มีประสบการณ์โชกโชนในธุรกิจด้านงานบริหารชุมชนมากว่า 32 ปี สำหรับบริษัทแอล พี พี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด หรือชื่อเดิมบริษัท ลุมพินี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในเครือแอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ที่จัดตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อมุ่งเน้นการเพิ่มคุณค่าของการบริการหลังการส่งมอบโครงการที่บริษัทแอล.พี.เอ็น.พัฒนาขึ้น
ปัจจุบันมีงานบริหารคอนโดมิเนียมมากกว่า 250 นิติบุคคล และบ้านจัดสรรประมาณ 30-50 นิติบุคคลทั้งของแอล.พี.เอ็น.และบริษัทอสังหาฯทั่วไป รวมถึงงานบริการจัดหาผู้เช่าและผู้ซื้อ โดยเฉพาะการบริหารทรัพย์สินประเภทห้องชุดพักอาศัยที่ผู้ซื้อ (นักลงทุน) ต้องการจัดหาผู้เช่าและผู้ซื้อ
นายสุรวุฒิ สุขเจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล พี พี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด หรือ LPP เปิดเผยว่า ในช่วง 3ปีที่ผ่านมากลุ่มLPPได้ขยายงานบริการด้านวิศวกรรม รับผิดชอบในการให้บริการด้านวิศวกรรมอาคารชุดตามความต้องการของลูกค้าแบบครบวงจร ตั้งแต่การดูแลควบคุม การบำรุงรักษา การซ่อมแซมอาคารชุด เช่น งานระบบไฟฟ้า ระบบสุขาภิบาล ระบบป้องกันอัคคีภัย ระบบปรับอากาศ และงานทาสีอาคาร เป็นต้น
นอกจากนี้ยังได้ขยายงานบริการบริหารโครงการก่อสร้างให้กับบริษัทพัฒนาอสังหาฯทั่วไปและบริษัทในเครือ งานด้านงานบริการชุมชน ดูแลรักษาความสะอาด และงานรักษาความปลอดภัย ที่ดำเนิงานโดยบริษัทแอลเอสเอส โซลูชั่นส์ จำกัด (LSS)
“ปัจจุบันโครงสร้างการดำเนินธุรกิจของ LPP ยังคงเน้นงานด้านบริหารนิติบุคคลในสัดส่วน 60% งานด้านวิศวกรรม 20% งานด้านรักษาความปลอดภัยและงานบริการทำความสะอาด 20 % ส่วนในอนาคตจะเพิ่มสัดส่วนงานด้านวิศวกรรม งานด้านรักษาความปลอดภัยและงานบริการทำความสะอาดเป็น 50% เพราะมองเห็นเทรนด์อาคารที่ก่อสร้างมานานกว่า 10 ปีจะต้องมีการรีโนเวท ดูแล ซ่อมแซมโครงสร้างภายในอาคารเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งวางแผนจะขยายการรับงานไปต่างจังหวัดเพิ่มด้วยในปีหน้า โดยเน้นจังหวัดที่ LPN ได้มีการพัฒนาโครงการไปแล้ว เช่น ชลบุรี อุดรธานี และหัวหิน”
ล่าสุดบริษัทได้เข้าไปถือหุ้นในบริษัท พี ดับบลิว กรุ๊ป เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (PW Group) ในสัดส่วน 60% เพื่อดำเนินธุรกิจงานระบบไฟฟ้าประปาและระบบปรับอากาศภายในอาคาร ซึ่งในปีที่ผ่านมาสามารถทำรายได้สูงถึง 80 ล้านบาทและคาดว่าปีนี้รายได้จะเพิ่มขึ้นเป็น 130 ล้านบาท
รวมทั้งได้ร่วมมือกับบริษัทบริษัท ซลีปชาร์จ จำกัด ในการขยายโซลูชั่นด้านบริการจุดชาร์จรถ EV สำหรับคอนโดมิเนียมและที่พักอาศัยร่วมโดยเฉพาะ (Custom Experience) เพื่ออำนวยความสะดวกสบายและตอบโจทย์การใช้ชีวิตในปัจจุบันให้แก่ผู้อยู่อาศัยภายในโครงการที่ LPP ดูแล ล่าสุดได้นำร่องติดตั้งสถานีชาร์จในโครงการที่อยู่อาศัยภายใต้การบริหารจัดการของ LPP ไปแล้วจำนวน 7 โครงการ หรือ 14 เครื่องชาร์จ คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 20 โครงการ และเพิ่มเป็น 100 โครงการในปี 2567
ด้านผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 1,550 ล้านบาท เติบโต 30% จากปีที่ผ่านมาที่มีรายได้รวม 1,200 ล้านบาท และตั้งเป้ากำไรไว้ที่ 140 ล้านบาท ส่วนเป้าหมายในปีหน้าตั้งเป้ารายได้และกำไรเพิ่มขึ้น 20%