RML เตรียมเซ็นMOU แลนด์ลอร์ด จ.ภูเก็ต ผุดโครงการรูปแบบ Turnkey กระจายความเสี่ยง

  • Post author:
You are currently viewing RML เตรียมเซ็นMOU แลนด์ลอร์ด จ.ภูเก็ต ผุดโครงการรูปแบบ Turnkey กระจายความเสี่ยง
ไรมอน แลนด์ฯเดินหน้าผุดโครงการลักชัวรี สนองดีมานด์กระเป๋าหนัก ระบุทำเลสุขุมวิท ได้รับความนิยมสูงสุดสัดส่วน 48% ล่าสุดเตรียมเซ็น MOU กับเจ้าของที่ดินในจ.ภูเก็ต ผุดโครงการในรูปแบบ Turnkey หวังกระจายความเสี่ยง พร้อมรุกสร้างDNA โครงการ Branded Residence เพิ่มมูลค่าสร้างความมั่นใจลูกค้า ด้านความคืบหน้าดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์โกยยอดขายแล้วกว่า 70% พร้อมโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ไตรมาส4/65 มั่นใจยอดโอนตามเป้า2,000 ล้านบาท
นายกรณ์ ณรงค์เดช
นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RML เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรีนั้นยังมีศักยภาพต่อเนื่อง จากการที่กลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงยังมีความสามารถในการซื้อที่ดีมาต่อเนื่อง และยังมองหาการซื้อสินทรัพย์ที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ลูกค้ากลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงมองหาโอกาสในการซื้ออย่างต่อเนื่อง ประกอบกับลูกค้ากลุ่มดังกล่าวไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะความผันผวนของเศรษฐกิจมากเหมือนกับลูกค้าระดับอื่นๆ และยังคงมีรายได้เข้ามาที่ดีเข้ามาจากการประกอบธุรกิจต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีผลกระทบในด้านการลงทุนที่ลดลงบ้าง แต่ถือว่ายังมีศักยภาพในการซื้อที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทยังคงเน้นการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรีอย่างต่อเนื่อง

โดยในช่วงไตรมาส 2/2565 ที่ผ่านมา คอนโดฯเปิดใหม่ทำเลใจกลางธุรกิจ(CBD)มีน้อยเนื่องจากที่ดินเริ่มหายากมากขึ้น ในขณะที่คอนโดฯเกรดA เปิดใหม่มีเพียง5% ขณะที่ดีมานด์ยังมีสูงอยู่ โดยเฉพาะห้องขนาดใหญ่ มียอดขายที่ดีมาก ซึ่งทำเลที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือสุขุมวิท สัดส่วน 48% รองลงมาคือลุมพินี สัดส่วน 26% อันดับ 3 ทำเลริมแม่น้ำเจ้าพระยาสัดส่วน 16% และทำเลสาทรสีลม สัดส่วน 10%

โดยในสัปดาห์หน้าบริษัทจะเซ็นสัญญาMOU กับเจ้าของที่ดินในจ.ภูเก็ต เพื่อพัฒนาโครงการในรูปแบบ Turnkey เนื่องจากแลนด์ลอร์ดดังกล่าวมีที่ดินแต่ไม่มี Know-how ซึ่งบริษัทฯก็เปิดโอกาสให้ร่วมทุน ซึ่งจะทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายไม่ต้องใช้เงินในการลงทุนที่สูง และกระจายความเสี่ยงร่วมกัน ซึ่งโครงการที่พัฒนาจะเป็นคนละกลุ่มเป้าหมายกับโครงการ “Rosewood Residence Kamala”.ภูเก็ต ที่บริษัทฯพัฒนาเอง ส่วนรายละเอียดต่างๆยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้

การร่วมมือกับพันธมิตรเจ้าของที่ดินถือเป็นหนึ่งกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทรูปแบบที่เป็น Asset light หรือไม่ต้องมีการลงทุนเพื่อซื้อที่ดินหรือสินทรัพย์อี่นๆเข้ามามาก และทำให้บริษัทสามารถพัฒนาโครงการใหม่ๆได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งยังคงเน้นการพัฒนาโครงการระดับลักชัวรี่ขึ้นไปเป็นหลักนายกรณ์ กล่าว

สำหรับโครงการ “Rosewood Residence Kamala”.ภูเก็ต พัฒนาในรูปแบบของวิลล่าระดับซูเปอร์ลักชัวรี ระดับราคา 500-1,000 ล้านบาท จำนวน 14 หลัง  มูลค่าโครงการ 7,800 ล้านบาทโดยได้เลื่อนเปิดขายไปเป็นไตรมาส4/2565 หรือ ไตรมาส1/256 ซึ่งเป็นโครงการ Branded Residence แห่งแรกของบริษัทในรูปแบบวิลล่า  ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่สร้างความแตกต่างให้กับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทฯและทำให้ผู้ซื้อมีความรู้สึกได้รับคุณค่าและช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทที่มอบให้กับผู้ซื้อ พร้อมกับมอบบริการที่สร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ซึ่งรูปแบบดังกล่าวจะสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อโครงการได้เร็วขึ้นถึง 30%

