ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ประกาศแผนธุรกิจปี 2567 เดินหน้าขยายธุรกิจสู่การเป็น National Property Company มีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 8 – 12 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 7,000 – 8,000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้ายอดขายที่ 6,550 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ 5,250 ล้านบาท ตั้งงบการจัดซื้อที่ดิน 1,500 ล้านบาท
นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจโลกยังชะลอตัวลงต่อเนื่องจากปี 2565 เพราะต้องเผชิญกับความเสี่ยงทั้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นระยะในหลายภูมิภาค รวมถึงการพยายามควบคุมเงินเฟ้อ โดยการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ ยุโรป โดยเฉพาะเฟดมีการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 5.25% – 5.50% ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดในรอบกว่า 20 ปี
ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจไทย ยังต้องพึ่งพิงต่างประเทศอย่างมาก ทั้งจากการส่งออก การท่องเที่ยว รวมถึงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ซึ่งในปี 2566 ที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ชะลอตัว ทั้งสหรัฐฯ ยุโรป และประเทศจีน ส่งผลให้การส่งออกของไทยทั้งปีน่าจะหดตัวประมาณ 1.5% ขณะที่ภาคการท่องเที่ยว แม้จะสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่องจากปี 2565 แต่ก็เป็นการขยายตัวได้ต่ำกว่าเป้าหมาย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่ยังไม่กลับมา โดยประเมินว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเมืองไทยประมาณ 34-35 ล้านคน เพิ่มขึ้น 20% จากปี 2566 ส่วนการบริโภคขอประชาชนและการลงทุนของภาครัฐก็หดตัวลงจากการจัดตั้งรัฐบาลช้า และการจัดทำงบประมาณปี 2567 ที่ล่าช้า ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในปี 2566 ขยายตัวได้ต่ำกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้มาก และคาดว่าในปี 2567 นี้จะขยายตัวได้ประมาณ 2.5% – 3.5%
ส่วนภาคอสังหาริมทรัพย์ในปี 2567 นี้ยังคงมีปัจจัยบวกจากอัตราดอกเบี้ยที่เริ่มนิ่ง และมีแนวโน้มที่จะปรับลดลงได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยได้เร็วขึ้น รวมถึงการต่ออายุมาตรการภาครัฐ ทั้งการลดค่าธรรมเนียมการโอน และค่าธรรมเนียมจำนอง สำหรับที่อยู่อาศัยที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ไปถึงสิ้นปี 2567
ดังนั้นในปีนี้บริษัทจะเน้นการดำเนินธุรกิจ และการขยายธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ โดยวางงบในการซื้อที่ดินไว้ที่ 1,500 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 6,550 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ 5,250 ล้านบาท โดยมี Backlog ที่สร้างเสร็จพร้อมขายและพร้อมโอนในปีนี้จำนวน 9,000 ล้านบาท
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในนปีนี้บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ประมาณ 8 – 12 โครงการ มูลค่ารวม 7,000 – 8,000 ล้านบาทเป็นบ้านแนวราบทั้งหมดครอบคลุม 4 มุมเมืองทั้งปทุมธานี สมุทรสาคร สมุทรปราการ และนครปฐม เบื้องต้นจะเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกก่อน 6โครงการ มูลค่าประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท ส่วนในช่วงครึ่งปีหลังจะรอดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจภายในประเทศก่อนเพื่อนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนโครงการที่เหลือ
นอกจากนี้จะเน้นการลงทุนโครงการขนาดเล็กลง เนื้อที่ไม่เกิน 20-30 ไร่ค่อโครงการขากเดิมขนาด40-50 ไร่ เพื่อปิดการขายและก่อสร้างโครงการในเวลาที่สั้นลง จับกลุ่มสินค้าราคาตั้งแต่ 2-10 ล้านบาท
สำหรับแผนการตลาดยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์ที่ให้ความสำคัญกับลูกค้า โดยยึดหลัก Customer Centric ผ่านกลยุทธ์ทั้ง Lifestyle Marketing และ Experience Marketing โดยการทำ Brand collaboration เพื่อเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ อีกทั้งสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในทุกกลุ่มเป้าหมายด้วย นอกจากนี้ยังเน้นการทำการตลาดผ่านช่องทาง Digital ในช่องทางใหม่ให้หลากหลายมากขึ้น เพื่อตอบรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน