เอพีฯ มั่นใจอสังหาฯปี 66 ฟื้นตัว ต้อนรับศักราชใหม่ภายใต้แผน “2023 AP INCLUSIVE GROWTH ที่สุดของปีกับการเติบโตร่วมกัน” ผ่าน 3 มิติ สร้างประวัติศาสตร์ปีนี้ผุด 58 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 77,000 ล้านบาท ทั้งปีปูพรมรวม 192 โครงการทั่วไทย มูลค่าพร้อมขายกว่า 165,600 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 58,000 ล้านบาท และเป้ารับรู้รายได้ 57,500 ล้านบาท ตั้งเป้างบซื้อที่ดินไว้ที่ 20,000 ล้านบาท พร้อมต่อยอดความเชี่ยวชาญรุกช่องว่างตลาดใหม่อีก 2-3 ธุรกิจ
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด(มหาชน)หรือ AP เปิดเผยถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ว่าเริ่มมีสัญญาณที่ดี หลายธุรกิจเริ่มขยับตัวขึ้น ถึงแม้จะยังต้องเผชิญกับปัจจัยลบด้านอื่นๆ อยู่ แต่เชื่อว่าจากปัจจัยบวกในเรื่องของการท่องเที่ยว และการบริโภคภายในประเทศจะกระตุ้น SENTIMENT ที่ดีให้เกิดขึ้น
ส่วนภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2566 มองว่ายังมีการเติบโตขึ้นจากปี 2565 หากดูจากกราฟการเปิดตัวโครงการใหม่ในปีที่ผ่านมา จะเห็นรูปแบบของกราฟที่เริ่มปรับตัวเป็นขาขึ้น สะท้อนได้ถึงภาพตลาดที่เริ่มฟื้นตัวคืนกลับ จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และภาคการท่องเที่ยวกลับมา ทำให้มีชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยมากขึ้น และส่งผลบวกต่อกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่จะเข้ามาเสริมในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในการเข้ามาซื้อและโอน เสริมจบกกลุ่มลูกค้าในประเทศ และเป็นผลบวกต่อภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในปีนี้ที่คาดว่าจะฟื้นตัวกลับเข้าสู่ภาวะใกล้เคียงกับปีก่อนเผชิญวิกฤติโควิด-19 จึงมั่นใจได้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้น่าจะสดใสและขับเคลื่อนไปต่อ
สำหรับตลาดแนวราบยังคงเป็นการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน จากความต้องการซื้อบ้านของกลุ่มลูกค้าในประเทศที่ยังคงมีอยู่สูงอย่างต่อเนื่องทั้งกลุ่มสินค้าทาวน์โฮม และบ้านเดี่ยว อีกทั้งยังเป็นสินค้าที่เจาะกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูง ทำให้สามารถส่งผลบวกต่อผลการดำเนินงานของบริษัทได้อย่างมีนัยสำคัญ
“ในปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯได้กำหนดให้เป็นที่สุดแห่งปีกับการพุ่งทะยานไปต่อ BREAKTHROUGH ทุกข้อจำกัด เพื่อสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดให้เกิดขึ้น ซึ่งสำหรับผลการดำเนินงานที่ผ่านมานั้น มากกว่าการสร้าง New High Record แต่คือการ BREAKTHROUGH ก้าวข้ามในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านจำนวน การเปิดตัว โครงการใหม่ที่มากถึง 51 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 63,600 ล้านบาท ยอดขายสุทธิที่ทำได้เกินจากเป้าที่ตั้งไว้ ที่ 50,415 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้าถึง 44% รวมถึงยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และคาดว่าจะเกินจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นนั้น สะท้อนได้อย่างชัดเจนถึงความแข็งแกร่ง และความพร้อมที่เกิดขึ้นจากการบริหารจัดการองค์กรภายในที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญตลอดหลายปีที่ผ่านมา” นายวิทการ กล่าว