อีกทั้งในปี 2566 จะมีการเปิดคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี ที่เป็น Branded Residence ในย่านสุขุมวิท 38 ที่เป็นโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรต่างชาติประเทศแถบเอเชีย  มูลค่าโครงการประมาณ 5,500 ล้านบาท  ที่เน้นพื้นที่ใช้สอยต่อยูนิตตั้งแต่ 200 ตารางเมตรขึ้นไป เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าคนไทย รวมไปถึงเศรษฐีคนรุ่นใหม่อายุ 20 ปลายๆจากประเทศเมียนมา กัมพูชา สปป.ลาว เวียดนาม และรัสเซีย

ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 3 ปีนี้ ส่งสัญญาณฟื้นตัวจากปัจจัยบวกในหลาย ด้านที่มีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งช่วยกระตุ้นกำลังซื้ออสังหาฯ โดยรวมให้กลับมา โดยเฉพาะกำลังซื้อของชาวต่างชาติที่กลับเข้ามาจากการเปิดประเทศ ซึ่งบริษัทฯมองเห็นโอกาสตรงนี้และมีความพร้อมอย่างมากในการรองรับดีมานด์ที่เพิ่มสูงขึ้นนายกรณ์ กล่าว

ส่วนความคืบหน้าโครงการดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์” (The Estelle Phrom Phong) ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 26 พัฒนาในรูปแบบของคอนโดมิเนียม Ultra-Luxury สูง 37 ชั้น จำนวน 146 ยูนิตราคาเริ่มต้น 16.8-300 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 5,200 ล้านบาท เป็นโครงการร่วมทุนกับบริษัทโตเกียว ทาเทโมโนะ จำกัด บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น สัดส่วนการลงทุน  51 : 49 ปัจจุบันมียอดขายไปแล้วกว่า 70% ซึ่งเป็นการซื้อเพื่ออยู่เอง สัดส่วนกว่า 60-65%  โดยเป็นยอดขายจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติเกือบประมาณ 40% ส่วนใหญ่เป็นชาวจีนสิงคโปร์ และญี่ปุ่น ซึ่งสามารถปล่อยเช่าได้ในราคา 120,000 บาท/เดือน(ห้องขนาด 2 ห้องนอนพื้นที่ 100 ตารางเมตร) และมั่นใจว่าจะปิดการขายกลุ่มลูกค้าต่างชาติได้เต็มโควต้าแน่นอนเห็นได้จากความสำเร็จในยอดขายกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่ผ่านมาหลายโครงการของไรมอนแลนด์ อาทิ โครงการ 185 ราชดำริ, เดอะ ริเวอร์, เดอะ ดิโพลแมท 39, เดอะ ลอฟต์ สีลมเป็นต้น

ด้านการก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้ชมโครงการและห้องตัวอย่างสุดเอ็กซ์คลูซีฟได้แล้ววันนี้เตรียมให้ลูกบ้านเข้าตรวจรับมอบห้องเพื่อดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ต่อไป พร้อมเข้าอยู่ตั้งแต่ไตรมาส 4 ในปีนี้ โดยมั่นใจว่าจะสามารถโอนได้ตามเป้าที่วางไว้ที่ 2,000 ล้านบาท และจะปิดการขายได้ในไตรมาส2/2566

สำหรับความคืบหน้าโครงการอาคารสำนักงานให้เช่า ONE CITY CENTRE (OCC) พื้นที่เช่า61,000 ตารางเมตร ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จ คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในช่วงไตรมาส 1/2566 โดยปัจจุบันมีอัตราการเช่าแล้วกว่า 40% ซึ่งมีอัตราค่าเช่าเฉลี่ย 1,500 บาท/ตารางเมตร/เดือน อีกทั้งในช่วงไตรมาส 4/2565 จะเปิดตัวโครงการดาต้าเซ็นเตอร์ที่ร่วมทุนกับพันธมิตรสิงคโปร์ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำเข้ามาให้กับบริษัทฯ

ส่วนในปี 2566 การโอนโครงการคอนโดมิเนียมยังคงมีต่อเนื่อง ซึ่งจะมีโครงการคอนโดมิเนืยมtait สาทร 12 มูลค่า 4,400 ล้านบาท ที่เตรียมโอนให้กับลูกค้าในปี 2566 ซึ่งปัจจุบันมียอดขายแล้ว 85% โดยที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าชาวไทย และชาวต่างชาติเป็นอย่างดี อีกทั้งบริษัทมองว่ากลุ่มลูกค้าในประเทศเพื่อนบ้าน เป็นอีกหนึ่งกลุ่มลูค้าที่เริ่มมีความสนใจเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ไนประเทศไทยมากขึ้น เช่น กลุ่มลูกค้าชาวกัมพูชา และเมียนมา ที่เริ่มเห็นการเข้ามาซื้ออสังหาริทารัพย์ไนประเทศไทย โดยที่บริษัทจะมีการขยายฐานลูกค้ากลุ่มประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น รวมถึงกลุ่มลูกค้าตะวันออกกลางที่เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง และยังเชื่อมั่นว่าหลังจากที่จีนได้มีนโยบายเปิดประเทศ และให้คนจีนเดินทางออกมานอกประเทศ จะได้ฐานลูกค้าชาวจีนที่กลับมาซื้อที่ดีช่วยหนุนต่อยอดขายโครงการของบริษัทฯ

toppercool

CEO,Prop2morrow Blogger อสังหาฯ , นักการตลาดดิจิตัล สาย Content marketing