ผู้ว่าฯรฟม.เผยยังไม่ได้รับการติดต่อจากอนันดาฯ พร้อมเร่งฝ่ายกฎหมายศึกษารายละเอียดคำพิพากษา ยันยึดคำสั่งศาลไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ เพราะสั่งเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้าง ไม่ใช่ทางผ่าน แนะเข้าหารือกทม.จะดีกว่า ด้านแสนสิริ ชี้คอนโดฯ 2 ทำเล เป็นการเวนคืนแบบรอนสิทธิ์อย่างถูกกฎหมาย สามารถใช้สิทธิ์เข้า–ออกได้เหมือนเดิม ส่วนโนเบิลฯแจงคอนโดฯ 2 โครงการ ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงผิดไปจากวัตถุประสงค์การเวนคืนที่ดิน

นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ศาลปกครองมีคำพิพากษาเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างอาคารโครงการ “แอชตัน อโศก” ส่งผลให้บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่าได้ดำเนินการพัฒนาโครงการดังกล่าวไปด้วยความสุจริต และชอบด้วยกฎหมายอย่างชัดแจ้งทุกประการเท่าที่บริษัทจะทำได้ รวมถึงจะดำเนินการประสานงานคณะกรรมการนิติบุคคลโครงการ “แอชตัน อโศก” และเจ้าของร่วมเพื่อขอเข้าพบผู้ว่าราชกรุงเทพมหานคร(กทม.) และผู้ว่ารฟม. เพื่อทวงถามความรับผิดชอบในความเสียหายในความเสียหายที่เกิดขึ้นที่เกิดขึ้น ภายใน 14 วัน
ซึ่งขณะนี้รฟม.ยังไม่ได้รับการแจ้งนัดจากทางอนันดาฯแต่อย่างใด โดยทางฝ่ายกฎหมายรฟม.กำลังศึกษาคำพิพากษาของศาลฯ และขอยืนยันว่ารฟม.ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ เพราะศาลไม่ได้เพิกถอนใบอนุญาตของรฟม.ที่อนุญาตให้ใช้ทางผ่าน แต่ศาลเพิกถอนใบอนุญาตการก่อสร้าง ซึ่งเป็นเรื่องของอนันดาฯที่จะต้องไปดำเนินการและหาทางออกกับกทม. ไม่เกี่ยวกับรฟม.แต่อย่างใด เพราะยึดตามคำพิพากษาของศาล

ขณะที่นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI กล่าวว่า บริษัทมีโครงการ “เดอะ เบส การ์เดนท์ พระราม 9” ซึ่งเจ้าของที่ดินเดิมถูกการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.)เวนคืนที่ดินด้านหน้าโครงการ ซึ่งเป็นการเวนคืนแบบรอนสิทธิ์ ทำให้ที่ดินเดิมยังสามารถใช้สิทธิ์เข้า-ออกได้เหมือนเดิม ส่วนโครงการ “เดอะ เบส เพชรเกษม” ซึ่งที่ดินบริเวณด้านหน้าโครงการ ทางรฟม.ได้เวนคืนไปเป็นรูปแบบรอนสิทธิ์เช่นกัน จึงยังสามารถเข้า-ออกได้เหมือนเดิม และยืนยันว่าทั้ง 2 โครงการนี้ ดำเนินการทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ปัจจุบันโครงการขายหมดแล้ว
“หลังมีข่าวออกมา มีลูกบ้านสอบถาม แต่เราอธิบายไปหมดแล้ว แจกแจงให้ดูว่ามีกฎหมายรอนสิทธิ ทำให้ยังสามารถได้สิทธิ์เข้า-ออกเหมือนเดิม ซึ่งมีการตรวจสอบข้อมูล กฎหมายในทุกมิติ หากที่ดินแปลงไหนสามารถดำเนินการได้ ก็จะดำเนินการ หรือหากที่ดินแปลงนั้นไม่สามารถดำเนินการได้ เราก็ไม่ทำ ซึ่งที่ดินแต่ละแปลงจะมีข้อกฎหมายไม่เหมือนกัน สร้างอะไรได้ไม่ได้ อย่างไรก็ตามคงส่งผลกระทบบ้างในระยะสั้นต่อการซื้อขายคอนโดมิเนียม”นายอุทัยกล่าว

