“อรดา” อสังหาฯ ในเครือ DCON ลุยพัฒนาบ้านนแนวราบ เจาะกลุ่ม Real Demand ในระดับราคา 2-7 ล้านบาท จ่อเปิดตัว 2 โครงการใหม่ควบคู่กับขายโครงการต่อเนื่องอีก 3โครงการ เพื่อดันยอดขายปีนี้แตะ 400 ล้านบาท ล่าสุดเปิดตัวโครงการ GRAND DECO ศาลายา บ้านแฝด บ้านเดี่ยว และอาคารพาณิชย์ โกยยอดขายเฟสแรกแล้ว 50%

นางสาววิศรา พรกุล กรรมการ บริษัท อรดา จำกัด ในเครือบริษัทดีคอนโปรดักส์ จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าลงทุนโครงการที่อยู่อาศัยเฉลี่ยปีละ 2โครงการ มูลค่าไม่เกิน 1,000 ล้านบาทต่อโครงการ โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบเป็นหลัก จับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจริงหรือกลุ่ม Real Demand ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในระดับราคา 2-7 ล้านบาท เน้นทำเลชานเมืองหรือปริมณฑลบนที่ดินขนาด 20-30 ไร่ ใช้เวลาในการพัฒนาและขายประมาณ 2-3 ปี

โดยปีนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้กว่า 400 ล้านบาท มีแผนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ 2 โครงการเป็นบ้านแนวราบ ประกอบด้วยโครงการบ้านเดี่ยว GRAND DECO นครปฐม ใกล้กับศูนย์ราชการใหม่ บนเนื้อที่กว่า 33 ไร่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ มูลค่าโครงการ 780 ล้านบาท ส่วนอีก 1 โครงการจะอยู่ในจังหวัดปทุมธานี มูลค่าโครงการ 750 ล้านบาท พัฒนาเป็นทาวน์โฮมราคาขายกว่า  2 ล้านนบาท จะเปิดตัวช่วงปลายปีนี้เช่นกัน

ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและพัฒนา 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการดีคอน ไพรม์ รัตนาธิเบศร์ เป็นคอนโดฯไฮไรส์พร้อมอยู่สูง 38ชั้นจำนวน 638 ยูนิต ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 27.08-61.01 ตารางเมตร  พร้อมแถมเฟอร์นิเจอร์ STARMARK ครบชุด ทำยอดขายได้แล้ว 80%    โดยบริษัทได้นำห้องชุดส่วนหนึ่งมาปล่อยเช่าในราคาค่าเช่า 12,000 บาท ล่าสุดมีการลดค่าเช่าเหลือ 5,200 บาท พร้อมกับวางแผนจะนำห้องชุดส่วนนี้มารีโนเวตและเปิดขายให้กับลูกค้าทั่วไป รวมถึงกลุ่มผู้เช่าเดิม โดยอยู่ระหว่างศึกษาจะเปลี่ยนรูปแบบจากการเช่าเป็นการเช่าซื้อ เพื่อให้ลูกค้าที่จ่ายค่าเช่ามาแล้วประมาณ 2-3ปี สามารถนำเงินค่าเช่ามาเปลี่ยนเป็นเงินดาวน์แทน

นอกจากนี้ยังมีโครงการแนวราบอีก 2 โครงการ คือ โครงการ THE DECO บางนา มูลค่าโครงการ 930 ล้านบาท ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 35 ไร่จำนวน 292 ยูนิต พัฒนาเป็นบ้านแฝด 2 ชั้น เนื้อที่ 37.5 ตารางวา มี 2 แบบบ้านให้เลือก คือ SPACE และ WIDE พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 155-161 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้น 4.09 ล้านบาทต่อยูนิต และทาวน์โฮม CONNECT 2 ชั้น เนื้อที่ 20.70 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 125 ตารางเมตร ราคาขาย 2.49 ล้านบาท และอาคารพาณิชย์ 3 ชั้นที่จะเปิดขายในอนาคต ทำยอดขายได้แล้ว 20%

“โครงการออกแบบสไตล์โมเดิร์นที่ ภายในตัวบ้านมีฟังก์ชันตอบรับทุกการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ปลอดโปร่ง โล่งสบาย” ห้อง Master Bedroom พื้นถึงฝ้าเพดานสูงถึง 3.1 เมตร อยู่ใกล้ทางด่วน ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย พร้อมส่วนกลางจัดเต็ม Co-Working Space, Fitness, สระว่ายน้ำ, สวนส่วนกลางครบ ไม่ว่าจะเป็นสนามบาส และสนามเด็กเล่น พร้อมคาเฟ่ส่วนตัวที่ Lake Paradise ติดโครงการ“

และโครงการ GRAND DECO ศาลายา มูลค่าโครงการ 810 ล้านบาท บนเนื้อที่กว่า 29 ไร่ พัฒนาเป็นบ้านแฝด บ้านเดี่ยว และอาคารพาณิชย์ สไตล์ Minimal Nordic จำนวน 163 ยูนิต ประกอบด้วยบ้านแบบ DAISY บ้านเดี่ยว 2 ชั้นขนาดใหญ่จำนวน 24 ยูนิต เนื้อที่ 56 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 225 ตารางเมตร เป็นบ้านหน้ากว้าง 15 เมตร ลึกถึง 7.7 เมตร จำนวนถึง 5 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ และ 3 ที่จอดรถ ห้องนอนใหญ่สามารถกั้นพื้นที่ Walk- in Closet ได้ ราคาขายเริ่มต้น 6.59 ล้านบาท

ส่วนบ้านแบบ LILY เป็นบ้านแฝด 2 ชั้นหน้ากว้างถึง 10 เมตร ลึก 6 เมตร เนื้อที่ 37.5 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 155 ตารางงเมตร ออกแบบให้ความรู้สึกเหมือนบ้านเดี่ยว หน้ากว้าง 10 เมตร จอดรถได้ 2 คัน มี 3 ห้องนอน 1 ห้องเอนกประสงค์ และ 3 ห้องน้ำ พร้อมห้องนอนชั้นล่างสำหรับผู้สูงอายุ ราคาขายเริ่มต้น 4.59 ล้านบาท ส่วนอาคารพาณิชย์ 3.5 ชั้นจำนวน 10 ยูนิต ตั้งอยู่ด้านหน้าโครงการเป็นพื้นที่ขายในอนาคต

โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของโครงการ GRAND DECO ศาลายา จะเป็น Gen Y, Gen X ที่มีอายุ 27-55 ปี ที่มีรายได้ต่อเดือน 45,000 –80,000 บาท โดยเปิดขายบ้านเฟสแรกก่อนจำนวน 27 ยูนิต ทำยอดขายได้แล้ว 50%

ทั้งนี้ตลาดที่อยู่อาศัยในย่านศาลายามีการแข่งขันค่อนข้างสูงจากคู่แข่งที่มีจำนวนมาก เพราะเป็นพื้นที่ไม่ไกลจากเมืองและยังสามารถเดินทางเข้า-ออกเมืองได้สะดวก มีทั้งทางด่วน ห้างสรรพสินค้า ใกล้โรงพยาบาล สถานที่ราชการต่างๆ และในอนาคตจะมีโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีแดงอ่อน จากสถานีตลิ่งชันมาถึงศาลายาด้วย และมอร์เตอร์เวย์ M81 บางใหญ่-กาญจนบุรี