ซีคอนฯเผยสถานการณ์การสู้รบของ 4 ประเทศ ยังเป็นปัจจัยให้ธุรกิจรับสร้างบ้านเฝ้าจับตาเหตุส่งผลต่อต้นทุน ต้องปรับตัวรับมือ ระบุภาพรวมผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่น ล่าสุดขยายไลน์ธุรกิจร่วมทุนกลุ่มนายณ์ เอสเตทฯพัฒนาบ้านหรู ราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป นำร่องทำเลงามวงศ์วาน-กัลปพฤกษ์-วงแหวน รวมมูลค่าประมาณ 800 ล้านบาท พร้อมเผยโฉมแบบบ้านใหม่ 2 สไตล์คือ Cottage Style และ Modern Contemporary Styl ชูแนวคิด ESG หวังขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน ตั้งเป้าปี 66 กวาดยอดขายรวม 1,700 ล้านบาท และในปี 67 คาดการณ์มียอดขายที่เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 2,300 ล้านบาท

นายมนู ตระกูลวัฒนะกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอน จำกัด เปิดเผยถึง ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในช่วงไตรมาส 4/2566 สถานการณ์ความตึงเครียดด้านสงครามของทั้งรัสเซีย–ยูเครนและอิสราเอล–ปาเลสไตน์ เป็นปัจจัยที่ผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้านต้องเฝ้าระวัง เพราะล้วนแต่ส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนราคาพื้นฐาน ดังนั้นการปรับตัวรับมือและการวางแผนในการบริหารจัดการเพื่อควบคุมต้นทุน จึงเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ต้องให้ความสำคัญอย่างมาก ด้านปัจจัยภายในประเทศเกี่ยวกับนโยบายการขึ้นค่าแรงนั้นในส่วนของธุรกิจรับสร้างบ้าน แรงงานที่มีอยู่ล้วนแต่เป็นแรงงานฝีมือซึ่งได้รับค่าตอบแทนสูงอยู่แล้วจึงอาจไม่ส่งผลกระทบชัดเจน ขณะที่ราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้นมาเป็นระยะนั้น เนื่องจากซีคอนฯมีโปรเจกต์รับสร้างบ้านอยู่ในมือค่อนข้างมาก จึงมีพันธมิตรทางธุรกิจชั้นนำที่หลากหลายซึ่งแต่ละที่ล้วนร่วมดำเนินธุรกิจกันมาอย่างยาวนาน ความเชื่อมั่นดังกล่าวและแผนการซื้อที่ชัดเจนจึงทำให้สามารถบริหารต้นทุนการซื้อดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ปัจจุบันธุรกิจรับสร้างบ้านได้รับความไว้วางใจเพิ่มมากขึ้นจากกลุ่มผู้บริโภค สืบเนื่องจากปัญหาที่ผู้บริโภคมักเจอกับการทิ้งงานหรือการก่อสร้างที่ไม่เป็นไปตามสัญญาและไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ต้องเพิ่มงบประมาณในการก่อสร้างแบบที่ไม่ได้วางแผนรับมือมาก่อน ดังนั้นการตัดสินใจเลือกใช้บริการจากบริษัทรับสร้างบ้านที่มีชื่อเสียงและประสบการณ์สั่งสมมาเป็นเวลานาน จึงเป็นทางออกที่ผู้บริโภคไว้วางใจ ที่สำคัญตั้งแต่ต้นปี 2566 ที่ผ่านมา ซีคอนฯยังไม่ได้ปรับขึ้นราคาแต่อย่างใด จึงถือเป็นปีทองของผู้บริโภค ทั้งนี้ ซีคอน ได้นำแนวคิด Environmental (สิ่งแวดล้อม) Social (สังคม) และ Governance (ธรรมาภิบาล) (ESG) เพื่อการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนที่คำนึงถึงมิติด้านสิ่งแวดล้อม การคืนกลับสู่ชุมชน และการบริหารงานเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในกลไกธุรกิจ เข้ามาผสมผสานเพื่อสร้างสรรค์กลยุทธ์ทางธุรกิจจากปัจจุบันสู่อนาคต
