บิ๊กพรีบิลท์ฯเผยภาพรวมตลาดอสังหาฯ ปี 66 ยังผจญหลากปัจจัยลบ คาดปี 67 มีแนวโน้มฟื้นตัว หวังภาครัฐต่อมาตรการช่วยเหลือ ดึงต่างชาติกลับมาลงทุนสร้างบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอย เดินหน้าขยายโครงการใหม่ต่อเนื่อง ตั้งเป้าซื้อที่ดินปีละ 500-1,000 ล้านบาท พัฒนาได้เบื้องต้น 1-2 โครงการ แย้มแผนปี 67 จ่อผุดโครงการเอง 2 โครงการ มูลค่า 1,700 ล้านบาท และร่วมทุนพันธมิตรเดิม-แลนด์ลอร์ดใหม่ 4-5 โครงการ ล่าสุดเตรียมเปิดตัว “พิมนารา ศาลายา”คาดปิดขายาทั้งโครงการภายในปีหน้า ตั้งเป้า 5 ปี โต 2 เท่าตัว ขณะที่ปีนี้รายได้แตะ 700 ล้านบาท และโกยยอดขาย 1,000 ล้านบาท

นายวิโรจน์ เจริญตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีบิลท์ จํากัด (มหาชน) หรือ PREB เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯปี 2566 ว่ายังเป็นปีที่ตลาดยังไม่ฟื้นตัวดี เพราะยังประสบกับหลายปัจจัยลบ โดยเฉพาะเรื่องการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยและยอด Reject ซึ่งโครงการของบริษัทฯบางโครงการมียอด Reject ที่สูง 30-50% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทำเล ส่วนภาพรวมตลาดปี 2567 นั้นมอว่าน่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เพราะนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ที่เข้าใจธุรกิจอสังหาฯเป็นอย่างดี ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีการต่อมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอน-จดจำนอง ออกไปอีก ที่สำคัญอยากให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และชะลอการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำออกไปก่อน รวมไปถึงการเมืองที่นิ่งกว่านี้ จะช่วยให้ภาพรวมเศรษฐกิจและธุรกิจอสังหาฯฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งมองว่าขณะนี้รัฐบาลก็ได้มีความพยายามเร่งฟื้นเศรษฐกิจยู่เช่นกัน หากสามารถทำให้ชาวต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนในประเทศได้มากขึ้น จะยิ่งทำให้บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยฟื้นตัวดีขึ้น
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯนั้น ยังคงเดินหน้าขยายโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยวางเป้าลงทุนซื้อที่ดินปีละ 500-1,000 ล้านบาท สามารถพัฒนาและเปิดโครงการใหม่ได้เบื้องต้น 1-2 โครงการ โดยปี 2567 มีแผนเปิดตัวโครงการที่พัฒนาเอง จำนวน 2 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 1,700 ล้านบาท ได้แก่ โครงการคอนโดฯโลว์ไรส์ ระดับลักชัวรี ความสูง 7-8 ชั้น บริเวณซอยสุขุมวิท 26 (ซอยท่านผู้หญิงพวงรัตน์ประไพ) บนพื้นที่ 359 ตารางวา ซึ่งถือเป็นการพัฒนาคอนโดฯเพื่อขายเองเป็นครั้งแรก ซึ่งผ่านการจัดทำรายงานการวิจัยผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ราคาขายอยู่ที่ประมาณ 150,000-160,000 บาท/ตารางเมตร จำนวนประมาณ 100 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 600-700 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดตัวประมาณไตรมาส 1/2567
ส่วนอีกโครงการเป็นบ้านหรูภายใต้แบรนด์ “พรรณนา ทวีวัฒนา” ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 20 ไร่ เป็นบ้านเดี่ยว ขนาดตั้งแต่ 100-130 ตารางวา ราคาเริ่มต้นที่ 18-25 ล้านบาท จำนวนประมาณ 54 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 1,000 ล้านบาท มีแผนจะเปิดตัวประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2567
นอกจากนี้ยังมีแผนร่วมทุนกับพันธมิตร 2 รายเดิม คือ บริษัท รีโว่ เอสเตท จำกัด และบริษัท พรีเมี่ยมเพลส กรุ๊ป จำกัด จำนวน 4 โครงการ โดยเบื้องต้นกับกลุ่มพรีเมี่ยงเพลสฯ จะมีการพัฒนาบ้านเดี่ยว ระดับราคาตั้งแต่ 30 ล้านบาทขึ้นไป บริเวณทำเลเกษตร-นวมินทร์ แต่ยังไม่สามารถเปิดแผยรายละเอียดได้
