S แบบไต๋ปี66 จ่อผุดบ้านแพงกว่า “สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส” พร้อมขยายฐานบ้านหรูปีเพิ่ม 2-3 เซกเมนต์

  • Post author:
You are currently viewing S แบบไต๋ปี66 จ่อผุดบ้านแพงกว่า “สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส” พร้อมขยายฐานบ้านหรูปีเพิ่ม 2-3 เซกเมนต์
สิงห์ เอสเตทฯประกาศแผนปี66 รุกผุด 5 โครงการแนวราบระดับลักชัวรี่อัลตร้า ลักชัวรี่ รวมมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ทั้งในพื้นที่ CBD โซนตะวันออกตะวันตก กทม. ระบุขยายฐานเพิ่มอีกอย่างน้อย 2-3 เซกเมนต์ ทั้งบ้านสร้างเสร็จก่อขายและบ้านสั่งสร้าง ส่วนตลาดคอนโดฯยังไม่ฟื้นตัว ชะลอแผนพัฒนาออกไป ด้าน“ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส”พัฒนาการ 32 ยอดขายพุ่งแล้ว 95% ทั้งปรับพื้นที่ด้านหน้าบ้านหรู ผุดโฮมออฟฟิศ 4 ยูนิต ผลตอบรับดีมียอดขายแล้ว 2 ยูนิต มั่นใจยอดโอนปีนี้โตอย่างมีนัย
นายณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์
นายณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการพัฒนาธุรกิจพักอาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด(มหาชน) หรือ S เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดปี 2566 นี้มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น โดยเฉพาะตลาดแนวราบ ที่ผู้ประกอบการหลายรายหันมาพัฒนาบ้านระดับบนระดับราคา 10 ล้านบาทมากขึ้น จากก่อนหน้านี้มีสัดส่วนไม่ถึง 40% จากตลาดรวม แต่คาดว่าในปีนี้จะมีสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้นกว่า 50% เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายในตลาดระดับราคาดังกล่าวมีศักยภาพในการซื้อ ไม่มีความเสี่ยงเรื่องการกู้สินเชื่อกับธนาคาร และไม่มีผลกระทบมากต่อความผันผวนของเศรษฐกิจ และอัตราดอกเบี้ยที่เป็นทิศทางขาขึ้น อีกทั้งยังเป็นกลุ่มที่มีการมองหาที่อยู่อาศัยในทำเลดีๆอยู่มาก ทำให้เป็นโอกาสของบริษัทในการรุกเปิดโครงการแนวราบหรูมากขึ้น

โดยแผนการดำเนินงานของบริษัทในปี 2566 เตรียมรุกเปิดแนวราบ ทั้งสิ้น 5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท (ไม่รวมโครงการ “ศิรนินทร์ เรสซิเดนทเซส”) อยู่บนทำเลย่านใจกลางเมือง(CBD) ,โซนตะวันออก และตะวันตก ของกรุงเทพฯ ในจำนวนดังกล่าวจะมีขยายฐานอีกอย่างน้อย 2-3 เซกเมนต์ แต่ยังคงเน้นบ้านระดับลักชัวรี่-อัลตร้าลักชัวรี่ คือตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป รวมไปถึงจะมีบางโครงการที่ราคาต่ำกว่าและสูงกว่า โครงการ “สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส”ที่ราคาขายเริ่มต้น 120-360 ล้านบาท ปัจจุบันได้ปิดการขายไปหมดแล้ว และได้เริ่มทยอยโอนไปแล้ว 7 ยูนิต สำหรับ 5 โครงการที่จะเปิดตัวในปีนี้ จะเริ่มทยอยเปิดตัวตั้งแต่เดือนมีนาคม นี้ ส่วนที่เหลือจะเปิดตัวในครึ่งปีหลัง 2566 โดยจะมีทั้งบ้านที่สร้างเสร็จก่อนขาย และบ้านสั่งสร้าง ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในขณะนี้

