AWC หนุนรัฐบาล “เศรษฐา1”ปลุกท่องเที่ยว-ยกเว้นวีซ่า จับมือพันธมิตรเสริมแกร่งดิจิทัลอีโคซิสเต็มในไทย-ตปท.

  • Post author:
You are currently viewing AWC หนุนรัฐบาล “เศรษฐา1”ปลุกท่องเที่ยว-ยกเว้นวีซ่า จับมือพันธมิตรเสริมแกร่งดิจิทัลอีโคซิสเต็มในไทย-ตปท.
ทายาทเจ้าสัวเจริญ หนุนรัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน”เสริมการท่องเที่ยวแบบ Long Stay –เพิ่มวีซ่าธุรกิจให้กลุ่มที่เข้ามาทำงานเพิ่มสิทธิประโยชน์กลุ่มนักลงทุน และFinTech เตรียมแผนธุรกิจร่วมผลักดัน เสริมจุดแข็งท่องเที่ยวไทย-เศรษฐกิจประเทศขยายตัว ล่าสุด 2C2P แพลตฟอร์มการชำระเงินระดับโลก ขยายกำลังเตรียมเปิดสำนักงานใหม่ในไทย อาคาร “เอ็มไพร์”พร้อมผนึกกำลังร่วมขับเคลื่อนดิจิทัลอีโคซิสเต็มในไทยเอเชียแปซิฟิกให้แข็งแกร่ง ทั้งพัฒนา “Pikul”แอปพลิเคชันอสังหาริมทรัพย์เพื่อไลฟ์สไตล์ อำนวยความสะดวกลูกค้า-นักท่องเที่ยวทั่วโลก 600 ล้านคน
นางวัลลภา ไตรโสรัส
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยว่าจากการที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีนโยบายจะกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการส่งเสริมภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นแนวทางที่ดีที่สุดในระยะสั้น โดยกำลังพิจารณาเรื่องการยกเลิกวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีนและอินเดียในช่วงไฮซีซั่น ที่คาดว่าจะดำเนินการให้ทันในวันที่ 1 ตุลาคม 2566 นั้น เชื่อว่าจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและโรงแรมให้คักคักมากขึ้น ซึ่งในช่วงตั้งแต่ไตรมาส 2 ต่อเนื่องมา ได้มีโอกาสพบนักลงทุนต่างชาติ มีการถามถึงนโยบายความแน่นอนของการท่องเที่ยวเป็นอย่างไร ซึ่งประเทศไทยมีจุดแข็งด้านการท่องเที่ยวและมีภาครัฐทุกภาคส่วนสนับสนุน แม้ตลาดทั่วโลกจะยังไม่แน่นอน แต่เมืองไทยเริ่มกลับมาแข็งแกร่งแล้ว

“เรามีกลุ่มโรงแรมและบริการถึง 22 โรงแรม กลุ่มศูนย์การค้า 7 โครงการ กลุ่มอาคารสำนักงาน 4 อาคาร และ กลุ่มธุรกิจค้าส่ง 1 โครงการ  แม้วันนี้ตลาดท่องเที่ยวทั่วโลกจะไม่แน่นอน แต่ประเทศไทยกลับมาได้แข็งแกร่งและมั่นคง และพิเศษคือ กลุ่มตะวันออกกลาง ที่ปีนี้ หลังจากผ่านพ้นวิกฤติโควิด-14 เข้ามาท่องเที่ยวในไทยมากในช่วงฤดูฝน จะช่วยเติมเต็มช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นช่วงไตรมาส 2 และ 3 แต่ตอนนี้ ดีกว่าช่วงวิกฤติโควิด-19 แม้จะเป็นช่วง Low Season ก็ตาม” นางวัลลภา กล่าว

นางวัลลภา กล่าวเพิ่มเติมว่า ณ วันนี้ต้องกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกได้รับรู้ว่า ประเทศไทยมีความสะดวก และตื่นเต้น มีความหลากหลายของเมือง มีสีสันมากขึ้น ต่างจากในอดีตที่นักท่องเที่ยวจะนิยมไปช้อปปิ้งที่หมู่เกาะฮ่องกง แต่ปัจจุบันเลือกมาช้อปปิ้งที่ประเทศไทย หรือ การจะไปรับประทานอาหาร จะมุ่งไปที่ประเทศสิงคโปร์ มีร้าน MICHELIN แต่ปัจจุบันประเทศไทยมีร้านอาหารที่มีชื่อเสียงมากขึ้น ส่งผลให้ติดอันดับประเทศต้นๆที่นักเดินทางเลือกมาท่องเที่ยว และการโปโมท การส่งเสริมเรื่องวีซ่าที่สะดวกมากยิ่งขึ้น จะยิ่งช่วยได้มากขึ้น