อีกทั้งยังมีแผนร่วมทุน(Joint Venture) กับพันธมิตรคนไทย ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน (แลนด์ลอร์ด)พัฒนาคอนโดมิเนียมแนวสูงประมาณ 40 ชั้น อีกด้วย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้
“แม้ตลาดคอนโดมิเนียม ยังไม่ฟื้นตัวมาก แต่เราเชื่อมั่นในเรื่องของการพัฒนาและแบรนด์ของพรีบิลท์ ซึ่งเรามีธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง มีประสบการณ์ในการงานก่อสร้างโครงการใหญ่ระดับประเทศมาแล้ว ซึ่งรายละเอียดยังไม่สามาถเปิดเผยได้มาก ขณะที่ ตลาดแนวราบ เราก็ยังมองว่าเป็นตลาดที่ปลอดภัยสุด สามารถสร้างกระแสเงินสดให้กับธุรกิจพรีบิลท์ฯได้อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ โดยในอนาคต พรีบิลท์ฯมีแผนจะขยายไปในทุกเซกเมนต์ ทั้งทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด โฮมออฟฟิศ และคอนโดมิเนียม” นายวิโรจน์ กล่าว
ล่าสุด บริษัทฯได้เปิดโครงการใหม่ “พิมนารา ศาลายา” ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 16 ไร่ พัฒนารูปแบบบ้านเดี่ยว ขนาด 50-70 ตารางวา มีความเป็นส่วนตัวด้วยจำนวน 77 ยูนิตเท่านั้น ราคาเริ่มต้น 5.99-7 ล้านบาท มูลค่าโครงการกว่า 600 ล้านบาท ด้วยฟังก์ชั่นที่เป็นการปฏิวัติการออกแบบพื้นที่การใช้งานภายในบ้านของบ้านขนาดกลาง มีจำนวน 4 ห้องนอน 1 ห้องทำงาน ที่ห้องทำงานสามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอนที่ 5 ได้ รวมถึงห้องครัวขนาดใหญ่ ที่สามารถสลับฟังก์ชั่นกับห้องทำงานได้ ตามไลฟ์สไตล์ พร้อมสวนส่วนตัวอีก 2 สวนที่อยู่ด้านบ้านและหลังบ้าน ซึ่งจะเริ่มพรีเซลครั้งแรกในวันที่ 25-26 พฤศจิกายน 2566 ปัจจุบันมีลูกค้าบางส่วนโอนเงินสดจองมาแล้ว 3-4 ยูนิต เนื่องจากเห็นว่าฟังก์ชั่นโครงการตอบโจทย์และราคาสมเหตุสมผล คาดว่าจะปิดการขายได้ภายในปี 2567
“ในทำเลนี้มีผู้ประกอบการเข้ามาพัฒนาเป็นจำนวนมาก แม้เราจะเป็นน้องใหม่ในทำเลนี้ แต่ก็มีความมั่นใจในที่ตั้งโครงการที่เดินทางได้สะดวกสบาย และจากประสบการณ์ในการรับเหมาก่อสร้าง ทำให้สามารถออกแบบฟังก์ชั่นการอยู่อาศัยได้ตอบโจทย์ อีกทั้งราคาขายก็ถูกกว่าผู้ประกอบการรายอื่นถึง 10% และคุณภาพที่คุ้มค่าในการอยู่อาศัย อีกทั้งเป็นการพัฒนาบ้านสร้างก่อนขาย ที่ลูกค้าสามารถตัดสินใจซื้อและเข้าอยู่ได้ทันที”นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ กล่าวถึงในส่วนของโครงการที่อยู่ระหว่างการเปิดขายขณะนี้ มีจำนวน 3 โครงการ ได้แก่
1.โครงการ พิมนารา ศรีนครินทร์-บางนา มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายและโอนฯไปกว่า 80% แล้ว เหลือเฟสสุดท้ายที่มาพร้อมกับโปรโมชั่นก่อนปิดโครงการ ในราคาเพียง 7.29 ล้านบาท
2.โครงการพิมนารา ธรรมศาสตร์ รังสิต บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ตกแต่งรูปแบบ Modern Classic โทนขาวตัดขอบดำ สไตล์ Jo Malone ทำให้บ้านดูหรูหรา ทางโครงการแต่งให้ทั้งหลัง เพียง 6.39 ล้านบาท
3.โครงการพรีวิลเลจ ธรรมศาสตร์ รังสิต ทาวน์โฮม 2 ชั้น ลูกค้าให้ความสนใจทั้งซื้อเพื่ออยู่อาศัยและซื้อเพื่อปล่อยเช่า ซึ่งปัจจุบัน ทางโครงการได้กลุ่มลูกค้าที่เปลี่ยนใจจากการซื้อคอนโดฯมาซื้อทาวน์เฮาส์ ทดแทนค่อนข้างมาก โดยได้จัดเป็นทาวน์โฮมพร้อมตกแต่ง ที่สามารถเข้าอยู่ได้เช่นกัน ในราคาเพียง 2.79 ล้านบาท
“แผนการลงทุนในแต่ละปี ก็เพื่อรองรับให้สอดคล้องกับเป้าหมายธุรกิจในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ที่จะมีรายได้เติบโตเป็น 2 เท่า โดยในปี 2566 คาดว่าธุรกิจพัฒนาอสังหาฯเพื่อการขาย จะมีรายได้จากการโอนฯที่อยู่อาศัยประมาณ 700 ล้านบาท มียอดขายประมาณ 1,000 ล้านบาท และในปีถัดไปบริษัทจะเติบโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ10 และภายในระยะเวลา 5 ปีนับจากนี้ จะมีการเติบโต 2 เท่าตัว หรือมีรายได้ใกล้ตัวเลข 1,000 ล้านบาท ยอดขายประมาณกว่า 1,800 ล้านบาท” นายวิโรจน์ กล่าวในที่สุด