ส่วนโครงการประเภทคอนโดมิเนียมของบริษัทฯปัจจุบันเหลือขายอยู่ 2 โครงการ คือ โครงการ The Esse Sukhumvit 36 ที่ยังมีสต๊อกเหลือขายอีก 20% และโครงการ THE EXTRO Phayathai-Rangnam (ดิ เอ็กซ์โทร พญาไท-รางน้ำ) ปัจจุบันมียอดขายเพียง 35% ซึ่งบริษัทยังไม่มีแผนการพัฒนาคอนโดมิเนียมใหม่ในปีนี้ เพราะภาพรวมของตลาดคอนโดฯยังไม่เห็นความชัดเจนในการฟื้นตัวกลับมา และส่วนใหญ่สินค้ากลุ่มคอนโดฯที่ผู้ประกอบการรายอื่นพัฒนาเป็นระดับราคาที่ไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งเจาะกลุ่มตลาดแมส และนักลงทุน อีกทั้งในปีนี้ยังมีความเสี่ยงเกี่ยวกับมาตรการกำกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan to Value : LTV) ที่ภาครัฐไม่ขยายต่อมาตรการ ประกอบกับเทรนด์ดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้ตลาดคอนโดฯยังมีแรงกดดันอยู่

สำหรับความคืบหน้าโครงการ “ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส”พัฒนาการ 32 ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ทั้งหมด 23 ไร่ พัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยว 2 ชั้นระดับ Super Luxury สร้างเสร็จก่อนขาย ขนาดตั้งแต่ 125-219 ตารางวา ราคาขายตั้งแต่ 65-180 ล้านบาท จำนวน 28 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,900 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 95% ลูกค้าเป็นคนไทยทั้งหมด

“โครงการ’ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส’พัฒนาการ 32 พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด ‘True Legacy Lives Now’ ซึ่งให้ความสำคัญกับการอยู่อาศัยแบบครอบครัว หรือ Family-Oriented เน้นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ของสมาชิกทุกคนภายในบ้าน ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 2,770 ล้านบาท และมีลูกค้าโอนแล้วมูลค่ารวม 830 ล้านบาท” นายณัฐวุฒิ กล่าว

นอกจากนี้บริษัทฯยังได้ปรับพื้นที่บริเวณด้านหน้าโครงการ “ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส” พัฒนาการ 32 จำนวนกว่า 200 ตารางวา ที่เดิมจะพัฒนาเป็นพื้นที่ส่วนกลาง แต่เกรงว่าจะเป็นการสร้างภาระให้ลูกบ้าน จึงได้นำมาพัฒนาเป็นโครงการ SENTRE (เซนท์เทอร์) ในรูปแบบของโฮมออฟฟิศ 3 ชั้นครึ่ง ภายใต้คอนเซปท์ “Ture Success Begin Here” ขนาดที่ดินเริ่มต้น 42-54 ตารางวา ในราคาเริ่มต้น 21.9-26 ล้านบาท จำนวนเพียง 4 ยูนิต มูลค่าประมาณ 90 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 2 ยูนิต

ทั้งนี้ด้านเป้าหมายของกลุ่มธุรกิจที่พักอาศัยมั่นใจว่ายอดโอนในปี 2566 จะเห็นการเติบโตสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากปี 2565 จากการที่บริษัทฯเดินหน้าเปิดโครงการแนวราบใหม่ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการบ้านหรูที่เป็นโครงการบ้านสร้างเสร็จก่อนขาย ซึ่งสามารถรับรู้รายได้อย่างรวดเร็ว สามารถผลักดันยอดโอนของบริษัทฯเติบโตขึ้น

“เราสนใจยอดโอนมากกว่ายอดขาย เพราะยอดขายบางครั้งขายได้มาก แต่พอถึงเวลาโอนลูกค้ากลับไม่โอน หรือยกเลิกไปบ้าง ทำให้ไม่เป็นไปตามเป้า เราถึงมาโฟกัสยอดโอน โดยเฉพาะการพัฒนาบ้านสร้างเสร็จก่อนขาย ที่รับรู้รายได้เข้ามาได้แน่นอน และเจาะกลุ่มลูกค้าหลักของเราที่มีกำลังซื้อสูง ทำให้ไม่ค่อยมีความเสี่ยงต่อความผันผวนของเศรษฐกิจมาก” นายณัฐวุฒิ กล่าวในที่สุด

 

toppercool

CEO,Prop2morrow Blogger อสังหาฯ , นักการตลาดดิจิตัล สาย Content marketing