PSH ชี้ตลาดอสังหาฯปี 67 ชะลอตัว รุก “บ้านกรีนเฮ้าส์” ทาวน์เฮาส์ราคาไม่เกิน 1.5 ล้าน

You are currently viewing PSH ชี้ตลาดอสังหาฯปี 67 ชะลอตัว รุก “บ้านกรีนเฮ้าส์” ทาวน์เฮาส์ราคาไม่เกิน 1.5 ล้าน

“พฤกษาฯ”ประเมินตลาดอสังหาฯปี’ 67 ชะลอตัวเติบโตน้อยกว่าปี 2566 เหตุกำลังซื้อถูกดูดซับไปเยอะช่วง 2ปีที่ผ่านมา  ขณะที่ราคาวัสดุก่อสร้างปรับขึ้นสูง ดันต้นทุนค่าก่อสร้างพุ่ง ปรับแผนเน้นสร้างบ้านขายราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท แบรนด์ “กรีนเฮ้าส์”เปิด 6 โครงการใหม่ปีหน้า หลังโครงการนำร่อง บ้านกรีนเฮ้าส์ รังสิต สเตชั่น – ซ.เวิร์คพอยท์ ระแสตอบรับแรง

นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2567 อาจจะเติบโตน้อยกว่าปีนี้ เนื่องจากกำลังซื้อได้ถูกดูดซับไปพอสมควรในช่วง 2ปีที่ผ่านมา  ขณะที่วัสดุก่อสร้างได้ปรับราคาขึ้น ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น และล่าสุดรัฐบาลมีแผนจะปรับฐานรายได้ค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้น ทำให้ต้นทุนในการสร้างบ้านของผู้ประกอบการขยับเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีปัจจัยกระทบจากภายนอก เช่น ปัญหาจากการสงครามการสู้รบในต่างประเทศ เศรษฐกิจในยุโรปและอเมริกาที่ถดถอย จะส่งผลกระทบต่อการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทยของชาวต่างชาติ

อย่างไรก็ตามตลาดอสังหาฯยังได้รับปัจจัยสนัสนุนจากนโยบายของภาครัฐ ทั้งมาตรการลดค่าครองชีพ สถาบันการเงินทั้งธนาคารออมสินและธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้เปิดตัวแคมเปญดอกเบี้ยเงินกู้อัตราพิเศษสำหรับบ้านล้านหลัง และบ้านกรีนโลนหรือบ้านเพื่อพลังงานสีเขียว ซึ่งถือว่าเป็นนโยบายที่ดีที่ภาครัฐควรให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดกลุ่มพฤกษาได้พัฒนาสินค้าแบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อ “บ้านกรีนเฮ้าส์” โดยได้ปฏิวัติการออกแบบฟังก์ชันการอยู่อาศัย และได้นำเทคโนโลยีเข้ามาจัดสรรการอยู่อาศัยที่มีมาตรฐาน ให้ความสาคัญกับพื้นที่ส่วนกลาง เจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการมีบ้านหลังแรก โดยโครงการแรกนำร่อง คือ บ้านกรีนเฮ้าส์ รังสิต สเตชั่น – ซ.เวิร์คพอยท์ ทาวน์เฮาส์ 2ชั้น ขนาด 2ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ที่จอดรถในบ้าน 1คัน พร้อมสมาร์ทโซลาร์ ราคาเริ่มต้น 1.29-1.5  ล้านบาท ผ่อนค่างวดกับธนาคารไม่เกิน 5,000 บาทต่อเดือน ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี สามารถทำยอดขายได้ถึง 75% ภายใน2 วันแรก

ทำให้ในปี 2567 บริษัทจะขยายการลงทุนไปยังกลุ่มบ้านกรีนเฮ้าส์เพิ่มขึ้น เบื้องต้นวางแผนจะเปิดตัว 6 โครงการใหม่ในทำเลพื้นที่กรุงเทพชานเมือง โดยเน้นจุดขายการออกแบบพัฒนาตามแนวคิด “Sharing is Caring” เป็นวิถีการอยู่อาศัยในสังคมแบ่งปันแบบ Co Space โดยมีพื้นที่ส่วนกลางให้ทุกคนได้แบ่งสันปันส่วน ได้ใช้งานร่วมกันอย่างเอื้อเฟื้อ และมีกิจกรรมที่เอื้อให้ทุกครอบครัวได้มาพบกับมิตรภาพใหม่

