CHEWA อัดงบซื้อที่ 1.7 พันล้าน ปักหมุด 7 โครงการใหม่ เปิดกว้างพันธมิตรร่วมทุนต่อเนื่อง

  • Post author:
You are currently viewing CHEWA อัดงบซื้อที่ 1.7 พันล้าน ปักหมุด 7 โครงการใหม่  เปิดกว้างพันธมิตรร่วมทุนต่อเนื่อง
ชีวาทัยฯเปิดแผนปี 66 อัดงบ 1,700 ล้านบาท ซื้อที่ดินผุดบ้านคอนโดฯ 7 โครงการ รวมมูลค่า 6,350 ล้านบาท พร้อมรุกธุรกิจบ้านมือสอง เผยรายได้ตะ1,000 ล้านบาท เตรียมนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯในอนาคต ทั้งเปิดกว้างพันธมิตรร่วมทุนพัฒนาโครงการต่อเนื่องลุยโปรโมชั่นจัดเต็ม ทั้งพาลูกค้าเที่ยวจอร์เจีย จัด MEGA SALES และโปรแกรมช่วยเหลือคนอยากมีบ้าน ตั้งเป้ายอดขายแตะ 3,100 ล้านบาท และรายได้รวมที่ 2,400 ล้านบาท
 นายบุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) หรือ CHEWA เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯปี 2566 ว่า มีแนวโน้มเติบโตตามการฟื้นตัวของสภาพเศรษฐกิจ ซึ่งได้รับปัจจัยบวกจากภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง แต่ก็มีอีกหลายปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบกับการเติบโต ไม่ว่าจะเป็น ราคาอสังหาฯ ที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากโครงการที่อยู่อาศัยที่เป็นต้นทุนเดิมมีอยู่ในตลาดค่อนข้างน้อย ดังนั้นโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวใหม่ส่วนใหญ่ จะเป็นการคำนวณราคาจากต้นทุนใหม่ที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากปัจจัยจากภาวะเงินเฟ้อ ค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับตัวขึ้น และต้นทุนก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นทั้งจากค่าวัสดุก่อสร้าง รวมทั้งราคาพลังงานซึ่งเป็นทั้งต้นทุนการผลิตและต้นทุนในการขนส่ง อีกหนึ่งปัจจัยคือการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของภาครัฐ ซึ่งส่งผลให้ดอกเบี้ยเงินกู้และดอกเบี้ยเงินฝากปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ซื้อบ้านต้องส่งค่างวดสูงขึ้นกว่าเดิม หรือใช้เวลาในการผ่อนชำระนานมากขึ้น สถาบันการเงินหรือธนาคารจะมีหลักเกณฑ์พิจารณาการอนุมัติสินเชื่อเข้มงวดมากขึ้นอีกสำหรับลูกค้า วงเงินกู้ที่ผ่านการอนุมัติอาจได้รับลดลง แม้ว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาฯ ของภาครัฐออกมาเป็นระยะ แต่อาจไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นการเติบโตของตลาดในภาพรวมได้

ทั้งนี้ในปี 2565 ที่ผ่านมา แม้จะมีสถานการณ์ต่างๆที่อาจส่งผลกระทบต่อสภาวะตลาดอสังหาฯโดยรวม ประกอบกับตลาดของชาวต่างประเทศจะยังไม่กลับมาเต็มรูปแบบนัก บริษัทฯ ยังมีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าจีดีพีในปีนี้จะเติบโตขึ้นจากปี 2565 ที่ผ่านมา  และยังคงพัฒนาโครงการที่เน้นกลุ่มเป้าหมายคนไทยเป็นหลักเหมือนเช่นที่ผ่านมา แม้ว่าในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา จะทำให้อสังหาฯรายใหญ่มาชิงส่วนแบ่งตลาดคนไทยไป ทำให้การแข่งขันสูง และส่งผลกระทบต่อบริษัทพอสมควร แต่หลังจากที่จีนประกาศเปิดประเทศแล้ว  อสังหาฯรายใหญ่ก็จะกลับไปเจาะตลาดต่างชาติเหมือนเดิม โดยเฉพาะชาวจีน ซึ่งคาดว่ากลุ่มนักลงทุนจีน จะกลับมาในช่วงไตรมาส 2-3 นี้ ขณะเดียวกันการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเดือนพฤษภาคม นี้ จะยิ่งส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจและอสังหาฯไทย

“ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19  ทำให้คอนโดฯชะลอตัว จึงเป็นข้อดีที่ทำให้ตลาดมีเวลาในการปรับตัวให้ซัพพลายและดีมานด์ มีความสมดุล สำหรับกลุ่มดีมานด์ระดับกลาง-บน ยังมีกำลังซื้อสูง มีเงินออมมากและมีวินัยด้านการเงินสูง หากรัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องเครดิตบูโรได้ ก็จะช่วยให้ดีมานด์สามารถซื้อที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น” นายบุญ กล่าว

สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2566 จะเปิดตัวบ้านเดี่ยวแบรนด์ชีวารมย์ 1 โครงการ คือโครงการ “ชีวารมย์ นิว ราชพฤกษ์” อยู่บริเวณถนนราชพฤกษ์ตัดใหม่ (ถนนหมายเลข 346) มูลค่าโครงการประมาณ 687 ล้านบาท  ซึ่งคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2566  นอกจากนี้ บริษัทฯยังวางแผนเพื่อหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการเพิ่มเติม ตามเป้าหมายภายในปี 2566 นี้ อีก 7 โครงการมูลค่าโครงการรวม 6,350 ล้านบาท ( วงเงินค่าที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการ ประมาณ  1,700 ล้านบาท) เป็นโครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ แบรนด์ “ชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค” 2โครงการ มูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท ,โครงการคอนโดมิเนียมตึกสูง แบรนด์ “ชีวาทัย” 1 โครงการ มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท , โครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ แบรนด์ “ชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค ไลท์”  1 โครงการ มูลค่า 700 ล้านบาท , บ้านเดี่ยวแบรนด์ “ชีวารมย์” 2 โครงการ มูลค่า 1,500 ล้านบาท และทาวน์โฮมแบรนด์ “ชีวาโฮม” 1 โครงการ มูลค่าประมาณ 800 ล้านบาท โดยขณะนี้ซื้อที่ดินสำหรับพัฒนาคอนโดฯโลว์ไรส์ได้แล้ว 1 แปลง และขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการเจรจาซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาคอนโดฯโลว์ไรส์ อีก 2 แปลง

นอกจากนี้บริษัทยังคงค้นหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และเปิดรับการร่วมลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในการขยายงานของธุรกิจขายบ้านมือสอง ดำเนินการในนามบริษัท ชีวารีนิว จำกัด ซึ่งเป็นการนำทรัพย์รอการขาย (NPA) ที่ประมูลได้จากกรมบังคับคดี และทรัพย์ที่ได้จากการร่วมมือกับพันธมิตร คือ บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ SAWAD ซึ่งได้นำมาทรัพย์ที่เป็นบ้านในหมู่บ้าน ของบริษัทอสังหาฯรายใหญ่ มารีโนเวท และขาย ปรากฎว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าที่สนใจบ้านมือสองเข้ามาซื้อต่อเนื่อง โดยในปี 2565 ที่ผ่านมาสามารถนำทรัพย์ NPA มาเสนอขายได้ 38 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 98 ล้านบาท ปัจจุบันสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้กว่า 17 ล้านบาท

ส่วนในปี 2566 นี้ตั้งเป้านำทรัพย์ NPA เข้ามาขายอีก 100 รายการ โดยจะมีการซื้อผ่านบริษัทบริหารสินทรัพย์เพิ่ม โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาไปประมูล ซึ่งวางเป้าหมายรายได้ในปี 2567 ไว้ที่ 10% หรือ 300 ล้านบาท จากรายได้รวม  และมองว่าหากธุรกิจขายบ้านมือสองของบริษัทฯสามารถทำรายได้ขึ้นไปแตะ 1,000 ล้านบาท ได้เตรียมวางแผนที่จะนำธุรกิจดังกล่าวเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วย

“ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่ผ่านมา ตลาดบ้านมือสองมีอัตราการเติบโตเป็นอย่างมาก  ดีมานด์มีความต้องการอีกมาก โดยสนใจบ้านในทำเลที่เป็นชุมชนที่ไม่ค่อยมีที่ดินทำเลดีแล้ว และเลือกซื้อเฉพาะบ้านที่อยู่ในโครงการของบริษัทอสังหาฯรายใหญ่เท่านั้น เพราะจะมีการบริหารจัดการที่ดี”นายบุญ กล่าว

