“บริทาเนีย”อวดผลงานไตรมาส 2 ทุบสถิติใหม่ต่อเนื่อง ทำกำไรสุทธิทะลุ 376 ล้านบาท เติบโตกว่า 140% หนุนผลประกอบการครึ่งปีแรก ยอดรายได้รวม 3,135 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 78% ชี้แนวโน้มตลาดแนวราบครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่องจากเรียลดีมานด์ ลุยเปิดโครงการใหม่ดันยอดขายตามเป้า
นางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI
เปิดเผยว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมียอดรับรู้รายได้รวม 3,135 ล้านบาท เติบโต 78% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิรวม 729 ล้านบาท เติบโต 153% โดยเฉพาะผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 สามารถทำสถิติสูงสุดใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง โดยมียอดรับรู้รายได้รวม 1,652 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 11% จากไตรมาส 1 ในจำนวนนี้เป็นรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์จำนวน 1,483 ล้านบาท โดยมีการเปิดตัวโครงการใหม่ 2 โครงการ และโครงการที่อยู่ระหว่างการขายอีก 19 โครงการ ในจำนวนนนี้เป็นโครงการร่วมทุนจำนวน 4 โครงการ คือ โครงการแกรนด์ บริทาเนีย คูคต สเตชั่น,โครงการบริทาเนีย โฮม บางนา กม.17, โครงการบริทาเนีย ทาวน์ บางนา กม.17 และโครงการบริทาเนีย อมตะ-พานทอง
ส่วนภาพรวมรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลัง คาดว่าจะทยอยฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ในส่วนของตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง เพราะเป็นเรียลดีมานด์ที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคระดับกลางถึงระดับบนที่ได้รับผลกระทบจากความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว ภาวะเงินเฟ้อ และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นไม่มาก สอดคล้องกับแผนพัฒนาโครงการของบริษัทในปีนี้ที่เน้นเปิดโครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ “บริทาเนีย” จับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง และแบรนด์ “แกรนด์ บริทาเนีย” จับกลุ่มลูกค้าระดับบน
“ตลาดที่อยู่อาศัยครึ่งปีหลังจะได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาฯ ทั้งการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดจำนอง การผ่อนคลายมาตรการ LTV ให้ผู้ขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยสามารถกู้ได้เต็ม 100% ของมูลค่าหลักประกัน แต่อย่างไรก็ดียังต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัว การปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของแบงก์ชาติ ราคาพลังงาน ต้นทุนการพัฒนาที่อยู่อาศัย และภาวะการแข่งขันในตลาดบ้านแนวราบที่เพิ่มขึ้น”
ดังนั้นบริษัทมั่นใจว่าจะทำผลการดำเนินงานได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีหลังจะเปิดโครงการใหม่ตามแผนเพื่อดันยอดขายให้เติบโตตามเป้าหมาย โดยจะเน้นการบริหารต้นทุนก่อสร้างให้เกิดประสิทธิภาพเพื่อส่งมอบบ้านและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน