเดิมทำเลแรกย่านปิ่นเกล้าราคาเริ่มต้นกว่า 3 ล้าน

Post Views: 13

วิสซ์ดอม โคเอ็กซ์ (Whizdom COEX) เป็นแบรนด์คอนโดฯใหม่ถอดด้ามของกลุ่ม MQDC หรือบริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่อาศัยอยู่ร่วมกันของคนรุ่นใหม่ในหลายๆมิติ เพราะหลังจากเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภค

รวมถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ MQDC เปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก จึงได้มีแนวคิดว่าจะทำอย่างไรให้ที่อยู่อาศัยของ MQDC สามารถตอบโจทย์ทั้งการอยู่อาศัย การทำงาน การเรียนรู้ร่วมกัน และการใช้ชีวิตแบบสนุกสนานอยู่ในพื้นที่เดียวกันโดยไม่มีข้อจำกัด

นายอัษฎา แก้วเขียว ประธานเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการ MQDC กล่าวว่า โดยปกติลูกค้าที่อยู่อาศัยในคอนโดฯ หากต้องการจะรับประทานทานอาหารตามร้านอาหารหรือไปออกกำลังกายในฟิตเนส ก็ต้องเสียเวลาในการเดินทางเพื่อไปยังร้านอาหารหรือฟิตเนสที่อยู่ไกลจากที่พัก MQDC จึงได้มีแนวคิดที่จะผสมผสานทั้งการใช้ชีวิตในห้องพักและการพักผ่อน สังสรรค์ให้อยู่ในพื้นที่เดียวกัน เพื่อลดเวลาในการเดินทางของลูกค้า เพราะจากการศึกษาพฤติกรรมกลุ่มลูกค้าเจนใหม่ของ MQDC พบว่าส่วนใหญ่ต้องการ “เวลา” มากกว่าทรัพย์สินเงินทอง เพราะเวลาในแต่ละวันสามารถทำงานได้หลากหลาย รวมทั้งการใช้ชีวิตและการทำกิจกรรมต่างๆอยู่ในพื้นที่เดียวกัน

ดังนั้น MQDC จึงได้มีแนวคิดใหม่ในการออกแบบโครงการที่อยู่อาศัยให้มีความเชื่อมต่อกันแบบไร้รอยต่อ จึงเป็นที่มาของคอนโดฯแบรนด์ใหม่ “วิสซ์ดอม โคเอ็กซ์” ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ทั้ง Co-Live,Co-Work,Co-Lern,Co-Play โดยทั้งพื้นที่พักอาศัยหรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ได้ถูกออกแบบให้ตอบรับกับการใช้ชีวิตในปัจจุบัน ด้วยการผสมผสาน Smart Living อาทิ Smart Locker, Smart Storage, Home Automation ที่สามารถสั่งงานผ่าน Application ได้ นอกจากนี้ยังมี Smart Building เช่น ระบบปรับอากาศแบบทำความเย็นด้วยท่อน้ำเย็น(Water-Cooled Chiller System) โดยไม่มีท่อลม ลดการสะสมของฝุ่นและการเกิดเชื้อรา รวมถึงติดตั้งเครื่อง Fresh Air Fan และการออกแบบช่องเปิดด้านเดียว (Single-Sided Ventilation) ทำให้อากาศมีการหมุนเวียนได้มากยิ่งขึ้น

ประเดิมเปิดตัวโครงการแรก “วิสซ์ดอม โคเอ็กซ์ ปิ่นเกล้า” (Whizdom COEX Pinklao) บนเนื้อที่กว่า 4 ไร่2 ฝั่งถนนจรัญสนิทวงศ์ ติดกับรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน สถานีบางยี่ขัน โดยมีทางเชื่อมจากสถานีรถไฟฟ้าเข้ากับตัวอาคารด้วย

