จากพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ที่เรียกว่า “Generation Rent” เป็นกลุ่มที่มีความสามารถในการเช่ามากกว่าซื้อ ดังนั้นการพัฒนาโครงการเพื่อขายให้กับนักลงทุนเพื่อปล่อยเช่า จึงเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ประกอบการอสังหาฯในการพัฒนาโครงการเพื่อตอบโจทย์กับความต้องการของทั้งผู้ลงทุนและผู้เช่า แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ แนะ 5 ปัจจัยในการเลือกซื้อห้องชุดเพื่อปล่อยเช่าตอบโจทย์พฤติกรรมการอยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่ที่นิยมเช่ามากกว่าซื้อ
นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัทแอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด (แอล ดับเบิลยู เอส) บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือบริษัท แอล พี เอ็น ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) กล่าวถึงแนวโน้มการซื้อที่อยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่ว่า จากผลการสำรวจพฤติกรรมการอยู่อาศัยในอาคารชุดพักอาศัยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาของทีมวิจัยด้านงานบริการพบว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่ Gen Y & Gen Z (First Jobber) ในปัจจุบันมีความต้องการเช่าที่อยู่อาศัยมากกว่าการซื้อ โดยคนในกลุ่มนี้มีสัดส่วนเป็นผู้เช่ากว่า 50% และมีกำลังจ่ายค่าเช่าเฉลี่ย 6,000-10,000 บาทต่อเดือน รายได้เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 20,000-40,000 บาท เนื่องจากคนในกลุ่มนี้มีความต้องการที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์กับการใช้ชีวิต ที่มีแนวโน้มอยู่คนเดียวมากขึ้น และชอบที่อยู่อาศัยที่มีความสะดวกสบาย ใช้เทคโนโลยี่ที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัย
รวมทั้งพฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบผสมผสาน(Hybrid Work) ที่มีความยืดหยุ่นในการทำงานและการใช้ชีวิต ในขณะเดียวกันไม่ต้องการภาระค่าใช้จ่ายที่สูง เพราะจะกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนั้นการเช่าจึงตอบโจทย์มากกว่าการซื้อที่อยู่อาศัยที่ปัจจุบันที่มีระดับราคาที่สูงขึ้นตามภาวะของราคาที่ดิน และต้นทุนในการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่สูงขึ้น
จากรายงานวิจัยล่าสุดของทีมวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ แอล ดับเบิลยู เอส พบว่า ราคาที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลปี 2566 ที่ผ่านมา โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 5.49 ล้านบาทต่อยูนิต เพิ่มขึ้น 24% จากราคาเฉลี่ยที่ 4.43 ล้านบาทต่อยูนิตในปี 2565
“ราคาที่อยู่อาศัยในปัจจุบันปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าความสามารถในการซื้อของคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นวัยทำงาน ทำให้คนกลุ่มนี้เลือกที่จะเช่ามากกว่าซื้อที่อยู่อาศัย จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ลงทุนซึ่งปัจจุบันมากกว่า 65% ของผู้ซื้อเพื่อการลงทุนเป็นกลุ่มคนใน Gen X และ Baby Boomer ในการเลือกซื้ออาคารชุดพักอาศัยเพื่อการลงทุนสร้างรายได้จากการเช่า ที่ให้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนเฉลี่ย 4-6% ขึ้นอยู่กับทำเล”
จากพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้เช่าที่ต้องการที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์การที่อยู่อาศัยในทำเลที่เดินทางสะดวก สามารถตอบสนองกับความต้องการอยู่อาศัยเพียงลำพัง ที่มาพร้อมกับความสะดวกสบายและเทคโนโลยี่ ดังนั้นการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะอาคารชุดพักอาศัยสำหรับกลุ่มผู้ซื้อที่เป็นนักลงทุน จึงควรคำนึงถึงความต้องการของผู้เช่า ซึ่งพบว่ามี 5 ปัจจัยสำคัญสำหรับการพัฒนาและการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อการปล่อยเช่าที่ตอบโจทย์กับกลุ่มผู้เช่า ประกอบด้วย
ทำเลที่มีศักยภาพ เป็นปัจจัยแรกที่นักลงทุนต้องพิจารณาและประเมินให้ดี เพราะเป็นหัวใจสำคัญที่กำหนดมูลค่าของอาคารชุด โดยควรเลือกลงทุนอาคารชุดในทำเลที่มีศักยภาพตอบโจทย์การใช้ชีวิตของกลุ่ม Gen Y & Gen Z โดยเฉพาะทำเลใกล้แนวรถไฟฟ้า และใกล้แหล่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ จากการสำรวจของแอล ดับเบิลยู เอส พบว่า พฤติกรรมของผู้อยู่อาศัยกว่า 90% พิจารณาเลือกที่อยู่อาศัยจากความสะดวกในการเดินทางไป-กลับสถานที่ทำงาน สถานศึกษา ระยะทางไม่เกิน 5 กิโลเมตร หรือเดินทางไม่เกิน 20 นาที
ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และบริษัทบริหารอาคารมืออาชีพ นักลงทุนควรเลือกอาคารชุดของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่น่าเชื่อถือเป็นที่รู้จักในตลาด และมีแนวคิดในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมตั้งแต่การออกแบบ ก่อสร้าง การอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน รวมถึงการให้บริการหลังการขายต่างๆ ผ่านช่องทางเทคโนโลยีและทีมงานบริษัทบริหารอาคารที่มีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการดูแลรักษาพื้นที่ส่วนกลาง สามารถเพิ่มมูลค่า (Value Added) ในโครงการเป็นอย่างดี
การพัฒนาห้องชุดแบบ SMART LIVING และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันในพื้นที่ส่วนกลาง จากพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญต่อความสะดวกสบายในการอยู่อาศัย โดยมากกว่า 50% ต้องการอุปกรณ์ IoT ที่สามารถควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าในที่พักได้ มีพื้นที่ส่วนกลางที่ตอบโจทย์ความต้องการคนรุ่นใหม่ คือ CO -WORKING SPACE พร้อม WIFI รองรับการทำงานแบบ HYBRID WORK มีทั้งแบบนั่งคนเดียว และแบบกลุ่ม, ฟิตเนส, สระว่ายน้ำ, ตู้บริการอัตโนมัติ และควรเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่
นายหน้าอสังหาริมทรัพย์มืออาชีพ ควรเลือกใช้บริการกับผู้เชี่ยวชาญด้านการบริการจัดการการเช่า หรือนายหน้าอสังหาฯที่เป็นมืออาชีพให้บริการแบบครบวงจรตั้งแต่การตลาด คัดกรองผู้เช่าที่มีศักยภาพ และปล่อยเช่าได้อย่างรวดเร็ว จากผลการสำรวจของแอล ดับเบิลยู เอส พบว่า 48% ของผู้ตอบแบบสอบถามคิดว่าเรื่องการหาช่างซ่อมแซม ติดตั้งอุปกรณ์เป็นเรื่องยุ่งยากของผู้อยู่อาศัยในอาคารชุด และอีก 44% คือ การขนย้ายสิ่งของ เป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับผู้อยู่อาศัยในอาคารชุดและต้องการผู้ช่วยเหลือ ดังนั้นการมีผู้ช่วยมืออาชีพที่อำนวยความสะดวกดูแลประสานงานแทนนักลงทุนได้ ตั้งแต่วัน CHECK-IN จนถึงวัน CHECK-OUT เป็นอีกเรื่องที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม
บริการพิเศษสำหรับผู้เช่า นอกเหนือจากการตกแต่งและดูแลรักษาห้องปล่อยเช่าให้อยู่ในสภาพดีน่าอยู่แล้ว นักลงทุนควรจัดให้มีบริการพิเศษระหว่างการเช่า เช่น บริการแบบไม่มีค่าใช้จ่ายล้างแอร์ทุก 6 เดือน มีแม่บ้านทำความสะอาด 1 ครั้งภายในระยะสัญญาเช่า 12 เดือน นอกจากได้ความพึงพอใจจากผู้เช่าแล้วยังเป็นการดูแลรักษาห้องได้อีกทาง เสนอสิ่งจูงใจในการต่ออายุสัญญาเช่า เช่น ส่วนลดค่าเช่าหรือที่จอดรถฟรี จะช่วยกระตุ้นให้ผู้เช่าปัจจุบันต่ออายุสัญญาเช่าได้