นายวิทการ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากปีที่ผ่านมากับการตั้งเป้าให้เป็นที่สุดของปีกับการเดินหน้าฝ่าทุกข้อจำกัด ด้วยแผนธุรกิจที่สร้างความตื่นเต้นและตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม และในปีนี้บริษัทฯ พร้อมต้อนรับศักราชใหม่กับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจภายใต้แผน “2023 AP INCLUSIVE GROWTH ที่สุดของปีกับการเติบโตร่วมกัน” ด้วยแผนการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ควบคู่ไปกับการขยายภาคธุรกิจ โดยใช้ความชำนาญที่มีมาสร้างโอกาส และข้อได้เปรียบให้เกิดขึ้นในหลากหลายมิติ ภายใต้ปรัชญาที่ต้องการส่งมอบชีวิตดีๆ ที่ทุกคนเลือกเองได้ โดยจะดำเนินงานผ่าน 3 มิติ ดังต่อไปนี้
1.DIVE DEEPER IN PROPERTY BUSINESS ทำงานแบบเจาะลึก เข้มข้นยิ่งขึ้น เพื่อครองความเป็นผู้นำในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย ผ่าน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจพัฒนาคอนโดมิเนียม กลุ่มธุรกิจพัฒนาบ้านเดี่ยว และกลุ่มธุรกิจพัฒนาทาวน์โฮม โดยปี 2566 นี้บริษัทฯ เตรียมแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ที่มีมูลค่ามากที่สุดในตลาด จำนวน 58 โครงการ มูลค่ากว่า 77,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 22 โครงการ มูลค่า 34,800 ล้านบาท ทาวน์โฮมจำนวน 27 โครงการ มูลค่า 26,400 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่า 11,800 ล้านบาท และโครงการในต่างจังหวัด 5 โครงการ มูลค่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการพัฒนาในจังหวัดใหม่ทั้งหมด ซึ่งขณะนี้มีความชัดเจนแล้ว 3 จังหวัด คือ นครปฐม อุบลราชธานี และสุราษฎร์ธานี ส่วนอีก 2 จังหวัดอยู่ในระหว่างการเจรจาซื้อที่ดิน ซึ่งเป็นที่ดินในจังหวัดทางภาคกลาง 1 โครงการ และภาคใต้ 1 โครงการ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในขณะนี้ ซึ่งจะทำให้ในปีนี้เอพีฯมีโครงการในต่างจังหวัดทั้งหมด 12 โครงการ จากก่อนหน้านี้เปิดตัวไปแล้ว 7 โครงการ ซึ่งส่งผลให้ทั้งปีเอพีฯ มีโครงการพร้อมขายทั้งใน กทม. และต่างจังหวัดมากกว่าถึง 192 โครงการ มูลค่ากว่า 165,600 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขาย 58,000 ล้านบาท เป้ารายได้รวม 100% รวมโครงการที่ร่วมทุนกับพันธมิตร (JV) ที่ 57,500 ล้านบาท
2.HATCH NEW BUSINESS ต่อยอดความชำนาญในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการค้นหาช่องว่างตลาดใหม่ โดยบริษัทฯมีแผนในการเปิดธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับบริการด้านอสังหาริมทรัพย์และการอยู่อาศัยในเชิงนวัตกรรมอีก 2-3 ธุรกิจ ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและทดลอง โดยจะนำทรัพยากรที่บริษัทฯ มี ไปบ่มฟักนักคิด นักสร้างสรรค์รุ่นใหม่ เพื่อต่อยอดสร้างสรรค์ธุรกิจใหม่ๆ ที่สามารถนำกลับมาสนับสนุนธุรกิจในระยะยาวแบบองค์รวม ทั้งในมิติธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบใหม่ๆ หรือเพื่อเสริมธุรกิจอื่นๆ ในเครืออย่าง สมาร์ท เซอร์วิส แอนด์ แมเนจเมนท์ (SMART) หรือ บางกอก ซิตี้สมาร์ท (BC) พร็อพเพอร์ตี้โบรกเกอร์แบบครบวงจร เป็นต้น โดยที่ผ่านมา บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการเปิดตัว FitFriend เทรนเนอร์เดลิเวอรี่ ตอบโจทย์ เทรนด์ในเรื่องของสุขภาพ ในปีที่ผ่านมา FitFriend มีคนใช้บริการมากกว่า 6,000 คลาส ซึ่งได้เปิดบริการเชิงพาณิชย์ในช่วงปลายไตรมาส 3/2565 ที่ผ่านมา และได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า โดยสามารถสร้างรายได้ในช่วง 3-4 เดือน ที่เปิดให้บริการเข้ามาประมาณ 5 ล้านบาท
