แสนสิริโตสวนกระแสเศรษฐกิจ กวาดยอดขายคอนโดฯ 8 เดือนแรก 13,000 ล้านบาท เติบโตเกือบ60%จากเป้ายอดขายปีนี้ 22,000 ล้านบาท พร้อมขยับเป้ารายได้จากการโอนห้องชุด 10,500 ล้านบาทเพิ่มเป็น 12,000 ล้านบาท หลังกวาดรายได้เข้ามาแล้วเกือบ 10,000 ล้านบาท และมีสต็อกคอนโดฯสร้างเสร็จพร้อมขายคงเหลือเพียง 6,300 ล้านบาท ประกาศแผนครึ่งปีหลังรุกเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่า15,600 ล้านบาท พร้อมเปิดตัว ‘New Luxury Condominium’ ปักหมุดย่าน ‘อารีย์’ และ ‘ราชเทวี’ แบรนด์เวีย อารีย์” และ “ชูช์ ราชเทวี”

นายองอาจ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทสามารถทำยอดขายคอนโดมิเนียมได้ 13,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นเกือบ 60% จากเป้าหมายยอดขายคอนโดฯทั้งปีที่ตั้งไว้ที่ 22,000 ล้านบาท และเติบโตเพิ่มขึ้น 45% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา สวนทางกับเศรษฐกิจและสถานการณ์ภาพรวมในประเทศที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และปัจจัยกระทบรอบด้านทั้งภาวะดอกเบี้ยที่เป็นช่วงขาขึ้นและค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่สูงขึ้น แต่บริษัทสามารถปิดการขายคอนโดฯได้ 7 โครงการ มูลค่ารวม 13,000 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถปิดการขายเพิ่มอีก 3 โครงการ ได้แก่ โครงการเอ็กซ์ที เอกมัย, เอ็กซ์ที ห้วยขวาง และโอกะ เฮาส์

ส่วนเป้ารายได้จากการโอนห้องชุดในปีนี้เดิมตั้งเป้าไว้ที่ 10,500 ล้านบาท แต่ล่าสุดมีรายได้เข้ามาแล้วเกือบ 10,000 ล้านบาท ทำให้มีแผนจะปรับรายได้ใหม่เพิ่มเป็น 12,000 ล้านบาท เนื่องจากโครงการคอนโดฯพร้อมอยู่ได้รับการตอบรับที่ดี ส่งผลให้สต็อกคอนโดฯ ในช่วงต้นปีที่มีอยู่มูลค่า 11,000 ล้านบาท  ล่าสุดลดลงคงเหลือ 6,300 ล้านบาท และเมื่อรวมกับสต็อกคอนโดฯใหม่ที่เริ่มทยอยโอนตั้งแต่เดือนมกราคม – สิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้มียูนิตสร้างเสร็จพร้อมขายคงเหลือรวม 7,300 ล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นอยู่ระดับ 10,000 ล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ เพียงพอในการรับรู้รายได้ พร้อมเตรียมรับสถานการณ์เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัว

สำหรับแผนการเปิดตัวคอนโดฯใหม่ในนช่วงครึ่งหลังปี 2566 บริษัทจะเน้นการพัฒนา ‘New Luxury Condominium’ ในย่านใจกลางกรุงเทพฯ เช่น ย่านอารีย์และราชเทวี รวมทั้งคอนโดฯจากซีรีย์ ‘One of a Kind Project’  และการสานต่อความสำเร็จของแคมปัสคอนโดฯและกลุ่มคอนโดราคาเข้าถึงง่าย รวมถึงการรุกตลาดต่างจังหวัดและเมืองท่องเที่ยว เพื่อรองรับดีมานด์ทั้งลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ

สำหรับคอนโดฯลักซ์ชัวรี่ ‘New Luxury Condominium’ จะมีการเปิดตัว 2โครงการใหม่ในเดือนตุลาคมนี้ราคาขายเฉลี่ย 2 แสนบาทต่อตารางเมตร ได้แก่ “เวีย อารีย์” มูลค่าโครงการ 2,300 ล้านบาท ซึ่งเป็นการกลับมาเปิดตัวใหม่ในรอบ 11 ปีของของเวีย แบรนด์บูทีคคอนโดของแสนสิริ และพัฒนาเป็นอาคารสูงโครงการแรกจำนวน 114 ยูนิต พร้อมที่จอดรถรองรับมากถึง 170% ตั้งอยู่ในอารีย์ซอย 1 ห่างจาก BTS สถานีอารีย์ประมาณ100 เมตร ราคาเริ่มต้น 7.99 ล้านบาท* และโรงการ “ชูช์ ราชเทวี” มูลค่าโครงการ 5,200 ล้านบาท เป็นคอนโดฯใหม่สไตล์ Loft เพดานสูง 4.5 เมตร ตั้งอยู่ห่างจาก BTS สถานีราชเทวี 140 เมตร ราคาเริ่มต้น 8.99 ล้านบาท*

 นอกจากนี้ยังมีโครงการเนีย บาย แสนสิริ มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท เป็นกลุ่มคอนโดฯ ‘One of a Kind Project’ ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท 71  ใกล้ BTS สถานีพระโขนงและฮาบิโตะ มอลล์ ราคาเริ่มต้น 2.79 ล้านบาท* เตรียมเปิดขายพร้อมโอนในเดือนกันยายนนี้

ส่วนแคมปัสคอนโดและกลุ่มคอนโดราคาเข้าถึงง่ายแบรนด์ ‘ดีคอนโด’ จะเน้นทำเลคอมมูนิตี้ใหญ่ ใกล้มหาวิทยาลัย ใกล้แหล่งงาน วางแผนจะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลังรวม 3 โครงการ มูลค่ารวม 2,900 ล้านบาท ได้แก่ “ดีคอนโด เวล ศรีราชา” ใกล้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศรีราชา ราคาเริ่มต้น 1.39 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท โครงการดีคอนโด แอร์ ลาดกระบัง ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนระหว่างแสนสิริและโตคิว คอร์ปอเรชั่น ราคา 1.75 ล้านบาทขึ้นไป  มูลค่าโครงการ 1,100 ล้านบาท และโครงการดีคอนโด ชายน์ รังสิต ตั้งอยู่ ใกล้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท

 สำหรับตลาดต่างจังหวัดและเมืองท่องเที่ยว จะเปิดตัวโครงการใหม่ใน 3 ทำเล ได้แก่ โครงการเดอะ เบส บูกิต เมืองภูเก็ต มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท เปิดชมห้องตัวอย่างเดือนตุลาคมนี้ โครงการกาบานาส หัวหิน มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท จะเปิดขายปลายปีนี้ และโครงการเวย์ อยุธยา มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท ใกล้ห้างเซ็นทรัล อยุธยาและนิคมโรจนะ ราคาเริ่มต้น 1.49 ล้านบาท เปิดขายเดือนตุลาคมนี้

“ตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังนี้ไปจนถึงปีหน้า แสนสิริเตรียมพร้อมพัฒนาโครงการคอนโดฯใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งคอนโดฯลักซ์ชัวรี่ แคมปัสคอนโดฯและกลุ่มคอนโดฯราคาเข้าถึงง่าย บนทำเลศักยภาพ ครอบคลุมทั้งย่าน CBD ทำเลคอมมูนิตี้ ใกล้สถานศึกษา ใกล้แหล่งงาน ทั้งในกรุงเทพฯ และตลาดต่างจังหวัด รวมทั้งเมืองท่องเที่ยว รองรับดีมานด์ลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติที่จะเพิ่มขึ้น”