RML รุกตลาดบ้านหรูในกทม.ราคา 300 ล้านบาทขึ้นไป และภูเก็ต แพงสุด 1,000 ล้านบาท รองรับดีมานด์ไทย-เทศ กระเป๋าหนัก รับรู้รายได้เร็ว

  • Post author:
You are currently viewing RML รุกตลาดบ้านหรูในกทม.ราคา 300 ล้านบาทขึ้นไป และภูเก็ต แพงสุด 1,000 ล้านบาท รองรับดีมานด์ไทย-เทศ  กระเป๋าหนัก รับรู้รายได้เร็ว
ไรมอน แลนด์ฯปรับแผนเดินหน้าปี 67 ผุดคอนโดฯ-แนวราบ 4 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 40,000 ล้านบาท ระบุแนวราบยึดหัวหาดใจกลางสุขุมวิท ผุดบ้านสูงเกิน 4 ชั้น ไม่เกิน 5 ยูนิต ราคา 300 ล้านบาทขึ้นไป และแบรนด์ “Rosewood Residences Kamala”ราคาตั้งแต่ 600-1,000 ล้านบาท เจาะตลาดคนไทย-ต่างชาติกระเป๋าหนัก ด้าน “เทตต์ สาทร ทเวลฟ์”ยอดขายพุ่งแล้ว 97% คาดปิดขายในกลางปี 67
นายกรณ์ ณรงค์เดช
นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด(มหาชน) หรือ RML เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว มองว่าที่ผ่านมายังกระตุ้นไม่เต็มที่เหมือนที่หลายประเทศดำเนินการ จึงอยากให้มีการโปรโมทเรื่องการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง โดยเฉพาะมาตรการเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ส่วนการเปิดฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวบางประเทศนั้น คุณเปิดโอกาสให้กับนักท่องเที่ยวจากประเทศที่มีศักยภาพในการซื้ออสังหาที่สูงมากกว่า เช่น จีน เป็นต้น แต่มาตรการต่างๆของภาครัฐไม่มีผลกับโครงการของบริษัทฯ เพราะเป็นโครงการระดับซูเปอร์ลักชัวรี ที่ดีมานด์ล้วนมีกำลังซื้อสูง ส่วนเรื่องการปรับค่าแรงในความคิดเห็นส่วนตัวก็อยากให้มีการปรับขึ้น แต่ต้องเป็นแบบสมเหตุสมผล เช่น พื้นที่กทม. ที่มีค่าของชีพสูงก็ควรที่จะปรับขึ้นค่าแรง ส่วนต่างจังหวัดก็มีการปรับลดหลั่นกันไป สำหรับการจะปรับขึ้นเงินเดือนของข้าราชการ ก็เห็นด้วย โดยเฉพาะข้าราชการครู และ ข้าราชการด้านสาธารณสุข เป็นต้น

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ที่ผ่านมาพอร์ตสินค้าจะมีแต่คอนโดมิเนียม ซึ่งทำให้มีช่องว่างในเรื่องของการรับรู้รายได้ ดังนั้นในปี 2567 จะเริ่มเห็นการรุกตลาดแนวราบของบริษัทฯมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดซูเปอร์ลักชัวรี และอัลตร้าลักชัวรี ในสัดส่วน 50% จำนวน 2 โครงการ และคอนโดฯ สัดส่วน 50% จำนวน 2 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 40,000 ล้านบาท

โดยในส่วนของโครงการแนวราบ จะเป็นระดับซูเปอร์ลักชัวรี อย่างน้อย 2 โครงการ คือ โครงการบ้านหรู สูงเกิน 3 ชั้น ย่านสุขุมวิท ราคาขายเริ่มต้นตั้งแต่ 300 ล้านบาทขึ้นไป จำนวนไม่เกิน 5 ยูนิต ปัจจุบันมีที่ดินรองรับแล้วเรียบร้อย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ถือเป็นที่อยู่อาศัยย่านใจกลางเมืองที่มีราคาแพงสุด ในขณะที่โครงการ“Flagship Cluster Home Project”แบรนด์ใหม่ของสิงห์ เอสเตทฯตั้งอยู่ในทำเลซอยสุขุมวิท 43 บนพื้นที่ 2 ไร่เศษ จำกัดพัฒนาเพียง 2 ยูนิตๆละ 1 ไร่ ระดับราคาเริ่มต้นที่ 550 ล้านบาท