ออกแบบเป็นคอนโดมิเนียมพร้อมไลฟ์สไตล์และคอมมูนิตี้ สเปซตั้งอยู่บนอาคารไฮไรส์สูง 19 ชั้นจำนวน 2 อาคาร คือ Whizdom Flex กำหนดเปิดขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 29 ตุลาคมนี้ และ Whizdom Fam กำหนดเปิดขายปลายปี 2566 และพื้นที่ “COEX Space” ซึ่งเป็น Lifestyle and Community Space มีมูลค่าโครงการรวม 8,000 ล้านบาท

โดยพื้นที่ “COEX Space” ตั้งอยู่บนชั้น 1-4 ของอาคาร มีพื้นที่ใช้สอยอาคารละ 4,000 ตารางเมตรเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบ Seamless Life Experience ทั้งกิน ช็อปปิ้ง ทำงาน รวมถึงการสังสรรคกับกลุ่มเพื่อนฝูง สำหรับสมาชิกวิสซ์ดอมและผู้มาเยือน ประกอบไปด้วยโซน CO-Café มีทั้งคาเฟ่และร้านอาหารที่ Friendly กับการทำงานตลอดทั้งวัน โซน CO-Play & Creation Space ออกแบบ Space ให้สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรม Workshop การประชุม หรือการทำงานที่ต้องการใช้ความเป็นส่วนตัว และงานงานอีเวนต์ต่างๆ ที่จะสะท้อนไลฟ์สไตล์ของคนเจนใหม่อย่างลงตัว

ชั้น 3 เป็น CO-Kitchen & Dining มีทั้ง Food Court, All Day Dining และ Food Market พร้อมทางเชื่อมจากตัวสถานี MRT บางยี่ขัน เข้าสู่งตัวอาคาร และชั้น 4 เป็นโซน CO-Active & Digital Lifestyle รองรับกิจกรรม Work out ในรูปแบบดิจิตัลตลอด 24 ชั่วโมง (เฉพาะ Whizdom Flex)

ส่วนห้องชุดพักอาศัยจะเริ่มต้นที่ 5 ชั้นเฉลี่ยชั้นละประมาณ 26 ยูนิต โดยอาคาร Whizdom Flex มีห้องชุดจำนวน 340 ยูนิต ประกอบด้วย ห้องสตูดิโอขนาด 26-28 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้น 3.4 ล้านบาท,ห้องแบบ1 ห้องนอน ขนาด 31-40 ตารางเมตร, 2 ห้องนอน ขนาด 48-70 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้น 6.6 ล้านบาท และห้องเพนเฮ้าส์ ขนาด 66-95 ตารางเมตรมีจำนวน 10 ยูนิต ตั้งอยู่บนชั้น 18 ราคาขายเริ่มต้น 13.19 ล้านบาท

“Layout ของห้องชุดครบครันทุกฟังก์ชั่นการอยู่อาศัยและทำงานด้วย Working Pod Area สำหรับพักผ่อน และเพิ่มความโปร่งโล่งภายในห้องพักด้วย Ceiling สูง 2.7 เมตร โดยดีไซน์ฟังก์ชั่นเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นห้องครัว หัองนั่งเล่น รวมไปถึงห้องทำงาน ที่เหมาะกับการไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแบบ Multitask ของคนรุ่นใหม่วัยทำงาน”

สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการ เริ่มต้นตั้งแต่ชั้น Ground Floor ออกแบบเป็น Grand Lobby ที่โอบล้อมด้วย Space เหมือนถ้ำ (The Cave) พร้อมห้องปฐมพยาบาลเบื้องต้น และตั้งแต่ชั้นล่างไปจนถึงชั้นบนสุดยังได้ออกแบบให้เป็น Well-being Park พื้นที่พักผ่อนพร้อมกับพื้นที่สีเขียวเล่นระดับตั้งแต่พื้นชั้น 1ไปจนถึงชั้นดาดฟ้า พร้อมกับ Pocket Garden และ Sky Pool แบะที่จอดรถแบบอัตโนมัติและแบบปกติรวม 57%