ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ รายงานภาพรวมสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยช่วงไตรมาส3 พบการชะลอตัวของตลาดอาคารชุดที่ชัดเจน การเปิดตัวโครงการใหม่และยอดขายชะลอลงมาก หลังมีการการเปิดตัวอาคารชุดใหม่อย่างมากในช่วงไตรมาส 1 และ 2 โดยมีอุปทานที่อยู่อาศัยเสนอขายทั้งหมดกว่า 1.98 แสนยูนิต มูลค่ากว่า 9.84 แสนล้านบาท ขณะที่สินค้าเปิดขายใหม่รวมกว่า 2.41 หมื่นยูนิต มูลค่ากว่า 1.47 แสนล้านบาท หน่วยเหลือขายคงค้างกว่า 1.77 แสนยูนิต
ดร. วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยถึงการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยช่วงไตรมาส 3 ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลว่า มีจำนวนโครงการที่เปิดขายอยู่ในตลาดจำนวน 198,024 ยูนิต มูลค่า 984,904 ล้านบาท จำนวนหน่วยลดลงจากไตรมาส 2 ประมาณ 2,188 ยูนิต แต่มูลค่าสูงขึ้น 8,608 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร 126,325 ยูนิต มูลค่ารวม 680,615 ล้านบาท โครงการอาคารชุดจำนวน 71,699 ยูนิต มูลค่ารวม 304,289 ล้านบาท ลดลงต่อเนื่องจากไตรมาส 1 และ 2 และต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2561
โดยโซนที่มีหน่วยอาคารชุดเสนอขายสูงสุด ประกอบด้วย โซนห้วยขวาง-จตุจักร-ดินแดง จำนวน 9,921 ยูนิต มูลค่า 40,368 ล้านบาท โซนพระโขนง-บางนา-สวนหลวง-ประเวศ จำนวน 8,285 ยูนิต มูลค่า 23,259 ล้านบาท โซนเมืองนนทบุรี-ปากเกร็ด จำนวน 7,144 ยูนิต มูลค่า16,288 ล้านบาท โซนธนบุรี-คลองสาน-บางกอกน้อย-บางกอกใหญ่-บางพลัด จำนวน 6,893 ยูนิต มูลค่า 21,262 ล้านบาท และโซนสุขุมวิทจำนวน 6,101 ยูนิต มูลค่า 55,902 ล้านบาท
ส่วนโซนโครงการบ้านจัดสรรที่มีหน่วยเสนอขายสูงสุด ประกอบด้วย โซนบางพลี-บางบ่อ-บางเสาธงจำนวน 18,199 ยูนิต มูลค่า 98,735 ล้านบาท โซนบางใหญ่-บางบัวทอง-บางกรวย-ไทรน้อย จำนวน 17,603 ยูนิต มูลค่า 82,660 ล้านบาท โซนลำลูกกา-ธัญบุรี จำนวน 13,831 ยูนิตย มูลค่า 51,919 ล้านบาท
โซนเมืองปทุมธานี-ลาดหลุมแก้ว-สามโคกจำนวน 10,963 ยูนิต มูลค่า 41,523 ล้านบาท และโซนคลองหลวง-หนองเสือ 10,610 ยูนิต มูลค่า 36,104 ล้านบาท
ขณะที่โครงการเปิดขายใหม่ในช่วงไตรมาส 3 มีจำนวน 24,112 ยูนิต มูลค่า 147,276 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 จำนวนหน่วยลดลง 4,380 ยูนิต แต่มูลค่าเพิ่มขึ้น 10,463 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของบ้านจัดสรรทุกประเภท โดยมีจำนวนหน่วยเปิดขายใหม่เพิ่มขึ้น 4,406 ยูนิต มูลค่า 35,621 ล้านบาท ส่วนใหญ่เปิดขายในระดับราคา 2-5 ล้านบาท
โซนที่โครงการบ้านจัดสรรเปิดขายใหม่มากที่สุด คือ โซนบางพลี-บางบ่อ-บางเสาธงจำนวน 2,543 ยูนิต มูลค่า 12,712 ล้านบาท โซนคลองหลวง- หนองเสือจำนวน 1,920 ยูนิต มูลค่า 6,394 ล้านบาท
โซนบางใหญ่-บางบัวทอง-บางกรวย-ไทรน้อยจำนวน 1,856 หน่วย มูลค่า 11,723 ล้านบาท โซนเมืองปทุมธานี-ลาดหลุมแก้ว-สามโคก 1,664 ยูนิต มูลค่า 6,406 ล้านบาท และโซนลำลูกกา-ธัญบุรีจำนวน 1,611 ยูนิต มูลค่า 8,055 ล้านบาท