นอกจากนี้บริษัทได้ต่อยอดความสำเร็จของโครงการ Accelerate Impact with PRUKSA ซีซันแรก ที่ได้สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อผู้คนทั้งเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้ และการมีโซลูชันเชิงรุกเพื่อดูแลผู้สูงวัย เปิดตัวโครงการ Accelerate Impact with PRUKSA ซีซัน 2 ซึ่งมีเป้าหมายเฟ้นหาผู้ประกอบการธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ที่จะมาร่วมกันยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของคนไทยให้ดีขึ้นภายใต้แนวคิด “อยู่ดี มีสุข” ซึ่งโจทย์การแข่งขันปีนี้ยังคงเน้นเรื่องการสร้างเสริมสุขภาพกายและใจที่ดี ลดความเหลื่อมล้ำและเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นต่อโอกาสทางการงาน และได้เพิ่มความท้าทายใหม่ด้วยโจทย์การแข่งขันที่สร้างผลกระทบเชิงบวกด้านสิ่งแวดล้อม

โดยได้คัดเลือกผู้ผ่านเข้ารอบที่มีคุณสมบัติ และมีเป้าหมายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์โครงการ ได้แก่ ทีมแอ็กนอสเฮลท์ จากบริษัท แอ็กนอสเฮลท์ จำกัด ผู้พัฒนาแอปพลิเคชันที่ช่วยวิเคราะห์อาการของโรคและประเมินความเสี่ยง พร้อมบอกวิธีการรับมือ เพื่อช่วยลดภาระของแพทย์ในกรณีที่มีอาการป่วยเพียงเล็กน้อยและลดต้นทุนในการรักษาพยาบาล

ทีมฟาร์มแคร์ จากบริษัท ฟาร์มแคร์ กรุ๊ป จำกัด ผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม “PHARMCARE” ตัวช่วยอัจฉริยะที่ทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพที่ดี สามารถค้นหาและเข้าถึงร้านขายยาที่มีคุณภาพ โดยมีเภสัชกรที่มีความรู้ พร้อมให้คำแนะนำ และมีบริการด้านสุขภาพที่สามารถเช็กสุขภาพและวิเคราะห์โรคได้เบื้องต้น โดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม ทีมแล็บมูฟ จากบริษัท แล็บมูฟ จำกัด ผู้ให้บริการเจาะเลือดถึงที่พักอาศัยโดยนักเทคนิคการแพทย์ เพื่อช่วยลดความหนาแน่นในโรงพยาบาล และทีมวงศ์ไผ่ จากบริษัท วงศ์ไผ่ จำกัด ธุรกิจที่ช่วยเหลือชุมชนที่ต้องการจัดการกับเศษไผ่เหลือทิ้ง และช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมเรื่องดินเปรี้ยวในแปลงเกษตร โดยการผลิต KN Biochar จากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสร้างเศรษฐกิจในชุมชน

ทั้งนี้ผู้ผ่านเข้ารอบทุกทีมจะได้รับเงินทุน 600,000 บาท พร้อมรับการบ่มเพาะด้วยหลักสูตรเข้มข้นในกิจกรรม Accelerate Impact เพื่อเพิ่มพูนความรู้และพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ จากผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา รวมถึงได้รับคำปรึกษาจากผู้บริหารและพนักงานพฤกษาที่คอยให้คำแนะนำ สนับสนุนการทำงานของแต่ละทีมอย่างใกล้ชิด และยังสามารถเข้าถึงเครื่องมือและทรัพยากรที่จำเป็นจากพฤกษา สำหรับการพัฒนาธุรกิจตลอดระยะเวลาโครงการ