สำหรับเรื่องแรงงานก่อสร้างนั้นมองว่าทุกภาคธุรกิจยังประสบปัญหาตั้งแต่ช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่แรงงานส่วนใหญ่เดินทางกลับประเทศของตน และยังไม่ค่อยกลับมาประเทศไทย ล่าสุดบริษัทนายณ์ เอสเตท จำกัด ได้เจรจากลับกลุ่ม “ซอโสตถิกุล”ในการนำบริษัท ซีคอน จำกัด ร่วมถือหุ้นเพื่อพัฒนาโครงการบ้านหรูร่วมกัน เนื่องจากมองว่า ซีคอนฯเป็นบริษัทรับสร้างบ้านที่มีคุณภาพและมีชื่อเสียงมานาน โดยในไตรมาส 3/2566 ได้ร่วมก่อตั้ง บริษัท นายณ์ แอนด์ ซีคอน จำกัด ขึ้นมา เพื่อพัฒนาโครงการบ้านหรู ระดับราคาตั้งแต่ 20 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งเบื้องต้นได้ซื้อที่ดินไว้ 2 แปลง คือทำเลงามวงศ์งาน พื้นที่ 10 ไร่ และทำเลย่านกัลปพฤกษ์-วงแหวน พื้นที่ 10 ไร่ โดยทั้ง 2 โครงการจะมีมูลค่าประมาณ 800 ล้านบาท โดยกลุ่มนายณ์ฯจะเป็นผู้บริหารโครงการทั้งหมดส่วนด้านการก่อสร้างจะเป็นหน้าที่ของกลุ่มซีคอนฯ ความคืบหน้าขณะนี้อยู่ในระหว่างการออกแบบ จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
“การร่วมทุนในครั้งนี้ทางพันธมิตรนั้นมีความคาดหวังที่จะช่วยลดปัญหาเรื่องการก่อสร้างเนื่องจากการขาดแคลนแรงงาน ซึ่งกลุ่มซีคอนฯนั้นมีประสบการณ์ที่ยาวนาน และมีทีมงานที่แข็งแกร่ง กลุ่มนายณ์จึงมองเห็นศักยภาพดังกล่าว ซึ่งหากทั้ง 2 โครงการที่ร่วมทุนกัน ประสบความสำเร็จ ในอนาคตก็คงจะมีโครงการร่วมทุนอย่างต่อเนื่อง เพราะทางบอร์ดของซีคอนฯก็ต้องการให้ทีมงานได้มีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรด้วยเช่นกัน”นายมนูกล่าว
นายมนู กล่าวเพิ่มเติมถึงภาพรวมการดำเนินธุรกิจของซีคอนฯว่า ในปี 2566 ซีคอนฯมีโปรเจกต์งานที่ต้องดำเนินการก่อสร้างรวมมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ครอบคลุมทั้ง งานของซีคอน รับสร้างบ้าน และงานของซีคอน ไอดี ที่รับออกแบบ และสร้างตามแบบของลูกค้า ซึ่งแบ่งเป็นมูลค่างานก่อสร้างของ ซีคอน รับสร้างบ้าน ประมาณ 89% และซีคอน ไอดี ประมาณ 11% โดยรวมถือว่ายังมียอดขายที่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นและพึงพอใจให้แก่ผู้บริโภคนั้นคือความเร็วในการส่งมอบบ้านที่พัฒนาขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ ได้ก่อสร้างโรงงานผลิตโครงสร้างชิ้นส่วนกึ่งสำเร็จรูปแห่งที่ 2 เสร็จเป็นที่เรียบร้อย เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการนำเสนอแบบบ้านประหยัดพลังงานสู่ตลาดซึ่งสอดรับต่อไลฟ์สไตล์เทรนด์ของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน เพราะเชื่อว่าหากเริ่มต้นด้วยการวางแผนสร้างบ้านในทิศทางที่เหมาะสม คัดสรรวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพิ่มฟังก์ชันการระบายความร้อน รับแดด รับลม ก็ทำให้บ้านทุกหลังกลายเป็นบ้านประหยัดพลังงานได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ซีคอนจะลงรายละเอียดให้ตั้งแต่การวางผังส่วนต่างๆ ของบ้านจนถึงเป็นที่ปรึกษาในมิติต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าได้บ้านตรงตามต้องการ”