คอนโดฯเปิดขายใหม่ลดลงกว่า 8 พันยูนิต
ส่วนอาคารชุดมีหน่วยเปิดขายใหม่ 7,526 ยูนิต มูลค่า 19,665 ล้านบาท ลดลงมากถึง 8,786 ยูนิต และมูลค่าลดลง 25,158 ยูนิต ระดับราคาที่เปิดตัวเสนอขายมากที่สุดจะอยู่ในช่วง 2-3 ล้านบาท ตั้งอยู่ในโซนเมืองสมุทรปราการ-พระประแดง-สมุทรเจดีย์มากที่สุดจำนวน 1,772 ยูนิต มูลค่า 5,990 ล้านบาท รองลงมาเป็นโซนสุขุมวิทจำนวน 1,323 ยูนิต มูลค่า 4,381 ล้านบาท และโซนพระโขนง-บางนา-สวนหลวง-ประเวศจำนวน 1,302 ยูนิต มูลค่า 2,897 ล้านบาท
ดร.วิชัยกล่าวว่า ภาพรวมของยอดขายที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่ในช่วงไตรมาส 3 มีจำนวน 20,261 ยูนิต มูลค่า 113,399 ล้านบาท ซึ่งถือว่าทั้งจำนวนและมูลค่าที่ขายได้ใหม่ต่ำสุดในรอบ 3 ไตรมาสของปีนี้ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมลดลงอย่างมากจากไตรมาส 2 โดยจำนวนหน่วยขายใหม่ลดลงถึง 5,388 ยูนิต และมูลค่าลดลง 21,553 ล้าบาท ในขณะที่บ้านจัดสรรเพิ่มขึ้น 2,050 ยูนิต มูลค่า18,349 ล้านบาท
“ภาพรวมที่อยู่อาศัยทุกประเภทในไตรมาส 3 มีอัตราดูดซับต่อเดือนอยู่ที่ 3.4% ขณะที่ไตรมาส 2 มีอัตราดูดซับ 3.9% และไตรมาส 1 มีอัตราดูดซับ 5.0% เนื่องจากอัตราดูดซับอาคารชุดลดลงมาอยู่ที่ 3.8% ต่อเดือน เทียบกับไตรมาส 2 มีอัตราดูดซับ 5.6% และไตรมาส 1 มีอัตราดูดซับ 7.6% ขณะที่อัตราดูดซับบ้านจัดสรรยังคงปรับสูงขึ้นมาอยู่ที่ 3.2% ต่อเดือน”
หน่วยเหลือขายค้างสต็อกกว่า 1.77 แสนยูนิต มูลค่ากว่า 8.71 แสนล้านบาท
สำหรับปริมาณสินค้าเหลือขายคงค้างในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลไตรมาส 3 มีจำนวนทั้งสิ้น 177,763 ยูนิต มูลค่า 871,505 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 จำนวน 1,150 ยูนิต มูลค่า 11,812 ยูนิต โดยโครงการบ้านจัดสรรมีจำนวนยูนิตเหลือขายมากถึง 114,290 ยูนิต มูลค่า 596,929 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 4,892 ยูนิต มูลค่าเพิ่มขึ้น 39,164 ล้านบาท
โครงการอาคารชุดมีจำนวนยูนิตเหลือขาย 63,473 ยูนิต มูลค่า 274,576 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส2ประมาณ 3,742 ยูนิต มูลค่าลดลง 27,352 ล้านบาท
จากปริมาณสินค้าเหลือขายคงค้างจำนวน 177,763 ยูนิต แบ่งเป็นที่อยู่อาศัยที่สร้างเสร็จแล้วยังขายไม่ได้ 44,361 ยูนิต มูลค่า 208,830 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นอาคารชุดที่สร้างเสร็จแล้วยังขายไม่ได้จำนวน 18,323 ยูนิต มูลค่า 80,165 ล้านบาท ขณะที่บ้านจัดสรรมีจำนวน 26,038 ยูนิต มูลค่า 128,665 ล้านบาท กระจุกตัวอยู่ในโซนบางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง มากที่สุดจำนวน 16,310 ยูนิต มูลค่า 88,254 ล้านบาท รองลงมาเป็นโซนบางใหญ่-บางบัวทอง-บางกรวย-ไทรน้อย จำนวน 16,230 ยูนิต มูลค่า 76,013 ล้านบาท และโซนลำลูกกา-ธัญบุรี จำนวน 13,146 ยูนิต มูลค่า 49,050 ล้านบาท