“อาคม เติมพิทยาไพสิฐ”เผยหลังต่อมาตรการค่าธรรมเนียมการโอน–จดจำนอง เหลือ 1%และ0.01% พบไม่กระตุ้นกำลังซื้อ เตรียมหาแนวทางช่วยเหลือต่อเนื่อง แนะผู้ประกอบการพัฒนาโครงการดีไซน์บ้านต้องคำนึงถึง 3 ปัจจัยหลัก ทันสมัยด้วยระบบดิจิทัล,ประหยัดพลังงานและเอื้อสังคมผู้สูงวัย
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษ ภายใต้หัวข้อ “เศรษฐกิจกับโอกาสภาคอสังหาริมทรัพย์” ในงานสัมมนา “Property Focus : Big Change to Future โอกาสและความท้าทาย” จัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ว่า ที่ผ่านมากระทรวงการคลังมีการออกมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนอสังหาฯจาก 2% เหลือ 1% และค่าจดจำนอง จากเดิม 1% เหลือ 0.01% ลงเพื่อกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งปี 2566 ได้ลดลงแต่ไม่ต่ำเท่าที่ผ่านมา ซึ่งต้องค่อยๆปรับ แต่หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ก็ต้องมาคุยกันอีกครั้ง ว่าจะมีแนวทางช่วยเหลืออย่างไร ส่วนมาตรการกำกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Lloan to Value ratio : LTV) ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ยังให้อัตราส่วนสินเชื่อต่อราคาบ้าน 70-80%
สำหรับโอกาสและความท้าทายในภาคอสังหาริมทรัพย์นั้น การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยต้องคำนึงถึงการดีไซน์ใน 3 ปัจจัยหลัก คือ
1.ดิจิทัล เพราะปัจจุบันเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์ต่างๆ ล้วนเป็นระบบดิจิทัล สั่งการผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งอนาคตหากไม่เรียนรู้ดิจิทัล ก็จะอยู่ยา
2.การประหยัดพลังงาน ที่ควรพัฒนาที่อยู่อาศัยให้ประหยัดพลังงาน ด้วยการติดโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) ที่สามารถเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นพลังงานไฟฟ้า ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก
3.สังคมสูงวัย ที่การออกแบบบ้านจะต้องคำนึงถึงกลุ่มผู้สูงอายุด้วย
“ทั้ง 3 เรื่องนี้ ต้องดูทั้งซัพพลายและดีมานด์ควบคู่กันไป โดยปัจจุบันโครงสร้างประชากรมีการโยกย้ายถิ่นฐานไปอยู่ต่างจังหวัดมากขึ้น สังเกตได้จากการที่มีการขยายการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีต่างๆกระจายไปตามเส้นทางต่างๆมากขึ้น ซึ่งข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาฯธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)พบว่าสินเชื่อสัดส่วน 40% เป็นผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในพื้นที่กทม. และอีก 60% เป็นสัดส่วนของผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัด เนื่องจากมีค่าครองชีพที่ถูก การเดินทางสะดวกสบายมากขึ้น”นายอาคม กล่าวในที่สุด