ขณะที่การลงทุนในการเข้าเทกโอเวอร์โครงการและการร่วมทุนของบริษัทยังมีอยู่ต่อเนื่อง โดยที่บริษัทยังมองโอกาสการเจรจาซื้อโครงการจากผู้พัฒนารายอื่นที่สนใจขาย ซึ่งยังคงเป็นโครงการคอนโดมิเนียม ระดับกลาง ราคาขายเฉลี่ย 75,000-80,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งเป็นระดับราคาที่บริษัทมีความชำนาญในตลาดดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาอยู่กับเจ้าของโครงการที่สนใจขายอยู่ 2 ราย รวมถึงการร่วมทุนกับเจ้าของที่ดินในการพัฒนาโครงการร่วมกัน ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับเจ้าของที่ดินอยู่ 2-3 รายเช่นกัน

อย่างไรก็ตามในด้านกลยุทธ์ทางการตลาด โดยตั้งแต่ต้นปี 2566 ที่ผ่านมาได้จัดโปรโมชั่นสำหรับลูกค้ามากมาย ตามกลุ่มเป้าหมายแต่ละโครงการ อาทิ โปรโมชั่น  “คุ้มแน่! จอง 0 บาท รับทัวร์จอร์เจียทุกยูนิต” โดยมอบสิทธิพิเศษนี้สำหรับลูกค้าที่จองและโอนคอนโดฯ 3 ทำเลศักยภาพ ( ชีวาทัย เกษตร-นวมินทร์ , ชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค ลาดพร้าว-โชคชัย 4 และชีวาทัย ปิ่นเกล้า) ตั้งแต่ 15 มกราคม – 31 มีนาคม 2566 ทุกห้องจะได้รับแพ็กเกจท่องเที่ยวและตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ประเทศจอร์เจียร์ จำนวน 1 สิทธิ์ มูลค่า 40,000 บาท ซึ่งหลังจากที่เปิดตัวออกไปก็ได้รับกระแสตอบรับค่อนข้างดี มีลูกค้าให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก คิดว่าโปรโมชั่นนี้ น่าจะตอบโจทย์ผู้บริโภคที่สุด ที่ได้ทั้งที่อยู่อาศัยใหม่ และได้แพ็กเกจท่องเที่ยวต่างประเทศด้วย

นอกจากคอนโดฯแล้ว ชีวาทัยยังเตรียมช่วยเหลือผู้ที่อยากมีบ้าน แต่อาจมีปัญหาด้านการกู้สินเชื่อ ด้านข้อมูลอสังหา กับโครงการ “อยากซื้อบ้านเจอแต่ปัญหา มาหาชีวาทัย” ที่จะเปิดตัวเร็วๆ นี้ เพื่อช่วยคนอยากมีบ้าน ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมตัว เตรียมสินเชื่อ การเลือกโครงการที่ใช่ โดยจะมีการเปิดตัวทีมงานมืออาชีพ เพื่อช่วยลูกค้าทุกคน คาดว่าจะเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับคนที่อยากมีบ้านแต่ยังกังวลเรื่องการกู้สินเชื่อ หรือต้องการที่ปรึกษา นอกจากนี้ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ มิถุนายน และกันยายนของปีนี้ จะมีการจัดโปรโมชั่นใหญ่ของชีวาทัย MEGA SALES” เพื่อคืนกำไรแก่ลูกค้าตลอดปี คาดว่าจะได้รับความสนใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

ส่วนเรื่องการดูแลลูกค้า เป็นสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญเป็นอันดับ 1 “ชีวาทัย” ยังคงเดินหน้าพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการหลังการขายจาก “ ชีวาแคร์ ” อย่างต่อเนื่อง  เพื่อตอกย้ำ และก้าวเป็นที่ 1 ในใจลูกค้าด้านคุณภาพและบริการ ( สำหรับกลุ่มบริษัทอสังหาฯ ช่วงรายได้ไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ) พร้อมกันนี้ยังคงเดินหน้ารักษาคุณภาพสินค้าให้ลูกค้าตรวจ Zero Defect ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ลูกค้าที่มาซื้อโครงการกับชีวาทัย ได้สิ่งที่ดีที่สุดตั้งแต่บริการก่อนการขายตลอดจนถึงบริการหลังการขาย พร้อมสิทธิพิเศษและบริการมากมายจากเราอีกด้วย

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,148 ล้านบาท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 120 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70 % จากปีก่อน ส่วนในปี 2566 คาดว่าจะมียอดขายประมาณ 3,100 ล้านบาท และรายได้รวมที่ 2,400 ล้านบาท

 

 

toppercool

CEO,Prop2morrow Blogger อสังหาฯ , นักการตลาดดิจิตัล สาย Content marketing