“ศศรา หัวหิน”เป็นโปรเจ็กต์โครงการที่ 4 ของกลุ่มร่วมอิสสระ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง“เครือสหพัฒน์” กับ “ชาญอิสสระ” ที่ได้เริ่มพัฒนาโครงการร่วมกันมาตั้งแต่เมื่อ10กว่าปีแล้วภายใต้ชื่อ “ทิวทะเลเวิลด์ ชะอำ” ในรูปแบบคอนโดมิเนียมมากกว่า 1,000 ยูนิต ซึ่งปัจจุบันทำยอดขายรวมกันได้แล้วกว่า 90% รวมถึงโรงแรมบาบา บีช คลับ หัวหินและพื้นที่พาณิชย์ “หัวหิน วัน”
เดินทางสะดวก ติดชายหาดเขาตะเกียบ
และเมื่อช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมากลุ่มร่วมอิสสระ ได้มาปักหมุดโครงการใหม่ “ศศรา หัวหิน” ลักชัวรี บีชฟร้อนท์ เรสซิเดนซ์ ติดหาดเขาตะเกียบ เจาะกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ เป็นอาคาร Low Rise สูง 4 ชั้นมีทั้งหมด 5 อาคาร จำนวน 110 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 1,500 ล้านบาท ล่าสุดได้ก่อสร้างแล้วเสร็จและมีเจ้าบ้านได้ทยอยรับโอนและเข้าอยู่อาศัยแล้วบางส่วน
ที่ตั้งโครงการอยู่บนพื้นที่ 5 ไร่ 1 งาน 43.6 ตร.ว. ตั้งอยู่ในซอยอ่าวหัวดอน 5 ของอำเภอหัวหิน ติดหาดเขาตะเกียบที่มีความยาว 8 กิโลเมตร ขณะที่พื้นที่หน้าหาดโครงการมีความยาว 47 เมตร นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้ถนนเพชรเกษม สามารถเดินทางด้วยรถยนต์จากกรุงเทพด้วยระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร และ 32 กิโลเมตรจากชะอำ ห่างจากหัวหินประมาณ7 กิโลเมตร อีกทั้งยังใกล้แหล่งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า Bluport Huahin มีอยู่ห่างจากโครงการ 5.4 กิโลเมตร ตลาด Cicada Market ระยะทาง2.9 กม. นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้สนามกอล์ฟ เส้นทางปั่นจักรยาน ที่สำคัญบริเวณด้านหน้าชายสามารถเล่นSurf ได้นานถึง 6 เดือนตั้งแต่เดือนตุลาคม-มีนาคม
จำนวนยูนิตที่น้อย มีความเป็นส่วนตัวสูง
ด้วยจำนวนห้องชุดที่มีทั้งหมดแค่ 110 ยูนิต ทำให้และเเต่ละชั้นมีจำนวนยูนิตน้อย ห้องชุดมีขนาดห้องใหญ่ ทำให้ไม่รู้สึกไม่อึดอัด เหมาะกับกลุ่มครอบครัว โดยขนาดพื้นที่ห้องชุดให้เลือกตั้งแต่ 37 – 160 ตารางเมตร มีให้เลือก 3 รูปแบบ ได้แก่ แบบ 1 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ใช้สอย37-42 ตารางเมตรจำนวน 42 ยูนิต,แบบ 2 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ใช้สอย74-92 ตารางเมตรจำนวน 60 ยูนิต และแบบ 3 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ใช้สอย 155-160 ตารางเมตรจำนวน 8 ยูนิต
โดยห้องชุดแต่ละแบบมีการออกแบบฟังก์ชันการอยู่อาศัยให้เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศ และภูมิอากาศที่เป็นริมทะเล มีลมพัดผ่าน ทำให้อากาศภายในห้องถ่ายเทได้สะดวก ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมเขตร้อนชื้น ที่มีลักษณะเด่นด้านการใช้วัสดุธรรมชาติมาใช้ในการสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายในการพักอาศัย สะท้อนถึงการใช้ชีวิตที่หลีกหนีจากความวุ่นวายภายใต้คอนเซปต์ “The Art of Escape”
โดยชั้น 1 ในเเต่ละอาคาร มีการออกแบบในลักษณะการเข้าถึงให้รู้สึกถึงความเป็น “บ้าน” โดยก่อนเข้าบ้านจะมีประตูรั้วเล็กๆ เปิดเข้ามาเจอ mini semi-outdoor courtyard ก่อนเพื่อปรับความรู้สึก ก่อนเข้าสู่ภายในห้องพักที่อีกด้านจะเชื่อมกับสวนเเละสระว่ายน้ำ ทำให้เกิด ventilation ของลมที่จะพัดจากคอร์ดฝั่งทางเข้าไปสู่อีกฝั่งของสวนและสระว่ายน้ำ
ส่วนชั้น 2-4 ในเเต่ละอาคาร จะออกเเบบในคอนเซ็ปต์ของการพักผ่อน โดยเเต่ละห้องชุด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแปลนหน้ากว้าง บานกระจกของห้องมีขนาดใหญ่ ห้องรับเเขกมีความโอ่โถง และมีการยื่น ” bench window seat ” ที่กระจกรอบ 3 ด้าน ออกไปเพื่อเป็นจุดที่สามารถออกไปนั่งพักผ่อนรับลมธรรมชาติ
พิเศษสำหรับห้องชุดแบบ 3 ห้องนอนพลัส beach front ที่มีเพียง 8 ยูนิตเท่านั้น ขนาดเเละฟังก์ชั่นเหมาะเเก่การเป็นบ้านหลังที่สองของครอบครัวที่จะมาพักผ่อน ทุกฟังก์ชั่นในห้องได้วิวทะเลทั้งหมด พร้อมห้องสำหรับแม่บ้านและครัวไทย รวมถึงส่วนซักล้างภายนอก
ออกแบบสไตล์ Tropical Architecture
ออกแบบสไตล์Tropical Architecture ที่เน้นสถาปัตยกรรมเขตร้อนชื้น โดยคำนึงถึงการออกแบบให้เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศที่เป็นริมทะเล มีลมพัดผ่าน จึงได้ออกแบบระเบียงให้มีชายคายื่นเพื่อป้องกันแดดและฝน รวมทั้งการออกแบบส่วนยื่นของอาคารที่เป็นที่นั่งริมระเบียงโดยสามารถเปิดรับลมได้ พร้อมออกแบบช่องเปิดต่างๆ ของอาคารที่มีส่วนให้ลมเข้า-ลมออก เพื่อให้เกิดสภาวะถ่ายเทของอากาศในห้อง การออกแบบช่องว่างระหว่างอาคารเพื่อให้ลมสามารถพัดผ่านได้ดี เป็นต้น
เน้นการสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายในการพักอาศัย ด้วยการใช้เส้นสายของส่วนกลางอาคารที่เป็นผนังอิฐที่โค้งมนเเทรกตัวไปในอาคารเหลี่ยมเสมือนธรรมชาติที่เเทรกตัวไปในอาคาร ประกอบกับการใช้วัสดุที่ให้ความรู้สึกถึงกลิ่นอายธรรมชาติที่กลมกลืน และผ่อนคลาย นอกจากนี้ยังได้นำวัสดุ Earth tone color มาใช้ในการออกแบบวัสดุหลักในโครงการ “ อิฐดินเผา terracotta bricks – terracotta tile “ เป็นวัสดุ Craft ที่ให้ความรู้สึกถึงกลิ่นอายธรรมชาติ
ปัจจุบันราคาขายห้อชุดเริ่มต้นอยู่ที่ 5.99 ล้านบาทสำหรับห้องชุดขนาด 37 ตารางเมตร และราคาขายสูงสุดอยู่ที่ 55 ล้านบาท ตกแต่งแบบ Fully Fitted ทำยอดขายได้แล้วกว่า 70% ตั้งเป้าจะปิดการขายห้องชุดที่เหลืออีกประมาณ 30 ยูนิตได้ประมาณไตรมาสแรกปี 2568 โดยกลุ่มลูกค้าหลัก 95%เป็นคนไทย โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าจากกรุงเทพฯที่มาซื้อห้องชุดเก็บไว้เป็นบ้านตากอากาศ และที่เหลืออีก 5%เป็นลูกค้าต่างชาติ
สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ มีทั้งสระว่ายน้ำ 5 แบบ 5 สไตล์ ประกอบด้วย Lagoon Pool , Lap Pool, Step Waterfall and Hidden Jacuzzi, Kid’s Pool และ Entertainment Pool พร้อมด้วยกิจกรรมทั้งภายในและภายนอกโครงการ อาทิ บีช คลับ ฟิตเนส พูลคลับ เรือคายัก เซิร์ฟบอร์ด เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง พร้อมระบบ CCTV เข้า-ออก โครงการด้วยระบบ Key card