ในช่วง 2-3ปีที่ผ่านมาที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด คนซื้อบ้าน–คอนโดฯจำนวนไม่น้อยคงมีประสบการณ์ตรงในการยื่นกู้ขอสินเชื่อกับแบงก์แล้วไม่ผ่าน เพราะสถาบันการเงินจะเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อกันมากขึ้น เนื่องจากมีการปิดตัวของหลายๆกิจการ รวมถึงการลดเงินเดือนและการหยุดงานโดยไม่จ่ายเงินเดือน ทำให้คนยื่นกู้ขอสินเชื่อบ้านประมาณ40-50 %ที่กู้ไม่ผ่าน จากเดิมที่อาจจะมีแค่ 20-30% เท่านั้น
โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เคยมีรายได้สูง ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธนาคาร เช่น กลุ่มนักบิน พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน กลุ่มมัคคุเทศก์หรือไกด์นำเที่ยว กลุ่มพนักงานโรงแรม ส่งผลให้ผู้กู้ต้องยุ่งยากในการยื่นกู้แบงก์ใหม่ หรือถูกริบเงินจองและเงินผ่อนดาวน์ไปด้วย
ดังนั้นผู้กู้มีรายได้สูง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้รับอนุมัติวงเงินกู้มากกว่าคนที่มีรายได้น้อยเสมอไป เพราะสาเหตุหลักของการกู้ไม่ผ่านนั้น ไม่ได้อยู่ที่รายได้แต่ส่วนใหญ่มาจากตัวผู้กู้เอง เช่น
–มีภาระหนี้สินมากเกินไป โดยทั่วไปธนาคารจะพิจารณาการอนุมัติสินเชื่อจากความสามารถในการชำระหนี้ไม่ให้เกินจุดเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้ ส่วนใหญ่มักจะกำหนดให้ผู้กู้มีหนี้สินได้ไม่เกิน 1 ใน 3 ของรายได้หรือไม่เกิน 40% ของรายได้
–มีภาระหนี้บัตรเครดิตอยู่กับธนาคาร รวมถึงมีบัตรเครดิตติดตัวหลายใบและกดเงินสดออกมาใช้บ่อยๆ แต่ชำระขั้นต่ำเป็นประจำ ก็มีผลต่อการพิจารณาสินเชื่อของแบงก์ด้วย เพราะภาระหนี้บัตรเครดิตก้อนนี้จะถูกนำไปคิดรวมกับค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนด้วย ดังนั้นในละเดือนควรเคลียร์หนี้ด้วยการจ่ายยอดเต็มจำนวนวงเงินที่ใช้ไป แต่หากจ่ายได้ไม่เต็มจำนวนก็พยายามจ่ายยอดให้เยอะที่สุด
–มีประวัตรติดแบล็คลิสต์หรือมีปัญหาหนี้สินเก่า เช่น เคยค้างชำระหนี้ ถูกพักชำระหนี้จากธนาคารหรือเคยถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ซึ่งข้อมูลส่วนนี้จะถูกบันทึกไว้ในรายงานของเครดิตบูโร หากผู้กู้ไม่ดำเนินการชำระหนี้ให้หมดก่อนจะยื่นกู้ รายงานข้อมูลเครดิตก็จะมีความผิดปกติ ทำให้ถูกปฏิเสธสินเชื่อจากแบงก์ได้
– เอกสารไม่ครบ ธนาคารแต่ละแห่งจะมีเงื่อนไขในการยื่นขอสินเชื่อที่แตกต่างกัน ผู้กู้ควรสอบถามรายละเอียด เงื่อนไขการกู้ขอสินเชื่อว่าต้องใช้หลักฐานอะไรบ้าง และยื่นหลักฐานขอกู้ให้ครบตามที่ธนาคารกำหนด โดยเอกสารพื้นฐานที่ต้องเตรียมไว้ เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สลิปเงินเดือนย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือน รวมถึงหนังสือรับรองเงินเดือน เป็นต้น
ซึ่งประวัติเหล่านี้นอกจากจะทำให้เครดิตของผู้กู้เสียแล้ว ยังทำมีโอกาสที่ธนาคารเจ้าหนี้จะไม่อนุมัติสินเชื่อให้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากมีแนวโน้มความเสียงในการไม่ชำระคืนเงินกู้สูง วิธีแก้ที่ดีที่สุด คือ ควรเคลียร์หนี้ทุกอย่างให้หมดเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ภาระหนี้ตามติดตัวคุณไปเรื่อยๆ จนไม่สามารถกู้ได้ในอนาคต
ที่สำคัญควรมีเงินฝากหรือเงินเก็บฝากไว้ในธนาคาร ถือเป็นหนึ่งตัวช่วย ที่ทำให้ธนาคารเห็นว่าผู้ยื่นกู้มีวินัยทางการเงิน ช่วยให้อนุมัติสินเชื่อได้ง่ายยิ่งขึ้น เพราะสิ่งที่ธนาคารคาดหวังจากผู้กู้ คือ การชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยครบตามกำหนดสัญญาที่ทำไว้กับธนาคาร หลายๆธนาคารมักจะต้องเรียกดูสมุดบัญชีย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือน
ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจทำเรื่องยื่นกู้กับธนาคาร ผู้กู้ต้องเตรียมตัวให้พร้อมด้วยการตรวจสอบสถานะทางทางเงินก่อนว่าต้องมีรายได้มากกว่า 3 เท่าของอัตราผ่อนชำระรายเดือนหรือไม่ เพราะปกติแบงก์จะกำหนดเงินค่างวดประมาณ 25 – 30% ของรายได้ต่อเดือน