“มองว่า รัฐบาลควรที่จะเพิ่มเรื่องของการท่องเที่ยวแบบพำนักระยะยาวในประเทศไทย หรือ Long Stay ,การเพิ่มวีซ่าธุรกิจให้กับกลุ่มที่เข้ามาทำงาน ซึ่งจะได้ Value มากขึ้น จากปัจจุบันตลาดมีกลุ่มของการทำงานแบบ Work Anywhere ซึ่งตรงนี้มีความน่าสนใจ หรือแม้แต่การจะเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับกลุ่มนักลงทุน หรือ กลุ่มที่ต้องการเติบโต โดยปัจจุบันถ้าจะเน้นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเงิน หรือ กลุ่ม FinTech เพิ่มขึ้น เราจะเอา Future ไหนมาช่วยดึงกลุ่มพวกนี้ เข้ามาอยู่ประเทศไทย ทั้งที่เข้ามาท่องเที่ยว และ Enjoy ซึ่ง AWC เตรียมแผนธุรกิจจะร่วมผลักดันและเสริมจุดแข็งการท่องเที่ยวของประเทศให้สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลที่จะออกมา เพื่อเป็นส่วนหนึ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศขยายตัว” นางวัลลภา กล่าว

นายวัลลภา กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันธุรกิจโรงแรมเริ่มฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยในส่วนของเครือAWC มีรายได้ประมาณ 10,000 ล้านบาท จำนวนห้องพักเติบโตขึ้นกว่า 76% เทียบกับก่อนวิกฤติโควิด-19 ซึ่งได้มีการปรับปรุงและสร้างโรงแรมใหม่ หากโรงแรมไหนอยู่ในทำเลที่ยังไม่พร้อมจะกลับมาให้บริการ ก็จะชะลอไว้ก่อน แต่ยังคงเดินหน้าลงทุนในกลุ่มเฉพาะ เช่น เปิดโรงแรมบันยันทรี จ.กระบี่ อีกทั้งยังมีลงทุนรีแบรนด์โรงแรมอิมพีเรียล แม่ปิง จ.เชียงใหม่ เป็น อินเตอร์คอนติเนนตัล แม่ปิง ในกลางเดือนกันยายนนี้ โรงแรม เลอ เมอริเดียน เชียงใหม่ รีแบรนด์เป็น เชียงใหม่ แมริออท ซึ่งจะดึงนักเดินทางคุณภาพเข้ามายังเชียงใหม่จำนวนมาก เพราะก่อนหน้านี้ยังไม่มีโรงแรมใดใช้ระบบลิงก์นักเดินทางระดับโลก

“ด้วยข้อจำกัดเรื่องของปริมาณเที่ยวบินที่ยังน้อย อาจจะทำให้นักท่องเที่ยวที่จะเข้ามายังประเทศไทยในปี 2567น่าจะยังไม่กลับมา 40 ล้านคน ถ้าสายการบินซื้อเครื่องบินได้เร็วจะช่วยได้มาก และการเปิดฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีน อินเดียนั้นคงจะกระตุ้นบรรยากาศการท่องเที่ยวได้ และไทยติดอันดับต้นๆที่นักท่องเที่ยวต้องการเข้ามา และเมื่อมีการโปรโมทเรื่องการท่องเที่ยวหรือฟรีวีซ่าที่สะดวกน่าจะช่วยได้ จะให้ดียิ่งขึ้นต้องเพิ่มวีซ่าให้กับกลุ่มที่มาทำงานให้มาเที่ยวและสามารถพำนักระยะยาวได้ด้วย”นางวัลลภา กล่าว

นางวัลลภา กล่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุดได้ต้อนรับ บริษัท ทูซีทูพี (ประเทศไทย) จำกัด (2C2P) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการชำระเงินระดับโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ขยายฐานมาเปิดสำนักงานแห่งใหม่ที่อาคาร “เอ็มไพร์” ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับดิจิทัลอีโคซิสเต็ม ตอบโจทย์บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก สร้างพื้นที่สนับสนุนให้เกิดการเชื่อมต่อองค์กร ผู้คน และชุมชน ผ่านคอนเซ็ปต์ “Co-Living Collective: Empower Future” ที่เป็นเอกลักษณ์ของอาคาร “เอ็มไพร์”พร้อมนำเสนอ AWC Infinite Lifestyle (AWI) โปรแกรมสิทธิประโยชน์สำหรับผู้เช่า ตอบโจทย์ทั้งด้านการทำงานและการพักผ่อนได้อย่างลงตัว โดยอาคาร “เอ็มไพร์” จะสร้างพื้นที่ Co-Living ให้เกิดการสร้างเครือข่ายระหว่างผู้เช่า ตอบโจทย์การใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย รวมถึงการส่งเสริมการแบ่งปันความรู้ผ่านการจัดกิจกรรม เวิร์คช็อป สัมมนา และการสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน

“AWC และ 2C2P มีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการมุ่งสร้างสถานที่ทำงานแห่งความสุขให้กับพนักงาน เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ 2C2P สู่อาคาร ‘เอ็มไพร์’ และเชื่อมั่นว่าความแข็งแกร่งด้านนวัตกรรมการชำระเงินดิจิทัลของ 2C2P ผสานกับคอนเซ็ปต์ ‘Co-Living Collective: Empower Future’ ของอาคาร ‘เอ็มไพร์’ ที่ออกแบบเพื่อรองรับเทรนด์ที่ผสานการทำงานและไลฟ์สไตล์อย่างลงตัว จะตอบโจทย์ความต้องการของคนทำงานและองค์กรรุ่นใหม่ได้อย่างดี และเป็นพื้นที่เสริมความแข็งแกร่งและการเติบโตให้ดิจิทัลอีโคซิสเต็มอย่างไม่มีขีดจำกัด นอกจากนี้ภายใต้แนวคิด Co-Living ยังสร้างพื้นที่สำหรับกลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์และความคิดสร้างสรรค์เหมือนกัน มารวมตัวเพื่อสร้างคุณค่าและเติบโตไปด้วยกัน โดยผู้เช่าและพนักงานจะมีโอกาสในการทำความรู้จักและสร้างการเชื่อมต่อเพื่อสร้างการเติบโตและพัฒนาโอกาสทางธุรกิจร่วมกันกับองค์กรอื่นภายในอาคารผ่านแพลตฟอร์มทั้งออฟไลน์-ออนไลน์ รวมถึงการแบ่งปันทักษะ ความรู้ร่วมกัน ผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่จัดโดย AWC อาทิ เวิร์คช็อป การสัมมนา โดยความร่วมมือระหว่าง AWC และ 2C2P ครั้งนี้ ยังตอบสนองความต้องการของพนักงานในอีโคซิสเต็มได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมการเติบโตอย่างไร้ขอบเขต พร้อมร่วมสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่าให้กับพนักงานร่วมกัน”นางวัลลภา กล่าว

ทั้งนี้ สำนักงานแห่งใหม่ของ 2C2P จะเปิดอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคมปี 2567 มีพื้นที่รวมกว่า 3,000 ตารางเมตร รองรับพนักงานได้กว่า 300 คน โดยอาคาร “เอ็มไพร์” เป็นสำนักงานระดับเกรดเอ ตั้งอยู่ใจกลาง CBD ย่านสาทร มีพื้นที่รวมกว่า 300,000 ตารางเมตร และมีพื้นที่ขายประมาณ 158,000 ตารางเมตร ปัจจุบันมีผู้เช่าประมาณ 70% โดยในจำนวนดังกล่าวมีผู้เช่าที่เป็นบริษัทข้ามชาติ สัดส่วน 70% ที่เหลือเป็นบริษัทสัญชาติไทย และสัดส่วน 25% จะเป็นผู้เช่าที่ดำเนินธุรกิจประเภทไอที โดยอาคาร “เอ็มไพร์”ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีใน Co-Living และ Collaborative Spaces ที่ใหญ่ที่สุด พร้อมด้วยการออกแบบตกแต่งที่ผสานพื้นที่ทำงานและพื้นที่ด้านไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว เชื่อมต่อผู้เช่าและพนักงานของบริษัทชั้นนำเข้าในอีโคซิสเต็ม นอกจากนี้ AWC ยังตอบสนองไลฟ์สไตล์การทำงานของผู้เช่าอาคาร ‘เอ็มไพร์’ พร้อมไลฟ์สไตล์สุดพิเศษ ผ่าน AWC Infinite Lifestyle ลอยัลตี้โปรแกรมที่มอบสิทธิประโยชน์ สินค้าและบริการในโครงการคุณภาพของ AWC ทั้งโรงแรม อาคารสำนักงานและคอมมูนิตี้ชอปปิ้งมอลล์ เพื่อส่งเสริมดิจิทัลอีโคซิสเต็มในอาคาร “เอ็มไพร์” แบบครบวงจร

