กรมธนารักษ์ เผยราคาประเมินที่ดินใหม่ทั่วประเทศเพิ่มขึ้น 11% ขณะที่กรุงเทพฯเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2.45 % “ถนนวิทยุ “เพิ่มสูงสุด 100 % เป็นตารางวาละ 1 ล้านบาท ด้าน “พรนริศ ชวนไชยสิทธิ์” คาดที่ดินออกสู่ตลาดมากขึ้น แนะผู้ประกอบการต้องขยายไลน์ธุรกิจ ลดเสี่ยง
วันนี้ (15 พ.ค.2562)ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ไทย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) จัดสัมมนาเรื่อง “ พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ.2562 และราคาประเมินที่ดิน” โดยนายฐนัญพงษ์ สุขสมศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักประเมินราคาทรัพย์สิน กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าการประกาศใช้ราคาประเมินที่ดินใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2563 มีระยะเวลาการบังคับใช้ 4 ปี (ปี2563-66) ว่า โดยรวมราคาที่ดินใหม่ทั่วประเทศจะปรับขึ้นประมาณ 11 % โดยราคาที่ดินในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ปรับขึ้น ดังนี้
- จังหวัดปทุมธานี ราคาเพิ่มขึ้นสูงสุด 7.07 %
- จังหวัดนครปฐม เพิ่มขึ้น 6.46 %
- จังหวัดสมุทรปราการ 5.36 %
- จังหวัดสมุทรสาคร เพิ่มขึ้น 3.58 %
- และจังหวัดนนทบุรีปรับขึ้นน้อยสุดอยู่ที่ 0.25 %
นายฐนัญพงษ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับราคาประเมินที่ดินในกรุงเทพฯนั้นปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2.45 % โดยพบว่า
- ถนนวิทยุ ราคาประเมินใหม่(บาท/ตารางวา หรือ ตร.ว.) อยู่ที่ 1 ล้านบาท(ลบ.) จากราคาประเมินเดิมอยู่ที่ 5-7.5 แสนบาท ราคาปรับขึ้น 100-33.33 %
- ถนนพหลโยธิน ราคาประเมินใหม่ 1.3-5 แสนบาทต่อตร.ว.จากเดิมอยู่ที่ 1-4 แสนบาทต่อตร.ว.หรือเพิ่มขึ้น 30-25 %
- และถนนรามอินทรา ปรับมาอยู่ที่ 1-1.7 แสนบาทต่อตร.ว. จากเดิมอยู่ที่ 85,000-1.5 แสนบาท หรือเพิ่มขึ้น 17.65-30.76 %
“ตอนนี้ราคาประเมินใหม่ทำไปแล้ว 70 % บางพื้นที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง บางพื้นที่ปรับขึ้นไปสูงกว่า 100%” นายฐนัญพงษ์ กล่าว พร้อมกับระบุว่า ขณะนี้ทางกรมธนารักษ์ มีนโยบายที่จะจัดลดรอบหรือทำการประมินราคาที่ดินใหม่ในทุกๆ2ปี
ส่วนจังหวัดที่อยู่ในโซนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ทั้งจังหวัดชลบุรี และระยอง ราคาปรับขึ้น 20 % ส่วนที่จังหวัดฉะเชิงเทรายังปรับขึ้นไม่มากนัก
นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า ปัจจุบัน เมื่อเริ่มเข้าสู่การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างใหม่ฬฯเดือนมกราคม 2563 คาดจะเริ่มเห็นที่ดินออกสู่ตลาดมากขึ้น ทั้งนี้ ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ น่าจะต้องมีการปรับตัว ป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อีกทั้งรองรับกับความต้องการของตลาด อาทิ ขยายไปสู่ธุรกิจอื่นๆ เช่น ธุรกิจโรงแรม รวมถึงธุรกิจโรงพยาบาล หรือธุรกิจเพื่อสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันพบว่าจีนสนใจร่วมทุนกับผู้ประกอบการไทยที่หัวหินบนเนื้อที่หลายพันไร่เพื่อรองรับวัยเกษียณ