เมเจอร์ฯเผยบ้านระดับลักชัวรีขึ้นไปดีมานด์ยังมีต่อเนื่อง ล่าสุดลุยปั้นพอร์ตใหม่ Subtle Luxury Collection ครั้งแรก เปิดตัวบ้านอัลตร้า ลักชัวรี แบรนด์ใหม่ “10 & Only” ราคา 80-130 ล้านบาท เพียง 10 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,100 ล้านบาทื พร้อมเปิดขายส.ค.นี้ มั่นใจไร้คู่แข่ง ปิดจ็อบภายในสิ้นปี อนาคตจ่อผุดบ้านหรูต่อเนื่องไม่เกิน 15 ยูนิต ขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส

นางสาวเพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MJD เปิดเผยถึงสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันว่า ไม่มีผลกับอสังหาฯเซกเมนต์ไหนทั้งสิ้น เพราะคนไทยมีความเคยชินกับการเมืองในประเทศไทยมาช้านานแล้ว สำหรับพฤติกรรมการเลือกซื้อบ้านของคนไทยในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่เน้นการอยู่อาศัยคอนโดฯกันมาก แต่ในช่วงวิกฤติโควิด-19 เทรนด์ผู้บริโภคหันมาซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบมากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้บ้านระดับราคา 2-5 ล้านบาท และ 5-10 ล้านบาท จะมีสัดส่วนการซื้อที่สูง แต่ตั้งแต่ปี 2565 ที่ผ่านมาพบว่า สัดส่วนการซื้อบ้านระดับราคา 2-10 ล้านบาท ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นผลมาจากวิกฤติโควิด-19,อัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น และหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มมากขึ้น
ในขณะที่บ้านระดับราคาตั้งแต่ 70 ล้านบาทขึ้นไป ในปี 2565 มีจำนวนโครงการที่เปิดประมาณ 133% จำนวนหลังเพิ่มขึ้น 220% และมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 63% โดยกลุ่มบ้านเดี่ยวระดับลักชูรีที่ให้เน้นเรื่อง Craft and Quality ของวัสดุและการก่อสร้าง และอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญคือฟังก์ชั่นบ้านต้องตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ โดยเมเจอร์ฯมุ่งให้ความสำคัญในเรื่องที่นับเป็นพื้นฐานของทุกโครงการอย่าง Crafting Lifescape to Excellence ที่เน้นการถ่ายทอดศิลปะงานคราฟต์ชิ้นเอกสู่ทุกรายละเอียด ทำให้ลูกค้ามั่นใจในเรื่องของคุณภาพ มาตรฐานการก่อสร้างและวัสดุที่คัดสรร (Best-in-class) และการดีไซน์ที่คงคุณค่าความงาม ภายใต้นิยาม Timeless Design พร้อมทั้งสามารถตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะกลุ่มได้อย่างลงตัว ส่งผลให้หลายโครงการของเมเจอร์ฯ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี อาทิ โครงการมอลตัน เกทส์ กรุงเทพกรีฑา โครงการ “มอลตัน ไพรเวท เรสซิเดนซ์ สุขุมวิท 31” และ “อารีย์” เป็นต้น ประกอบกับในปีนี้ บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์สำคัญ คือ Diversify Revenue เพื่อบาลานซ์สัดส่วนประเภทของธุรกิจหลัก โดยเพิ่มการพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้น ด้วยการตัดสินใจดำเนินการขยายพอร์ตกลุ่มบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้น เพื่อพัฒนาบ้านเดี่ยวที่สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลักชูรีที่มีไลฟ์สไตล์และความต้องการเฉพาะตัว ภายใต้พอร์ตใหม่ คือ Major’s Subtle Luxury Collection พร้อมเปิดแบรนด์ใหม่ “10 & Only (เทน แอนด์ โอนลี่)”