ส่วนอีกแปลงหนึ่งคือทำเลย่านหาดกมลา จ.ภูเก็ต บนพื้นที่ 23 ไร่ พัฒนาภายใต้แบรนด์ “Rosewood Residences Kamala” ที่บริหารโดยRosewood Hotels & Resorts เดิมมีแผนพัฒนาเป็น เรสซิเดนซ์ระดับ Ultra-Luxury จำนวน 14 หลัง แต่ละหลังมีขนาด 4-6 ห้องนอน ออกแบบมาในสไตล์โมเดิร์นมินิมอล แต่ล่าสุดได้มีการปรับรูปแบบวิลล่า ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เหลือจำนวนไม่ถึง 10 ยูนิต ระดับราคาตั้งแต่ 600-1,000 ล้านบาท ถือเป็นรายที่ 2 ที่พัฒนาบ้านแพงรองจากกลุ่มอมันปุรี คาดว่าจะออกแบบเสร็จ และสามารถเปิดขายได้ในต้นปี 2567

ด้านความคืบหน้าโครงการ “เทตต์ สาทร ทเวลฟ์”ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนระหว่าง RML และโตเกียว ทาเทโมโนะ โดยมีสัดส่วนการลงทุน 51:49 เป็นคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 1 ไร่เศษ ความสูง 40 ชั้น ขนาดตั้งแต่ 40-118 ตารางเมตร ราคาตั้งแต่ 17.9-110 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 231 ยูนิต มูลค่าโครงการ 4,400 ล้านบาท

“เทตต์ สาทร ทเวลฟ์ นับเป็นความภาคภูมิใจครั้งใหม่ของ RML ซึ่งโครงการออกแบบตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองได้ครบทุกมิติ จึงทำให้กวาดยอดขายไปเร็วถึง 90% ตั้งแต่โครงการยังสร้างไม่เสร็จ รวมถึงลูกค้าต่างชาติตอบรับดีมาก ปัจจุบันมีโควตาลูกค้าชาวต่างชาติไปแล้ว 40% โดยลูกค้าชาวต่างชาติที่ซื้อเทตต์ สาทร ทเวลฟ์ 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน อเมริกา สิงคโปร์ ไต้หวัน และออสเตรเลีย ซึ่งส่วนใหญ่ลูกค้าซื้อโครงการเพื่ออยู่เอง 60% และซื้อไว้เพื่อลงทุน 40% ปัจจุบัน มียอดขายแล้ว 97%  โดยยูนิตที่แพงสุดคือราคา  110 บ้านบาท ซึ่งซื้อโดยลูกค้าชาวจีน โดย 10 ยูนิตสุดท้าย ได้จัดโปโมชั่น ปรับราคาขายลดลงประมาณ 20% คาดว่าจะปิดการขายทั้งหมดได้ภายในกลางปี 2567“นายกรณ์ กล่าว

นายกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่เปิดการขายโครงการดังกล่าวมา ได้ปรับราคาขายขึ้นมาแล้วประมาณ 2 ครั้ง คิดเป็น 15% เนื่องจากที่ตั้งโครงการอยู่ในทำเลศักยภาพ สามารถปล่อยเช่าได้ในราคา 900 บาท/ตารางเมตร หรือ 36,000 บาท/เดือนขึ้นไป โดยบริษัทฯตั้งเป้ายอดโอนโครงการดังกล่าวในปีนี้ไว้ที่ประมาณ 2,600 ล้านบาท โดยตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มียอดโอนแล้วถึงประมาณ 1,800 ล้านบาท ซึ่งเกินครึ่งของเป้าหมายที่ตั้งไว้ สะท้อนถึงเสียงตอบรับที่ดี และความไว้วางใจจากลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ RML เป็นอย่างมาก

“ตลาดคอนโดมิเนียมซูเปอร์ไพรม์ที่มีราคาขายเฉลี่ย 200,000 บาท/ตารางเมตรขึ้นไป ซึ่งเป็นเซกเมนต์ของโครงการ “เทตต์ สาทร ทเวลฟ์”ยังคงเติบโต แม้ว่าที่ดินในการพัฒนาจะน้อยลง แต่ความต้องการในตลาดกลุ่มนี้ยังมีสูง จากข้อมูลของฝ่ายวิจัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่าคอนโดฯ ซูเปอร์ไพรม์ในไตรมาส 2/2566 มีอุปทาน (Supply) เปิดใหม่เพียงแค่ 1% เท่านั้น ในขณะที่มีอัตราดูดซับ (Absorption Rate) อยู่ที่ 87% ซึ่งทำเลที่มีศักยภาพในโซน CBD อย่าง สีลม สาทร มีอุปทานคอนโดฯ ซูเปอร์ไพรม์อยู่ที่ 10% เพราะถูกดูดซับไปมากแล้วในช่วงที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าทำเลดังกล่าวยังคงได้รับความนิยม ด้วยทำเลที่มีปัจจัยที่ตอบโจทย์ทุกวิถีชีวิตได้อย่างดีเยี่ยม” นายกรณ์ กล่าวในที่สุด

toppercool

CEO,Prop2morrow Blogger อสังหาฯ , นักการตลาดดิจิตัล สาย Content marketing