ทายาทรุ่นสอง “ไทยควอลลิตี้ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์” ชี้ศัยภาพถนนราชพฤกษ์ตัดใหม่ ช่วยสร้างมูลค่าที่ดิน ส่งผลความต้องการที่อยู่อาศัยพุ่ง สบช่องปั้น “วนาสิริ พลัส” โครงการบ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์นเฟสล่าสุด มูลค่า 500 ล้านบาท ในราคาเริ่มต้น 3.5 ล้าน เผยปี 69-70 จ่อนำแลนด์แบงก์อีก 12 ไร่ ผุดทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น และคอนโดฯ Low Rise เจาะกลุ่มคนทำงาน ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแทนการเช่า
นายปกป้อง มะลิ กรรมการผู้จัดการ และทายาทรุ่นที่สอง บริษัท ไทยควอลลิตี้ แลนด์ แอนด์เฮ้าส์ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในย่านปทุมธานี มาตั้งแต่ปี2538 โดยเริ่มจากการพัฒนาอะพาร์ตเมนต์ให้เช่า และโฮมออฟฟิศ จนกระทั่งในปี 2547 ได้เข้าซื้อที่ดิน 2 แปลง จำนวน 100 ไร่ และ 12 ไร่ บริเวณถนนราชพฤกษ์ตัดใหม่ในปัจจุบัน และได้ในปี 2550 ได้เริ่มพัฒนาโครงการแนวราบ รูปแบบบ้านเดี่ยวชั้นเดียว ภายใต้แบรนด์ “วนาสิริ พาร์ควิวล์”เฟสแรก บนพื้นที่ส่วนหนึ่งของที่ดินแปลงใหญ่ 100 ไร่ จำนวน 150 ยูนิต ซึ่งได้รับผลตอบรับดีมาก สามารถปิดการขายได้ภายใน 2 ปี จากนั้นในปี 2559 ได้ทำการพัฒนาบ้านเดี่ยวชั้นเดียว ภายใต้แบรนด์ “วนาสิริ พาร์ควิวล์”เฟส 2 บนที่ดินแปลงเดียวกัน ต่อเนื่องอีกจำนวน 50 ยูนิต ซึ่งสามารถปิดการขายได้ภายใน 2 ปีเช่นเดียวกัน
ปัจจุบัน ไทยควอลิตี้ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ได้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไปแล้วรวมมูลค่าเกือบ 600 ล้านบาท แบ่งเป็น อะพาร์ตเมนต์ 3 แห่ง ซึ่งได้ขายกิจการต่อไปแล้วทั้งหมด หลังทำรายได้เกินจุดคุ้มทุน ,โฮมออฟฟิศ 10 โครงการ ซึ่งปิดการขายไปทั้งหมดแล้ว และโครงการ “วนาสิริ พาร์ควิวล์”2 เฟส ประสบความสำเร็จ สามารถปิดการขายไปเรียบร้อยเช่นกัน
และเนื่องจากในช่วงปลายปี 2561 ได้มีการเปิดให้ใช้บริการถนนราชพฤกษ์ตัดใหม่ ทำให้ศักยภาพของที่ดินมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยก็สูงขึ้นตามไปด้วยบริษัทจึงเห็นโอกาสในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม และในปี 2565 ได้ตัดสินใจพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวชั้นเดียว ภายใต้แบรนด์ “วนาสิริ พลัส” บนที่ดินแปลงเดียวกับโครงการ “วนาสิริ พาร์ควิวล์”ทั้ง 2 เฟส ที่ยังมีแลนด์แบงก์รองรับการพัฒนาโครงการได้ประมาณ 35 ไร่
“หลังเปิดให้บริการถนนราชพฤกษ์ตัดใหม่ ราคาที่ดินในย่านนี้ ได้ปรับสูงขึ้นจากในปี 2547เป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ความต้องการที่อยู่อาศัยในย่านนี้ ก็สูงขึ้นตามไปด้วย ส่วนหนึ่งมาจากคนในพื้นที่ที่ต้องการขยายครอบครัวและซื้อบ้านใหม่ และเนื่องจากเป็นย่านแหล่งงาน มีทั้งโรงงาน และบริษัทเอกชน รวมทั้งอยู่ไม่ไกลจากศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ นอกจากนี้ การมีถนนราชพฤกษ์ตัดใหม่ยังทำให้การเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองและออกต่างจังหวัดทำได้อย่างสะดวก และอยู่ไม่ไกลจากแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง รวมทั้งแนวรถไฟฟ้าสีชมพู (โครงการในอนาคต) ที่สามารถเดินทางเข้าสู่เมืองได้สะดวก รวมทั้งรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอาทิ ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ราชพฤกษ์ เซ็นทรัล เวสเกต ทำให้กลุ่มคนที่ทำงานในเมืองกลุ่มหนึ่ง เลือกที่จะมาซื้อบ้านในย่านนี้ โดยราคาบ้านยังถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่แรงมาก” นายปกป้อง กล่าว
นายปกป้อง กล่าวอีกว่า หลังเปิดให้บริการถนนราชพฤกษ์ตัดใหม่ มีผลให้ที่ดินในย่านนี้กลายเป็นที่ดินที่มีศักยภาพสูง ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในย่านนี้จึงมีการแข่งขันที่สูงขึ้นตามไปด้วย จากเดิมมีแต่ผู้เล่นที่เป็นผู้ประกอบการท้องถิ่น ก็เริ่มมีผู้ประกอบการรายใหญ่เข้ามาพัฒนาโครงการหลายราย ซึ่งสำหรับ “วนาสิริ พลัส”มีความได้เปรียบในด้านต้นทุนค่าที่ดิน ซึ่งเป็นราคาเมื่อ 19 ปีที่แล้ว จึงสามารถให้สิ่งต่าง ๆ กับลูกค้าได้มากกว่า ทั้งพื้นที่ใช้สอย คุณภาพ และราคา
“การที่เราเลือกทำโครงการบ้านเดี่ยวชั้นเดียว เนื่องจากบริษัทมีความเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าในย่านนี้ ซึ่งมักใช้ชีวิตประจำวันอยู่เพียงชั้นใดชั้นหนึ่งของตัวบ้าน ขณะที่ยังต้องการพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านที่กว้างขวาง ตอบโจทย์การอยู่อาศัยของคนในบ้านได้ครบถ้วน
โครงการ “วนาสิริ พลัส” ตั้งอยู่บนพื้นที่ 35 ไร่ พัฒนาในรูปแบบบ้านเดี่ยวชั้นเดียว มีแบบบ้านให้เลือก 3 แบบ เนื้อที่ 55-80 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 185-235 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 3.5 ล้านบาทจำนวน 93 ยูนิต มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 20 ยูนิตโดยในปี 2566 ตั้งเป้ายอดขายจากโครงการดังกล่าวที่จำนวน 36 ยูนิต มูลค่ารวม 142 ล้านบาทขณะที่ตั้งเป้ารับรู้รายได้จากโครงการดังกล่าว 70 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถปิดการขายทั้งโครงการได้ในปี 2567
นายปกป้อง กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทยังมีที่ดินรองรับการพัฒนาในย่านถนนราชพฤกษ์ตัดใหม่อีก 1 แปลง เนื้อที่ 12 ไร่ ซึ่งคาดว่าจะพัฒนาเป็นโครงการทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น ราคา 1 ล้านบาทปลายๆ – 2 ล้านบาทต้นๆ เจาะกลุ่มคนทำงานที่ต้องการซื้อบ้านแทนการเช่า ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวได้ในปี 2569 และหากพิจารณาแล้วว่าทำเลย่านนี้มีศักยภาพเพียงพอที่จะพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวสูงและมีความต้องการซื้อ ก็พร้อมจะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม Low Rise เพิ่มเติมในที่ดินแปลงดังกล่าวภายในปี 2570 อีกด้วย