พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ปรับเพดานบ้านลักชัวรีให้อยู่ในระดับราคา 120-130ล้านบาท เพื่อโฟกัสกลุ่มลูกค้าไทยมากขึ้น หลังกลุ่มลูกค้าหลัก “คนจีน”ลดลงถึง 30% เหตุปัญหาทุนจีนสีเทา นักท่องเที่ยวจีนยังไม่กลับเข้าสู่ตลาดเต็มตัว ล่าสุดเปิดตัวเฟสใหม่โครงการเบลล่า เดล มอนเต้ ครีก วัลเล่ย์ ย่านเขาใหญ่ จำนวน 24 ยูนิตเป็นวิลล่าอยู่ติดน้ำ ทั้งติดทะเลสาบหรือติดลำธาร ขนาดพื้นที่ใช้สอย 300–1,271 ตารางเมตร ราคา 28–159 ล้านบาท เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการวันที่ 2–4 ธันวาคมนี้
นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยว่า บริษัทยังคงโฟกัสตลาดบ้านระดับลักชัวรีเป็นหลัก โดยเน้นกลุ่มลูกค้าหลักทั้งคนไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าชาวจีนที่ถือว่าเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก แต่ในช่วงที่ผ่านมากลุ่มลูกค้าคนจีนเดินทางเข้ามาในประเทศไทยลดลง ประกอบกับมีประเด็นเรื่องธุรกิจสีเทาจีนเข้ามาอาศัยใช้ประเทศไทยเป็นฐานสำคัญในการกระทำความผิดกฎหมายหลายรูปแบบ ทำให้ยอดขายจากกลุ่มลูกค้าคนจีนของบริษัทลดลงถึง 30% หรือคิดเป็นมูลค่าสูงประมาณ 500 ล้านบาท
ทำให้บริษัทต้องโฟกัสกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนไทยและจากประเทศยุโรปมากขึ้น รวมทั้งต้องมีการปรับโปรดักส์สินค้าและราคา ให้สอดคล้องกับดีมานด์ใหม่ เช่น จากเดิมที่พัฒนาบ้านลักชัวรีขายในกรุงเทพฯ ราคา 180-190 ล้านบาทต่อหลัง ก็ต้องลดเพดานลงมาอยู่ในระดับราคา 120-130ล้านบาทแทน
“เดิมกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่เข้ามาที่อยู่อาศัยของเพอร์เฟค จะเป็นลูกค้าคนจีนมาถึง 50% ที่เหลือจะเป็นกลุ่มลูกค้าชาววไต้หวัน ฮ่องกง และยุโรป แต่ปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าคนจีนลดลงค่อนข้างมาก ส่วนคนที่ซื้อไว้ก่อนหน้านี้ แม้จะไม่ทิ้งดาวน์ แต่ก็ขอเลื่อนการโอนกรรมสิทธิ์ออกไปถึงปี 2567 ทำให้บริษัทต้องหันมาโฟกัสที่กลุ่มลูกค้าคนไทยมากขึ้น รวมถึงชาวยุโรป”
ทั้งนี้บริษัทคาดหวังรัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาฯ เพื่อให้ภาพรวมตลาดอสังหาฯกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยเฉพาะมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และจดจำนอง ที่จะสิ้นสุดภายในสิ้นปีนี้ ควรมีการต่ออายุมาตรการออกไปอีกอย่างน้อย 1-2 ปี และควรขยายวงเงินให้ครอบคลุมจากระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทเพิ่มเป็นระดับราคาไม่เกิน 5 ล้านบาทหรือจะขยับเพิ่มเป็น 10 ล้านบาทก็จะครอบคลุมกลุ่มลูกค้าได้กว้างขึ้น รวมถึงความเข้มงวดในการปล่อยเงินกู้ตามเกณฑ์เกี่ยวกับ LTV หากธนาคารผ่อนปรนเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อก็จะส่งผลดีต่อการขอสินเชื่อของผู้ซื้อได้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันกลุ่มผู้ซื้อที่มีรายได้น้อย เข้าถึงวงเงินสินเชื่อของธนาคารได้ยาก
“ปัจจุบันตัวเลข Reject Rate ของกลุ่มลูกค้าที่ซื้อบ้านราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาทของบริษัทขยับเพิ่มขึ้นจากเดิมมีสัดส่วนประมาณ 30% เพิ่มขึ้นเป็น 40% แม้บริษัทจะมีการ Pre Appove ลูกค้าก่อนซื้อแล้วก็ตาม ขณะที่กลุ่มสินค้าระดับบนไม่มีปัญหา ลูกค้ากู้ผ่าน”
สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงเดือนที่เหลือของปีนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ตามแผนที่วางไว้ เช่น คอนโดมิเนียมโซนพัฒนาการ โครงการบ้านหรูที่เขาใหญ่ และโครงการร่วมทุนกับกลุ่มซูมิโตโม โดยล่าสุดได้เปิดตัววิลล่าตากอากาศระดับลักซ์ชัวรี่เฟสใหม่ในโครงการเบลล่า เดล มอนเต้ ครีก วัลเล่ย์ ย่านเขาใหญ่ บนพื้นที่ 55 ไร่ จำนวน 24 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท ออกแบบภายใต้แนวคิด “Creek Valley” พื้นที่ส่วนกลางมีลำธารน้ำตกและมีลำธารไหลผ่านบ้าน โดยบ้านทุกหลังเป็นบ้านบนเนิน เพื่อให้เห็นทัศนียภาพของภูเขาและลำธารได้โดยไม่บังวิวกัน โดยจุดเด่นของเฟสใหม่คือวิลล่าส่วนใหญ่กว่า 80% อยู่ติดน้ำ ทั้งติดทะเลสาบหรือติดลำธาร
ส่วนแบบบ้านรุ่นใหม่เป็นวิลล่าตากอากาศในสไตล์อิตาเลี่ยน มีให้เลือก 7 แบบ เนื้อที่ 282-964 ตารางวา ขนาดพื้นที่ใช้สอย 300–1,271 ตารางเมตร โดยบ้านทุกหลังเป็นพูลวิลล่าพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว จับกลุ่ม Double Income No Kids หรือ DINKs ซึ่งเป็นครอบครัวคู่ คนรุ่นใหม่ที่มีรายได้ เงินออม และใช้จ่ายได้มากขึ้น โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 2–4 ธันวาคมนี้ ราคา 28–159 ล้านบาท
“ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ตลาดอสังหาฯทำเลเขาใหญ่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นทำเลยอดนิยมในกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง ที่ต้องการบ้านพักตากอากาศหรูใกล้กรุงเทพ ในบรรยากาศขุนเขา นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากโครงการทางหลวงพิเศษสายบางปะอิน–นครราชสีมา (มอเตอร์เวย์โคราช) ที่จะเปิดให้บริการบางส่วนปลายเดือนธันวาคมนี้ จะช่วยร่นระยะเวลาการเดินทางให้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น”
โครงการเบลล่า เดล มอนเต้ เขาใหญ่ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ทั้งหมด 180 ไร่ แบ่งการพัฒนาออกเป็น 4เฟส โดยเฟสแรกมีพื้นที่ 56 ไร่ จำนวน 30 ยูนิต มูลค่า 1,500 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะปิดการขายได้ภายใน 1ปี โดยลูกค้าหลักเป็นกลุ่มคุณหมอ และเจ้าของกิจการ