“ซึ่ง ณ วันนี้ เรามีเทรนเนอร์อยู่ในระบบมากกว่า 100 คน ทุกคนผ่านการรับรองจากสถาบันชั้นนำ และผ่านการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมจึงมั่นใจได้ในมาตรฐานของเทรนเนอร์ที่ไม่ต่างจากการใช้บริการในฟิตเนส ชื่อดัง ซึ่งเราภูมิใจที่ FitFriend นอกจากจะให้บริการแก่บุคคลทั่วไปผ่านระบบ Line Official-FitFriend แล้ว วันนี้ FitFirend ยังสเกลอัพไปเป็นอีกหนึ่งเซอร์วิส ภายใต้การบริหารจัดการของสมาร์ท เซอร์วิส แอนด์ แมเนจเมนท์ เพื่อให้บริการแก่ลูกบ้านที่สมาร์ทบริหารจัดการกว่า 370 โครงการอีกด้วย” นายวิทการ กล่าว
โดยในปี 2566 นี้บริษัทฯได้ตั้งงบซื้อที่ดินไว้ที่ 20,000 ล้านบาท สำหรับรองรับการซื้อที่ดินในการพัฒนาโครงการในอนาคต ขณะที่มูลค่ายอดขายรอโอนของบริษัทอยู่ที่ 42,000 ล้านบาท โดยเป็นโคบงการแนวราบ 23,000 ล้านบาท ที่จะทยอยโอนเข้ามาในปีนี้ ส่วนคอนโดมิเนียมมี Backlog อยู่ที่ 19,000 ล้านบาท จะทยอยโอนไปจนถึงปี 2568 ซึ่งในปีนี้จะมีคอนโดมิเนียมใหม่ที่สร้างเสร็จโอนเข้ามา 4 โครงการ
3.PEOPLE & SOCIAL ร่วมขับเคลื่อนสังคมให้เติบโตไปร่วมกัน ด้วยการสานต่อความตั้งใจที่จะเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพ “คน”ด้วยการมอบทักษะแห่งอนาคตแก่ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานในเครือ นิสิต นักศึกษา หรือบัณฑิตผู้พิการ เพื่อสนับสนุนให้ทุกคนมีชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้ ผ่านโครงการเพื่อสังคมต่างๆ ที่ทำอย่างต่อเนื่อง อาทิ AP OPEN HOUSE โปรแกรมฝึกงานในฝันของนิสิตนักศึกษาทั่วประเทศ ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 จนได้รับการยอมรับว่าเป็นโปรแกรมการฝึกงานที่ดีที่สุดในประเทศไทย หรือแคมเปญ I AM POWER ที่จัดขึ้น เพื่อเอ็มพาวเวอร์บัณฑิตผู้พิการให้มีโอกาสเข้าถึงทักษะการทำงานใหม่ๆ
นายเมธา รักธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าทาวน์โฮม บริษัท เอพี (ไทยแลนด์)จำกัด (มหาชน) หรือ AP กล่าวว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมากลุ่มธุรกิจทาวน์โฮมเอพีฯมีอัตราการเติบโตที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะด้านยอดขายที่เติบโตกว่า 30% ในปีที่ผ่านมา และโตกว่า 90% หากเทียบกับปี 2562 สำหรับในปีนี้กลุ่มธุรกิจทาวน์โฮม ตั้งเป้าสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ภายใต้โรดแมป “Unlock Vertical Life พื้นที่ชีวิตแนวตั้ง ที่เลือกเองได้” เพื่อยังคงครองภาพการเป็นผู้นำตลาดทาวน์โฮมในเมือง ในปีนี้กลุ่มธุรกิจทาวน์โฮมเตรียมเปิดตัวทาวน์โฮมใหม่จำนวน 27 โครงการ มูลค่า 26,400 ล้านบาท ครอบคลุมครบทั้ง 6 Sub-Brand ตั้งแต่ระดับราคา 1.69 – 25 ล้านบาท โดยไฮไลต์สำคัญคือ การขยายพอร์ตสินค้าในกลุ่มบ้านแฝดมากยิ่งขึ้น ด้วยแบรนด์บ้านกลางเมือง THE EDITION (ดิ อิดิชั่น) ซึ่งเป็นแบรนด์บ้านแฝด 3 ชั้น ที่มีหน้ากว้างที่มากสุดถึง 12.8 เมตร และ GRANDE PLENO (แกรนด์ พลีโน่) เป็นบ้านแฝด 2 ชั้น หน้ากว้าง 13.5 เมตร รวมถึงการเปิดตัว Luxury Townhome ซึ่งทำเลใหม่ในปีนี้คือ บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ รัชโยธิน คาดว่าจะพร้อมเปิดตัวในช่วงประมาณไตรมาส 3/2566
นายรัชต์ชยุตม์ นันทโชติโสภณ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว บริษัท เอพี (ไทยแลนด์)จำกัด (มหาชน) หรือ AP กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจบ้านเดี่ยวยังคงเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น ทั้งในมิติด้านมูลค่าโครงการและจำนวนโครงการที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว โดยในปีนี้เตรียมเปิดบ้านเดี่ยวใหม่ จำนวน 22 โครงการ มูลค่า 34,800 ล้านบาท โดยไฮไลต์สำคัญคือ การรุกเข้าชิงส่วนแบ่งตลาดบนใน 2 เซกเมนต์ คือ บ้านเดี่ยวระดับ Luxury ราคา 20 – 50 ล้านบาท และบ้านเดี่ยวระดับ Super Luxury