3 นายกฯชงการบ้านรัฐบาลใหม่ เร่งขับเคลื่อนอสังหา-ผ่อนขึ้นค่าแรง-ฟื้นส่งออก

  • Post author:
You are currently viewing 3 นายกฯชงการบ้านรัฐบาลใหม่ เร่งขับเคลื่อนอสังหา-ผ่อนขึ้นค่าแรง-ฟื้นส่งออก
นายกสมาคมอสังหาฯฝากการบ้านรัฐบาลชุดใหม่ช่วยภาคอสังหาฯ ดันเรื่องร่างผังเมืองกทม.-ดอกเบี้ย และบ้านระดับกลาง-ล่าง ด้านสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร แนะศึกษานโยบายให้รอบคอบ เร่งเดินหน้าเศรษฐกิจอย่างชัดเจน อย่าสร้างความขัดแย้ง ขณะที่สมาคมอาคารชุดไทยเสนอแก้ปัญหาการส่งออก ปรับขึ้นค่าแรงทีละสเต็ป ชงออกวีซ่า 3-5 ปี เอื้อนักลงทุนต่างชาติซื้อที่อยู่อาศัยระดับราคา 3-5 ล้านบาท หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ
ฝากพิจารณา 3 เรื่องหลักเอื้อผู้ประกอบการ-คนอยากมีบ้าน
นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผยภายหลังจากที่ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อย่างไม่เป็นทางการพบว่าพรรคก้าวไกลสามารถทำคะแนนนำเป็นอันดับ 1 และพรรคเพื่อไทย มีคะแนนเป็นอันดับ 2 ว่า หากมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่แล้วยังใช้วิธีประชานิยม ก็เท่ากับเป็นการรีดภาษามากกว่าลดภาษีมากกว่า ดังนั้นหากเป็นไปได้ก็อยากให้ช่วยดำเนินการใน 3 เรื่องหลัก คือ

1.ร่างผังเมืองรวมกรุงเทพฯ(กทม.)ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 4 จากเดิมที่เคยตั้งเป้าว่าจะประกาศใช้ในช่วงปลายปี 2563 ก่อนขยับมาเป็นปี 2564 แต่สถานการณ์ต่างๆทำให้ต้องเลื่อนการประกาศใช้ไปอีกประมาณ 2 ปี ซึ่งมองว่า “ล่าช้า” เพราะการซื้อที่ดินย่านชานเมืองกรุงเทพฯนั้นมีผลกับการพัฒนาที่เอื้อกับแนวรถไฟฟ้าสายสีต่างๆเป็นอย่างมาก เพราะผังเมืองรวมกทม.ฉบับเดิมนั้นคงไม่เอื้อในการดำเนินธุรกิจที่อยู่อาศัย

“มองว่าหากผังเมืองรวมฯฉบับใหม่มีการประกาศใช้ ก็เกรงว่าจะเป็นการเอื้อผู้ประกอบการรายใหญ่เช่นเดิม และหากจะสั่งให้แบงก์ช่วยปล่อยกู้สินเชื่อคงไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งมองว่าสถานการณ์สถาบันการเงินโลก ยังไม่หมดวิกฤติ โดยจะมีแบงก์ระดับกลางล้มอีกอย่างแน่นอน ซึ่งตอนนี้สถานการณ์แบงก์เป็นเหมือนกันทั่วโลก” นายพรนริศ กล่าว

2.เรื่องอัตราดอกเบี้ย ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการระดับกลาง-เล็ก เป็นอย่างมาก ในขณะที่ผู้ประกอบการายใหญ่กลับมียอดขายที่เติบโตกันแทบทั้งสิ้น หากนายเศรษฐา ทวีสิน ได้เป็นฝ่ายรัฐบาล ก็ต้องแก้ไขปัญหากลุ่มบ้านระดับกลาง-ล่าง ให้ได้ เพราะปัจจุบันราคาที่ดินปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสถาบันการเงินก็ไม่ค่อยรองรับลูกค้ากลุ่มดังกล่าว ซึ่งมองว่าขณะนี้มองไม่เห็นปัจจัยที่จะเอื้อการพัฒนาบ้านระดับกลาง-ล่าง แต่อย่างใด ส่วนที่อยู่อาศัยระดับกลาง-ล่าง ที่พัฒนาเพื่อนให้เช่า บนที่ดินของหน่วยงานภาครัฐ ก็มองว่ากฎหมายในปัจจุบันยังไม่เอื้อในการพัฒนาแต่อย่างใด

