เอสซีฯเติบโตแข็งแกร่งฝ่าวิกฤติโควิด-19 ฉลุย สรุปปี 63 ทำนิวไฮทั้งรายได้และยอดขาย โชว์รายได้รวม 19,051 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,898 ล้านบาท เตรียมปันผล 0.18 บาท/หุ้น ปี 64 พร้อมลุยต่อยอดความสำเร็จ 11 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 17,000 ล้านบาท
นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านสนับสนุนองค์กร บริษัท เอสซี แอสเสทคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC เปิดเผยถึงความสำเร็จของผลการดำเนินงานในปี 2563 ที่ผ่านมาว่า SC สอบผ่านปีโควิด-19 มาได้ด้วยดี ด้วยกลยุทธ์เชิงรุกที่ปรับตัวอย่างรวดเร็วและยืดหยุ่น และการรักษามาตรฐานคุณภาพสินค้าและบริการ โดยในปี 2563 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถทำสถิติสูงสุดทั้งรายได้และยอดขาย โดยมีรายได้รวม 19,051 ล้านบาท เติบโต 7% (YoY) เป็นรายได้จากการดำเนินงาน 18,977 ล้านบาท มาจากแนวราบที่เติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 14,265 ล้านบาท เติบโต 27% (YoY) สัดส่วนรายได้แบ่งเป็นรายได้จากการขายร้อยละ 95 และรายได้จากค่าเช่าและบริการร้อยละ 5 ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,898 ล้านบาทคิดเป็นกำไรต่อหุ้น เท่ากับ 0.46 บาท พร้อมกับยอดขายรวม 16,602 ล้านบาท เติบโต 15% (YoY) โดยมียอดขายรอโอน หรือ Backlog รวม 5,634 ล้านบาท 54% พร้อมโอนในปีนี้
โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมและหนี้สินรวมเท่ากับ44,319 ล้านบาท และ 25,676 ล้านบาทตามลำดับ มูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น เท่ากับ 4.46 บาท ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติเห็นชอบให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นขออนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานของปี 2563 ในอัตราหุ้นละ 0.18 บาท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 20 พฤษภาคม 2564
สำหรับในปีนี้ บริษัทจะเดินหน้าในการเปิดตัวโครงการใหม่ 11 โครงการ มูลค่ารวม 17,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 3 โครงการคอนโดมิเนียม มูลค่า 8,000 ล้านบาท และ 8 โครงการแนวราบ มูลค่า 9,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นพอร์ตหลักของบริษัท แบ่งเป็น
1.บ้านราคามากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป ภายใต้แบรนด์ “บางกอก บูเลอวาร์ด” กับ “บางกอก บูเลอวาร์ด ซิกเนเจอร์” บนหลากหลายทำเลคุณภาพ ได้แก่ เพชรเกษม–ปิ่นเกล้า, ดอนเมือง–แจ้งวัฒนะ และวัชรพล–รามอินทรา
2.บ้านราคา 5-10 ล้านบาท เป็นบ้านแบรนด์ใหม่ “เวนิว ไอดี”รองรับกลุ่มเป้าหมายคน Gen Y บนทำเลพระราม 5, เวสต์เกต, ศรีนครินทร์–บางนา
3.โฮมออฟฟิศเริ่ม 5 ล้านบาท แบรนด์ “เวิร์คเพลส”ทำเลรามคำแหง–วงแหวน กับทาวน์โฮมเริ่ม2 ล้านบาท แบรนด์ “เวิร์ฟ”ทำเลสายไหม–พหลโยธิน
ในส่วน “บ้านคนโสด”บ้านซีรี่ส์พิเศษภายใต้แนวคิด “One Size doesn’t Fit All”พร้อมเปิดจองครั้งแรกที่โครงการเวนิว พระราม 9 วันที่ 6-7 มีนาคม 2564 เป็นต้นไป
“บริษัทมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและมีสภาพคล่องสูงพร้อมรองรับการลงทุน ปัจจุบันมีเงินสดและวงเงินพร้อมเบิกมากกว่า 10,000 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนที่บริษัทใช้มาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินการ เงินกู้ยืมจากธนาคาร และการออกหุ้นกู้ ด้วยความเชื่อมั่นของลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ ประกอบกับความพร้อมในทุกด้านของ SC มั่นใจว่า ปี 2564 บริษัทจะประสบความสำเร็จเติบโตทั้งยอดขายและรายได้เช่นที่ผ่านมา โดยมาจากทั้งพอร์ตหลักของแนวราบทุกระดับราคา จำนวน 58 โครงการ มูลค่าโครงการ 36,900 ล้านบาท และโครงการแนวสูง 11 โครงการ มูลค่าโครงการ 20,600 ล้านบาท ”นายอรรถพล กล่าวในที่สุด