ด้านนายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE กล่าวว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับ โครงการ “นิว โนเบิล รัชดา ลาดพร้าว“และ โครงการ“โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา” บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงดังนี้
1.โครงการ “นิว โนเบิล รัชดา ลาดพร้าว“ได้ขออนุญาตก่อสร้าง โดยใช้ทางเข้า–ออกจากถนนรัชดาภิเษก ซึ่งเป็นทางเข้า–ออกของอาคารจอดรถแล้วจรของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)โดยที่ดินเดิมของโครงการฯ มีทางเข้า–ออกสู่ถนนสาธารณะ แต่ถูกเวนคืนโดย รฟม. ส่งผลให้ที่ดินที่เป็นที่ตั้งโครงการฯ ไม่มีทางเข้า–ออก ด้วยเหตุนี้ รฟม. จึงเห็นชอบที่จะอนุญาตให้ใช้ทางเข้า–ออกของอาคารจอดรถแล้วจรดังกล่าว เป็นทางเข้า–ออกของโครงการฯ ได้ เพื่อคงสิทธิในการใช้ทางเข้า–ออกสู่ถนนสาธารณะที่มีอยู่เดิมโดยชอบก่อนการเวนคืนโดยไม่มีกำหนดระยะเวลา ซึ่งการที่ รฟม. อนุญาตให้ใช้ประโยชน์ดังกล่าวไม่ได้ทำให้วัตถุประสงค์ของการเวนคืนเดิมเสียไปและ รฟม. ยังคงใช้ที่ดินได้ตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืนตามปกติ โดยอาคารจอดรถของ รฟม. ดังกล่าวได้เปิดใช้งานแก่ประชาชนทั่วไปตั้งแต่ปี2547 จนถึงปัจจุบัน กรณีนี้จึงเห็นได้ชัดว่า รูปแบบการใช้งานเป็นไปตามวัตถุประสงค์เดิมทุกประการ ไม่ได้มีการดัดแปลงรูปแบบการใช้งานที่มีอยู่เดิม ย้ายตำแหน่ง หรือเปลี่ยนแปลงความกว้างของทางเข้า–ออกแต่อย่างใด ทางเข้า – ออกของโครงการจึงเป็นไปตามกฎหมายแล้ว
2.โครงการ “โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา” และ“โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา 2″ได้ขออนุญาตก่อสร้าง โดยใช้ทางเข้า–ออก จากถนนรัชดาภิเษก ซอย 6 โดยที่ดินเดิมของโครงการฯ ได้ถูกเวนคืนโดย รฟม. บางส่วน เพื่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีศูนย์วัฒนธรรม อาคารจอดรถแล้วจร และลานจอดรถเพิ่มเติม ส่งผลให้ที่ดินโครงการฯ ไม่มีทางเข้าออก ด้วยเหตุนี้ รฟม. จึงชอบที่จะอนุญาตให้ใช้ที่ดินบางส่วน เพื่อวัตถุประสงค์ในการผ่านเข้า–ออกของโครงการฯ เพื่อคงสิทธิในการใช้ทางเข้า–ออกสู่ถนนสาธารณะที่มีอยู่เดิมโดยชอบก่อนการเวนคืน โดยไม่มีเงื่อนระยะเวลา ซึ่งการที่รฟม. อนุญาตให้ใช้ประโยชน์ดังกล่าวเป็นการใช้ตามวัตถุประสงค์เดิมทุกประการ ไม่ได้มีการดัดแปลงรูปแบบการใช้งานที่มีอยู่เดิม ย้ายตำแหน่ง หรือเปลี่ยนแปลงความกว้างของทางเข้า–ออกแต่อย่างใด เพราะแต่เดิม รฟม. ก็ใช้ที่ดินดังกล่าวเป็นทางเข้า–ออกของลานจอดรถอยู่แล้ว จึงสามารถกระทำได้ ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังได้นำที่ดินอีกส่วนหนึ่งของบริษัทฯ จดทะเบียนเป็นภาระจำยอม เพื่อใช้เป็นทางเข้า–ออก ร่วมกันของโครงการ “โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา” และ“โนเบิลรีวอลฟ์ รัชดา 2″ด้วย ดังนั้น ทางเข้า – ออกของโครงการจึงเป็นไปตามกฎหมายแล้ว
บริษัทฯ ขอให้ความเชื่อมั่นแก่ลูกค้า และยืนยันว่า โครงการ “นิว โนเบิล รัชดา ลาดพร้าว” โครงการ “โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา” และโครงการ “โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา 2″ได้รับอนุญาตก่อสร้างถูกต้องตามกฎหมาย และได้ดำเนินการก่อสร้างถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