“อสังหาฯก็เปรียบเสมือนอ่างใบใหญ่ 1 ใบ เมื่อผู้ประกอบการต่างเบ่งยอดขายกันทั้งหมด แต่อ่างก็มีขนาดเท่าเดิม ทำให้ผู้ประกอบการรายกลาง-เล็ก ตายกันหมด เพราะแบงก์ยังเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเหมือนเดิม ขณะเดียวกันราคาที่ดินและค่าก่อสร้างก็แพงขึ้น แต่รายใหญ่กลับมีผลประกอบการเติบโตขึ้นทุกราย”นายพรนริศ กล่าว

3.เรื่องบ้านระดับกลาง-ล่าง ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับกลาง-ล่าง แค่เพียงหลักร้อยเท่านั้น ส่วนผู้ประกอบการรายใหญ่ แม้จะมีพัฒนากันบ้างแต่ก็ไม่สามารถทำยอดขายได้มาก เพราะมียอดReject มาก ทำให้หลายรายหันไปพัฒนาบ้านราคาสูงกันมากขึ้น เพื่อรักษายอดขายของตนเองเอาไว้ให้ได้มากที่สุด ในขณะที่ดีมานด์บ้านระดับกลาง-ล่างก็ยังมีมากอยู่ ซึ่งรัฐบาลชุดใหม่ต้องมองโอกาสของคนอยากมีบ้านให้มีบ้านมากขึ้น มิเช่นนั้นจะเกิดปัญหาอย่างรุนแรงแน่นอน ซึ่งจะต้องแก้ไขกฎหมายอีกมาก หากจะมอบหมายให้การเคหะแห่งชาติ(กคช.)ดำเนินการเพียงองค์กรเดียว ก็มองว่ากลไกในการดำเนินการก็คงเป็นในรูปแบบเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด

“ปัจจุบันกลุ่มผู้สูงวัยเริ่มมีมากขึ้น ขณะที่วัยหนุ่มสาวเริ่มน้อยลง ซึ่งเป็นกลุ่มที่อยากมีที่อยู่อาศัย แต่กลับไม่อยู่ในฐานภาษี เพราะส่วนใหญ่ไปเป็นสตาร์ทอัพ และไม่ทำงานประจำ แม้มีปัญหาซื้อที่อยู่อาศัย แต่ก็ไม่ผ่านเกณฑ์ของแบงก์ หากจะรอรับมรดกจากกลุ่มผู้สูงวัย ก็คงต้องรอให้กลุ่มพวกนี้เสียชีวิตไปก่อน ซึ่งหาจะรอมรดกด้านที่อยู่อาศัย ก็คงต้องให้มีผู้สูงอายุเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก จึงจะเพียงพอการอยู่อาศัย โดยที่ผ่านมาพบว่ากลุ่มที่มีปัญญาซื้อที่อยู่อาศัยและมีฐานภาษีนั้นมีแค่ 3-4 ล้านคนเท่านั้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการทุกรายต่างหันมาแย่งชิงเค้กกลุ่มนี้กันหมด และในกลุ่มพวกนี้บางคนก็มีบ้านหลังแรกอยู่แล้ว ส่งผลให้รายใหญ่หันไปจับลูกค้าต่างชาติกันมากขึ้น และปัญหานอมินี-การขายชาติก็ตามมาอีก ซึ่งพรรคไนที่จะสนับสนุนธุรกิจอสังหาฯ ก็ต้องรับหอก รับดาบตรงนี้แน่นอน ดังนั้นรัฐบาลชุดใหม่ก็ต้องมองถึงการเพิ่มโอกาสของคนอยากมีที่อยู่อาศัยด้วย”นายพรนริศ กล่าวในที่สุด