ราคา 50 – 100 ล้านบาท โดยเตรียมเปิดตัว THE CITY (เดอะ ซิตี้) บ้านเดี่ยวโมเดลใหม่ ขนาดพื้นที่ 100-127 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยประมาณ 386-560 ตารางเมตร ใน 3 โครงการ ได้แก่ THE CITY จรัญฯ – ปิ่นเกล้า จำนวน 58 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,350 ล้านบาท ซึ่งจุดเด่นของโครงการนี้คือ แบบบ้านสไตล์อังกฤษ พร้อมห้องใต้หลังคา ที่มีให้เลือก 4 โมเดล, THE CITY ปิ่นเกล้า-บรมฯ 3 จำนวน 68 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,420 ล้านบาท กับแบบบ้าน 3 แบบในสไตล์ Modern Classic และ THE CITY สุขุมวิท-อ่อนนุช 2 จำนวน 64 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,380 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 3 โครงการพร้อมเปิดขายในไตรมาส 1 นี้
นอกจากนั้น ในปีนี้กลุ่มธุรกิจบ้านเดี่ยวไม่หยุดนิ่งที่จะมองหาโอกาสในการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวในทำเลเมือง โดยมีเป้าที่จะเปิดตัวโครงการบ้านกลางกรุง บ้านเดี่ยวขนาด 4-5 ชั้นในทำเลเมือง หลังจากที่โครงการบ้านกลางกรุงสาธุประดิษฐ์ – พระราม 3 ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2564 ประสบความสำเร็จ รวมถึงการอัพสเกลคฤหาสน์หรู THE PALAZZO (เดอะ พาลาสโซ่) เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มมั่งคั่งอีกด้วย
นางสาวกมลทิพย์ บำรุงชาติอุดม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าคอนโดมิเนียม บริษัท เอพี (ไทยแลนด์)จำกัด (มหาชน) หรือ AP กล่าวว่า ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในปี 2566 นี้น่าจะฟื้นตัวกลับเข้าสู่ภาวะใกล้เคียงกับปีก่อนเผชิญโควิด-19 ซึ่งหากดูจากยอดขายคอนโดมิเนียมเครือเอพีในปีที่ผ่านมา จะพบว่ามีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่า หรือคิดเป็น 11,440 ล้านบาท โดยในปีนี้กลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียม เตรียมเปิดตัว 4 คอนโดมิเนียมใหม่ มูลค่ารวม 11,800 ล้านบาท
ซึ่งนอกจากแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ที่ทางกลุ่มธุรกิจคอนโดพร้อมเดินหน้าอย่างเต็มที่แล้ว สิ่งหนึ่งที่ทางกลุ่มธุรกิจคอนโดจะร่วมผลักดันให้เป้าหมาย Inclusive Growth ในภาพใหญ่เอพี ไทยแลนด์ประสบความสำเร็จนั้น ประกอบด้วย การสานต่อความร่วมมืออย่างต่อเนื่องกับทางมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป ซึ่งปีนี้ถือเป็นการครบรอบ 10 ปีของความร่วมมือระหว่างเอพี ไทยแลนด์กับทางมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป โดยที่ผ่านมาทั้ง 2 บริษัทพัฒนาคอนโดมิเนียมร่วมกันมาแล้วทั้งสิ้น 21 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 100,000 ล้านบาท และยังคงมีแนวคิดร่วมกันที่จะผลักดันการพัฒนาคอนโดมิเนียมไทยให้ตอบโจทย์การอยู่อาศัยร่วมกันของทุกคน (Inclusive Living) มากยิ่งขึ้น นอกจากนั้น ในปีนี้กลุ่มธุรกิจคอนโดฯเตรียมส่งมอบ 4 คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ มูลค่ารวมกว่า 16,200 ล้านบาท โดยมีทั้งคอนโดฯในเซกเมนต์ Prestige Lux อาทิ THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี (ดิ แอดเดรส สยาม-ราชเทวี) คาดว่าจะพร้อมส่งมอบประมาณ ไตรมาส 3, คอนโดในเซกเมนต์ Luxury กับ RHYTHM เจริญกรุง พาวิลเลี่ยน (ริธึ่ม เจริญกรุง พาวิลเลี่ยน) ที่เปิดตึกพร้อมโอนกรรมสิทธิ์เป็นที่เรียบร้อย และ ASPIRE (แอสปาย) จำนวน 2 โครงการ กับ ASPIRE ปิ่นเกล้า-อรุณอมรินทร์ และ ASPIRE รัตนาธิเบศร์ เวสต์ตัน ซึ่งทั้ง 2 โครงการ เป็น ASPIRE คอนโดฯ ในคอนเซ็ปต์ใหม่ที่ก่อสร้างเสร็จเป็น 2 โครงการแรก