“โอทูอี ซัพพลาย”เปิดกลยุทธครึ่งปีหลัง 2565 ส่งสินค้าปูพื้นระดับลักชัวรีเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ทั้ง B2C และ B2B ล่าสุดขยายช่องทางขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ ตอบโจทย์ทุกความต้องการของตลาดบ้านหรู คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน พร้อมโชว์นวัตกรรม O2E Service Apps และ AR / VR ดีไซน์แบบบ้านเอง ตั้งเป้ายอดขายปีนี้แตะ250ล้านบาท
นายวรัญญู จินดา กรรมการผู้จัดการ บริษัทโอทูอี ซัพพลาย จำกัด หรือ O2E Supply ผู้นำเข้าวัสดุปูพื้นคุณภาพจากต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 บริษัทเตรียมแผนรุกกตลาดขายวัสดุปูพื้นผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น จากปัจจุบันที่ช่องทางการขายหลักจะเป็นการขายผ่านลูกค้าโครงการจัดสรรทั้งบ้านแนวราบและคอนโดมิเนียม รวมถึงอาคารสำนักงาน ที่มีสัดส่วนประมาณ70% และขายผ่านออนไลน์ 30% ขณะที่ก่อนหน้านี้สัดส่วนการขายผ่านกลุ่ม B2B (Business to Business) และ B2C (Business to Customer)สูงถึง 90-95%
ขณะเดียวกันวางแผนขยายฐานกลุ่มลูกค้าไปยังหัวเมืองต่างจังหวัดเพิ่มด้วยผ่านโมเดิร์นเทรด ซึ่งล่าสุดอยู่ระหว่างเจรจากับกลุ่มบุญถาวร รวมถึงการเปิดตัวโชว์รูมของบริษัทเอง หลังจากได้เปิดตัวโชว์รูมแห่งแรก O2E ที่อาคารเอฟวายไอ เซ็นเตอร์
นอกจากนี้ยังได้เปิดตัวแอปพลิเคชัน O2E Service เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ในการนัดหมายเข้าเยี่ยมชมสินค้า การประเมินงานติดตั้งต่างๆ โปรโมชันและการสะสมคะแนน
รวมทั้งเตรีบมนำนวัตกรรม Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality (AR) เทคโนโลยีโลกเสมือนจริงมาใช้ในการให้บริการกับลูกค้า สถาปนิก อินทีเรีย และดีไซเนอร์
“บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างความท้าทายใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นในตลาดวัสดุก่อสร้างตกแต่งทั้งภายใน ภายนอกอาคารและนวัตกรรมวัสดุปิดผิวในตลาดลักชัวรี โดยเตรียมเดินหน้าการสร้างกลยุทธ์ในหลายด้านด้วยกัน ทั้งช่องทางการขายและการตลาดใหม่ ๆ”
นายวรัญญูกล่าวว่า บริษัทมีความเชี่ยวชาญในตลาดวัสดุงานพื้นไม้ระดับลักชัวรีครบวงจรมากว่า 10ปี ทั้งพื้นไม้ไฮบริด เอ็นจิเนียร์ ที่สามารถกันน้ำและรอยขูดขีด ไปจนถึงพื้นไม้ Luxe อัลตร้าเอ็นจิเนียร์ ที่เป็นสินค้าคอลเลคชั่นใหม่ โดยเป็นพื้นไม้จริงที่ทนทานต่อน้ำและการเกิดรอย รวมไปถึงผนังงานไม้ Handcraft ที่มีการออกแบบลวดลายโดยทีมช่างมืออาชีพจากอิตาลี สำหรับนำไปใช้ปูพื้นที่อยู่อาศัย คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน สถานที่ราชการ โรงพยาบาล รวมถึงโรงเรียนนานาชาติ โดยมีราคาขายตั้งแต่ตารางเมตรละ 1 พันบาทไปจนถึงราคาสูงสุด 50,000 บาทต่อตารางเมตร
โดยปีนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้ 250 ล้านบาท ล่าสุดมีงานอยู่ในมือแล้วกว่า 200 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มียอดขาย 150 ล้านบาท โดยยอดขายหลัก 80% มาจากกลุ่มตลาดที่อยู่อาศัย
สำหรับภาพรวมและแนวโน้มของตลาดวัสดุตกแต่งระดับไฮเอนด์ยังมีโอกาสเติบโตค่อนข้างมาก จากไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ของผู้ซื้อที่อยู่อาศัยระดับบน โดยเปลี่ยนจากจากการอยู่อาศัยแบบคอนโดมิเนียมมาเป็นบ้านแนวราบ ที่มีพื้นที่กว้างขึ้นกว่าเดิม เพื่อรองรับรูปแบบการทำงานที่บ้าน (Work From Home) ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้มีส่วนสนับสนุนให้ความต้องการตกแต่งบ้านขยายตัวเพิ่มขึ้น