ด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรมแบบบ้านใหม่ออกสู่ตลาดในช่วงท้ายปี 2566 นั้น ล่าสุด ซีคอน ได้เผยโฉมแบบบ้านใหม่กับ 2 สไตล์ คือ Cottage Style และ Modern Contemporary Style ทั้งแบบชั้นเดียว และ 2 ชั้น ในชื่อแบบบ้าน Cottage 167, Loft 301 และ Orchard 435 อีกทั้งยังเพิ่มช่องทางการบริการทางด้านออนไลน์เพิ่มขึ้น โดยได้มีการเพิ่มเพจย่อยของแต่ละศูนย์ที่มีอยู่เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าในต่างจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่การให้บริการของซีคอน เพื่อให้เข้าถึงได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
“ช่วงอายุมีส่วนสำคัญต่อการตัดสินใจเลือกแบบบ้านของผู้บริโภค ปัจจุบันแบบบ้าน Modern Contemporary Style ยังเป็นแบบบ้านยอดนิยมอันดับ 1 และแนวโน้มบ้านที่มีแบบตัวอาคารที่เรียบง่ายหรือ Minimal Style เน้นประโยชน์การใช้สอยของพื้นที่ พร้อมทั้งบ้านดูโปร่ง โล่งสบาย ยังเป็นที่นิยมของลูกค้าเช่นกัน และที่เห็นเป็นเทรนด์เพิ่มมากขึ้นคือการที่ลูกค้าได้ร่วมออกแบบบ้านกับสถาปนิกที่คนชื่นชอบและนำแบบบ้านดังกล่าวมาให้ซีคอนก่อสร้างให้ ในส่วนนี้เราก็ยินดีร่วมเป็นทีมก่อสร้างเพื่อให้โปรเจคสำเร็จได้อย่างมีคุณภาพ” นายมนู กล่าว
นอกจากนี้ ซีคอน ยังได้ส่งท้ายปีกับกิจกรรม CSR เพื่อส่งเสริมด้านการศึกษาด้วยการมอบทุนการศึกษาและปรับปรุงสถานศึกษา พัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ ให้แก่เด็กนักเรียน 2 โรงเรียนใน จ.เพชรบุรี ประกอบด้วย โรงเรียนบ้านพุสวรรค์ และโรงเรียนบ้านสองพี่น้อง เพื่อเป็นกำลังที่ดีของชาติต่อไปในอนาคต โดยโรงเรียนทั้ง 2 แห่งเป็นโรงเรียนที่ขาดแคลนงบประมาณในการซ่อมบำรุงและปรับปรุงอาคารรวมทั้งสภาพแวดล้อม ซีคอนฯเชื่อว่าสภาพแวดล้อมที่ดีจะทำให้ผู้อยู่ในสภาพแวดล้อมนั้นๆ ทั้งเด็กนักเรียน ครู และชุมชน มีสุขภาพจิตที่ดีสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญในฐานะผู้ให้ทั้งคณะผู้บริหารและพนักงานของซีคอนก็จะมีจิตสาธารณะซึ่งพลังบวกเหล่านั้นก็จะย้อนกลับมาสร้างให้บุคลากรของบริษัทฯ ส่งมอบบริการสู่มือผู้บริโภคได้อย่างมีศักยภาพยิ่งขึ้นเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ซีคอน รับสร้างบ้าน มีมูลค่างานก่อสร้างที่ 1,900 ล้านบาท และ ซีคอนไอดี มีมูลค่ารับออกแบบ ที่ประมาณ 100 ล้านบาท สำหรับในปี 2566 นี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถทำยอดขายรวมจาก ซึคอน รับสร้างบ้าน และซีคอน ไอดี ประมาณ 1,700 ล้านบาท และในปี 2567 คาดว่าจะมียอดขายที่เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 2,300 ล้านบาท