นอกจากนี้ AWC ยังได้ร่วมมือกับ 2C2P ในการพัฒนา “Pikul” (พิกุล)แอปพลิเคชันอสังหาริมทรัพย์เพื่อไลฟ์สไตล์ตัวใหม่ของ AWC ซึ่งจะเป็นแพลตฟอร์มบูรณาการแบบ Omnichannel ที่ไม่เหมือนใคร โดยจะรวมประสบการณ์ออนไลน์และออฟไลน์สุดพิเศษต่าง ๆ ที่ดีที่สุดเข้าด้วยกัน ทั้งการขาย (Sales) การส่งของขวัญ (Gifting) และเกมมิฟิเคชั่นเพื่อแลกรางวัล (Gamification) ในแอปพลิเคชัน โดย Pikul ยังทำงานร่วมกับ 2C2P ในการพัฒนาช่องทางการชำระเงิน e-wallet และ prepaid-card แพลตฟอร์มการชำระเงินที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับ Pikul โดยเฉพาะ เพื่อเสริมศักยภาพและประสบการณ์การใช้ AWC Infinite Lifestyle ซึ่งการดำเนินการแอปพลิเคชัน Pikul” จะแบ่งเป็น 2 เฟส เฟสแรก จะเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้เช่าอาคารสำนักงานทั้ง 4 แห่งในเครือ AWC ได้แก่ อาคารเอ็มไพร์ ,อาคารแอทธินี ทาวเวอร์,อาคาร 208 แบงค็อก และ อินเตอร์ลิ้งค์ ทาวเวอร์ บางนา และเฟสที่ 2 จะเป็นการเชื่อมโยงพันธมิตรและนักท่องเที่ยวทั่วโลก 600 ล้านคน

“การที่เราใช้ชื่อพิกุล เพราะมีความเป็นไทย มีไลฟ์สไตล์ มีความโชคดี และมองว่าตอน IPO ก็ใช้ชื่อนี้ ซึ่งเรียกง่าย จึงเป็นที่มาของชื่อ ซึ่งAWC มุ่งพัฒนาอาคาร ‘เอ็มไพร์’ เป็นอาคารสำนักงานระดับสากลที่รวมบริษัทชั้นนำระดับโลกมากมาย พร้อมด้วยเครือข่ายดิจิทัลที่เป็นแกนหลักของทุกอุตสาหกรรมธุรกิจ เพื่อสร้างอีโคซิสเต็มที่รวมพลังตอบโจทย์การเติบโตทางธุรกิจ รวมถึงความสุขและไลฟ์สไตล์ของทุกคน ผ่านโมเดลรูปแบบใหม่ Co-Living ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ โดย AWC เชิญชวนบริษัทชั้นนำระดับโลกมาร่วมส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืน ขยายเครือข่าย และสร้างความแข็งแกร่งทางด้านโซลูชั่นระหว่างอุตสาหกรรมด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของอีโคซิส สร้างประโยชน์และคุณค่าให้กับทุกคน” นางวัลลภา กล่าว

นายปิยชาติ รัตน์ประสาทพร
นายปิยชาติ รัตน์ประสาทพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทูซีทูพี (ประเทศไทย) จำกัด (2C2P) กล่าวว่า วิสัยทัศน์ของ 2c2p คือพัฒนาและให้บริการระบบชำระเงินแบบครบวงจร โดยสร้างโครงสร้างพื้นฐานของการชำระเงินผ่านเครือข่ายการชำระเงินที่เป็นพันธมิตรกับเรา เพื่อให้ผู้ใช้มีทางเลือกที่หลากหลายในการชำระเงิน เพราะการชำระเงินถือเป็นส่วนหลักเพื่อสนับสนุนระบบนิเวศแบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่ 2C2P ซึ่งเชื่อว่าบุคลากรคือรากฐานของความสำเร็จของบริษัทฯ คือดูแลพนักงานและพยายามหาวิธีการเพื่อให้เกิดความสมดุลที่ดีระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว ดังนั้นจึงเลือก อาคาร “เอ็มไพร์” เป็นที่ตั้งสำนักงานแห่งใหม่ของบริษัท เพื่อขับเคลื่อนการเติบโต  ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้มีรากฐานมาจากความเชื่อมั่นที่มีต่ออาคาร “เอ็มไพร์” ที่มีการจัดสรรพื้นที่ส่วนกลางเพื่อให้ผู้เช่าได้ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น พื้นที่ทำงานแบบไม่เป็นทางการ ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของบริษัทในการผสมผสานงานและชีวิตของพนักงานเข้าด้วยกัน และให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีของทุกคน

“ประเทศไทยเป็นประเทศที่ใช้คอร์สการลงทุนน้อย อาหารอร่อย ถ้าเทียบเกี่ยวกับธุรกิจไฟแนนซ์จะเห็นว่ามีการซัพพอร์ต License ดีที่สุดในอาเซียนแล้ว แต่ทั้งนี้รัฐบาลควรที่จะต้องมีนโยบายในการสนับสนุนกลุ่มสตาร์ทอัพมากกว่านี้ โดยเฉพาะเรื่องภาษีธุรกิจ”นายปิยชาติ กล่าวในที่สุด

 

toppercool

CEO,Prop2morrow Blogger อสังหาฯ , นักการตลาดดิจิตัล สาย Content marketing