โครงการดังกล่าวเป็นแบรนด์บ้านเดี่ยวระดับอัลตร้า ลักชูรี (Ultra Luxury)สูง 3-4 ชั้น ตั้งอยู่บนพื้นที่ 4 ไร่เศษ ขนาดตั้งแต่ 91-144 ตารางวา ราคาเริ่มต้นที่ 80-130 ล้านบาท จำนวนเพียง 10 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 1,100 ล้านบาท นับเป็นบ้านแบรนด์ใหม่ที่มีราคาสูงสุด ซึ่งขณะนี้มีลูกค้าระดับ VVIP ให้ความสนใจในระดับหนึ่ง โดยจะเปิดการขายประมาณเดือนสิงหาคม 2566 และสามารถปิดการขายได้ภายในปลายปีนี้ ด้านบ้านจะเริ่มก่อสร้างในอีก 1-2 เดือนนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดและพร้อมโอนได้ในปลายปี 2567
โดยสาเหตุที่ เมเจอร์ฯ มุ่งเน้นการพัฒนาบนพื้นที่ศักยภาพทำเลพัฒนาการ เป็นเพราะ 3 ปัจจัยที่เอื้อประโยชน์และสามารถตอบโจทย์ความต้องการด้านการอยู่อาศัยและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้หลายมิติ อาทิ เส้นทางคมนาคม ที่นับเป็นจุดเชื่อมเส้นทางเดินรถของรถไฟฟ้าถึง 2 สาย ทั้งโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และเส้นทางรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ พร้อมยังสามารถเชื่อมต่อทางพิเศษ ฉลองรัช และทางพิเศษศรีรัช ถนนมอเตอร์เวย์ ถนนวงแหวนรอบนอกฯ รวมถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ทำเลศักยภาพ โดยมีแนวโน้มของมูลค่าที่ดินที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สังเกตได้จากราคาประเมินที่ดินตามแนวถนนพัฒนาการปรับตัวสูงขึ้น 7-15% ต่อรอบปี เชื่อมต่อไลฟ์คอมมูนิตี้ สามารถเชื่อมแหล่งธุรกิจและไลฟ์สไตล์สำคัญ ทั้งในส่วนของย่านสุขุมวิท และย่านพระราม 9 ใกล้ห้างสรรพสินค้าและแหล่งไลฟ์สไตล์ ศูนย์รวมโรงเรียนและโรงเรียนนานาชาติ และโรงพยาบาลมากมาย
“ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าที่สนใจซื้อบ้านระดับอัลตร้า ลักชูรี จะไม่ได้มองแค่ทำเล หรือราคาเป็นที่ตั้ง แต่จะเลือกตัดสินใจซื้อบ้านจากแนวคิดการออกแบบฟังก์ชั่นใช้สอยที่สะดวกสบาย ตอบโจทย์ทุกมิติของการอยู่อาศัยภายในครอบครัว ซึ่งลูกค้ายินดีที่จะจ่ายให้กับโครงการบ้านจัดสรร เพื่อลดปัญหาในการปลูกสร้างบ้านเอง แนวโน้มนี้ผลักดันให้ผู้พัฒนาโครงการต้องมีการคิดค้นพัฒนาโปรดักส์ที่สามารถตอบโจทย์รอบด้านสำหรับกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้” นางสาวเพชรลดา กล่าว
นางสาวเพชรลดา กล่าวต่อไปว่า ทำเลดังกล่าวที่ผ่านมามีผู้ประกอบการเพียง 2 ราย ที่พัฒนาโครงการบ้านระดับราคามากกว่า 70 ล้านบาท แต่ปัจจุบันได้ปิดการขายไปหมดแล้ว ดังนั้นโครงการดังกล่าวจึงไม่มีคู่แข่งแต่อย่างใด และในอนาคตบริษัทฯยังมีแผนที่จะพัฒนาบ้านระดับอัลตร้าลักชัวรี อีกอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่เกิน 15 ยูนิต โดยชื่อของแต่ละโครงการจะตั้งตามจำนวนยูนิตที่พัฒนา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพร้อม ,จังหวะ-โอกาส,และซัพพลายที่ลงตัว