เร่งฟื้นเศรษฐกิจให้เดินหน้า-ไม่สร้างความขัดแย้ง

นายวสันต์ เคียงศิริ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสร กล่าวว่า มีโอกาสค่อนข้างมากที่ฝ่ายค้านจะกลับมาเป็นรัฐบาลที่ได้มาแสดงฝีมือ แต่ใครก็ตามเมื่อเป็นรัฐบาล ก็ขอร้องอย่าสร้างความขัดแย้งเพิ่มเติม ควรเดินไปด้วยกัน  เพราะประเทศไทยต้องเดินไปข้างหน้า และหากเมื่อรัฐบาลชุดใหม่ได้เข้าไปทำงานแล้ว ก็อยากให้ศึกษานโยบายให้รอบคอบ ดูแลในเรื่องภาพใหญ่ก่อนว่าจะเดินหน้าเศรษฐกิจอย่างไร เพราะปัจจุบันเศรษฐกิจโลกยังไม่ได้ฟื้นตัวดีมากนัก ส่วนเรื่องค่าแรงขั้นต่ำปัจจุบันอยู่ที่ 328-354 บาท/วัน ซึ่งต้องดูว่าจะช่วยแรงงานจริงหรือจะถ่วง เพราะการปรับขึ้นค่าแรงมีผลกระทบแน่นอน ทั้งค่าครองชีพ,เงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ย ที่ปรับขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลชุดใหม่ เร่งดำเนินการแก้ไขภาพใหญ่ คือ เรื่องเศรษฐกิจให้ชัดเจนก่อน ซึ่งต้องรอให้ตั้งทีมเศรษฐกิจและมีนโยบายที่ชัดเจนออกมาเสียก่อน

ชงออกวีซ่า 3-5 ปี เอื้อนักลงทุนต่างชาติซื้อที่อยู่อาศัย-กระตุ้นเศรษฐกิจฟื้นตัวเร็ว

นายพีระพงศ์ จรูญเอก นายกสมาคมอาคารชุดไทย และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน)หรือ ORI กล่าวว่า เสียงประชาชนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ก็เห็นด้วยกับรัฐบาลข้างมาก ซึ่งนโยบายของทั้ง 2 พรรค คือก้าวไกล และเพื่อไทย ก็ดีแล้ว หากก่อตั้งรัฐบาลเสร็จ คงห่วงเรื่องงบประมาณปี 2567 ซึ่งต้องรีบจัดตั้งให้แล้วเสร็จโดยเร็วก่อนเดือนกันยายน 2566 เพื่อให้ทันใช้กับงบประมาณในปี 2567

ส่วนแนวทางในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ต้องมีการเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด คือการแก้ปัญหาและส่งเสริมด้านการส่งออก เนื่องจากขณะนี้ผู้ส่งออกได้รับผลกระทบอย่างมากจากปัญหาดีมานด์ในตลาดโลกที่ลดลง ส่งผลให้ยอดการส่งออกลดลงไปด้วย โดยรัฐบาลไทยควรจะมีการเจรจาจัดทำในความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement: FTA)ให้มีมากขึ้นจากเดิม เนื่องจาก FTA เดิมของรัฐบาลที่เซ็นไว้มีน้อยฉบับเกินไป ทำให้ เสียเปรียบเวียดนามซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญ

ด้านค่าแรงก็อยากให้ปรับขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า  เช่น จาก 350 บาท/วัน เป็น 400 บาท/วัน ไปก่อน มิเช่นนั้นจะเกิดภาวะเงินเฟ้ออย่างแน่นอน สุดท้ายภาระจะกระทบกับทุกคน

สำหรับการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศนั้น ที่อยากให้ช่วยเหลือในเบื้องต้นคือเรื่องการออกวีซ่า (Long-Term Resident Visa : LTR Visa)  ที่เดิมต้องการเป็นการกำหนดวีซ่า เพื่อรองรับชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูง และต้องเป็นผู้พำนักอาศัยในระยะยาว ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก โดยสิทธิประโยชน์ที่ชาวต่างชาติศักยภาพสูงทั้ง 4 กลุ่มจะได้รับ ในส่วนของวีซ่าจะระยะ 10 ปีที่จะได้สิทธิในการเป็นเจ้าของอสังหาฯระยะยาวนั้น อาจจะเป็นไปได้ยาก เนื่องจาก การให้สิทธิพิเศษแก่กลุ่มดังกล่าว ส่งผลด้านบวกต่อธุรกิจอสังหาฯค่อนข้างช้า ในเบื้องต้นขอแค่ 2 เกณฑ์ ที่อยากให้รัฐบาลชุดใหม่ช่วยดำเนินก คือ กระตุ้นให้เกิดการซื้อที่อยู่อาศัยของนักลงทุนและนักท่องเที่ยวต่างชาติระยะสั้น-กลางก่อน  คือ ผู้ที่ซื้อที่อยู่อาศัยระดับราคา 3 ล้านบาท ได้รับการอนุมัติวีซ่า 3 ปี และกลุ่มที่ซื้อที่อยู่อาศัยระดับราคา 5 ล้านบาท ได้รับการอนุมัติวีซ่า 5ปี ทั้งนี้เพื่อสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้เร็วที่สุด


toppercool

CEO,Prop2morrow Blogger อสังหาฯ , นักการตลาดดิจิตัล สาย Content marketing